ิเป่าจูกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว ทำไมนางถึงโชคร้ายขนาดนี้ อุตส่าห์ปีนขึ้นมาถึงหลังเขา ยังมาเจอกับตัวปัญหาเข้าจนได้
“ท่านอย่าตามข้ามาเลย บ้านข้ายากจนข้นแค้น เลี้ยงหนุ่มหน้าขาว [1] ไม่ไหวหรอก”
หนุ่มหน้าขาว?
ิเป่าจูกลับมาที่ข้างบ่อและเปิดไม้น้ำออก นึกไม่ถึงว่าจะจับได้ปลาจี้ [2] ตัวใหญ่น้ำหนักราวครึ่งชั่ง [3] มาได้สองตัว นางกลัวว่าน้องชายจะหิวแย่แล้ว จึงรีบเดินกลับโดยไม่แยแส ‘ความประหลาดใจ’ ที่วาบผ่านดวงตาของชายหนุ่มเมื่อได้ยินคำนี้
เขายิ้มหยอกเย้า ยังคงพูดต่อไป “ผู้น้อยไม่ใช่หนุ่มหน้าขาวธรรมดาทั่วไป...”
เขาตามไปตลอดทางจนถึงเชิงเขา เดินตรงไปอีกสองสามลี้ [4] ก็ถึงหมู่บ้านแล้ว
แต่ก่อนที่นางจะขับไล่เขาไป ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่พากันเดินจากหน้าทางเข้าหมู่บ้านไปทางทิศตะวันออก
หัวใจของิเป่าจูพลันหล่นวูบ
ทางเข้าหมู่บ้านด้านทิศตะวันออกมีทุ่งนาแบบขั้นบันได ถัดจากแนวคันนาไปก็เป็บ้านของิเป่าจู
ยังไม่ทันถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ก็เห็นเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออก และบ้านที่ถูกไฟไหม้ก็เป็บ้านของิเป่าจูพอดี มีคนมุงอยู่รอบบ้าน ส่วนคนที่เป็ผู้นำถือคบเพลิงก็คือิเถี่ยจู้!
เป่าอวี้ยังอยู่ข้างใน
ความตระหนกลนลานและความเกลียดชังอย่างรุนแรงรึงรัดในหัวใจของิเป่าจูในชั่วพริบตา
นางไม่เคยคิดว่าจะมีคนโเี้อำมหิตถึงขั้นนี้ เฆี่ยนตีดุด่ายังไม่พอ นี่ถึงกับมาวางเพลิงเผาบ้าน คนเหล่านี้ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองกันบ้างเลยหรือ?
ยามนี้ิเป่าจูยังไม่เข้าใจหลักการที่ว่ากำแพงล้มคนร่วมผลัก [5] กฎหมายสมัยโบราณกับยุคปัจจุบันย่อมแตกต่างกัน ทุกสิ่งต้องพิจารณาตามสถานการณ์
ยิ่งใกล้เท่าไร เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของิเป่าอวี้ก็ยิ่งแสบแก้วหู
แต่คนที่ล้อมอยู่โดยรอบกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน ราวกับ้าจะเผาคนทั้งเป็
ิเถี่ยจู้เห็นนางวิ่งมาแต่ไกล ความคิดแก้แค้นก็ผุดขึ้นในดวงตา ปากก็ร้องะโเสียงดัง “ต้าซือ [6] บอกว่า ่นี้ในหมู่บ้านเกิดเื่ขึ้นมากมายล้วนเป็เพราะบ้านหลังนี้เป็อัปมงคล น่าแค้นใจนักที่ข้ารู้ช้าไป ทำเอาน้องชายกับน้องสะใภ้ที่น่าสงสารของข้าต้องล้มหายตายจากไปทั้งคู่”
ิเป่าจูขึงตาจ้องเขาอย่างเอาเป็เอาตาย แต่กลับทำอะไรไม่ได้ จึงวิ่งตรงไปทางที่เปลวเพลิงกำลังพวยพุ่ง
ประตูถูกคนปิดตายจากด้านนอก
ไม่ต้องคิด ิเถี่ยจู้เป็คนทำอย่างแน่นอน
นางออกแรงกระแทกประตูเข้าไป
ประตูถูกเปิดออก ไม้กระดานล้มเข้าไปในบ้าน ทับไฟดับไปแถบหนึ่ง แต่เพราะความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้คานหลังคาพังลงมา กระแสความร้อนจากเปลวเพลิงพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของนาง
“เป่าอวี้ เ้าอยู่ไหน”
นางสูดควันไฟเข้าไป เดิมทีก็มองสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในไม่ชัดอยู่แล้ว จึงสำลักไป ร้องะโเรียกไป
มีเสียงเบาหวิวราวกับเสียงยุงแว่วมาจากปลายเตียง “พี่หญิง อย่าเข้ามา อันตราย”
ิเป่าจูรู้ตำแหน่งของเป่าอวี้แล้ว ก็วิ่งเข้าไปกอดเขาไว้
“เป่าอวี้ อย่ากลัว พี่จะช่วยเ้าออกไปให้ได้”
ไฟลุกโหมแรงขึ้นทุกขณะ หนทางล้วนถูกปิดกั้นทั้งหมด นางมองหน้าต่างที่ถูกปิดตาย บัดนี้กำลังถูกไฟลุกไหม้
มารดามันเถอะ ตายเป็ตาย!
ิเป่าจูก่นสบถอย่างรุนแรงในใจ แล้วกอดรัดเป่าอวี้ในอ้อมแขนแแ่ ก่อนวิ่งฝ่ากองเพลิงออกไป
หลังจากหนีพ้นทะเลเพลิงออกมาได้แล้ว ไฟก็ลุกติดทั่วร่าง
นางวางเป่าอวี้ไว้ด้านข้าง แล้วนอนกลิ้งไปมากับพื้น จนกระทั่งลูกไฟที่ติดตามตัวถูกดับลง แต่เสื้อผ้าก็ไหม้จนขาดรุ่งริ่ง ปลายผมก็เหลืองกรอบ ใบหน้าเล็กจ้อยเท่าฝ่ามือก็ดำปี๋จนมองไม่เห็นเค้าหน้าเดิมโดยสิ้นเชิง
เมื่อนางลุกขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ
“ิเถี่ยจู้! เ้าคิดจะสังหารคนให้สิ้นซาก เผาเป่าอวี้ให้ตายทั้งเป็ใช่หรือไม่”
“เฮอะ นี่เ้าพูดเองทั้งนั้น”
ิเถี่ยจู้วางท่าเป็ลุงแสนดีแต่กลับถูกลูกหลานจิตใจโสมมสาดน้ำครำ
“ต้าซือกล่าวว่าบ้านหลังนี้ไม่สะอาด ข้าก็ต้องสละชีวิตเพื่อผดุงความชอบธรรม บ้านหลังนี้เป็ของน้องชายข้า ข้าไหนเลยจะไม่ปวดใจ ส่วนเป่าจู เ้าออกไปมั่วกับบุรุษ แต่กลับขังเป่าอวี้ไว้ในบ้าน ทำเอาหลานชายข้าถูกไฟคลอกตายไปแล้ว”
ิเป่าจูโกรธจนหัวเราะออกมา
คนไร้ยางอายผู้นี้ถึงขั้นกลับดำเป็ขาว!
ยังมาใส่ร้ายทำลายความบริสุทธิ์ของนาง
แต่ไม่นึกว่าคนในหมู่บ้านเ่าั้ถึงกับพากันคล้อยตามเป็ปี่เป็ขลุ่ย
“มิน่าเล่า สองวันก่อนข้าเห็นนางทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เข้าไปในป่า ไม่นานนักก็มีบุรุษคนหนึ่งเข้าไป ตอนนั้นข้ายังคิดว่านางหนูเป่าจูเป็เด็กดีเฉลียวฉลาดมาโดยตลอด คงไม่ทำเื่ต่ำช้าเยี่ยงนั้น ไม่นึกเลยว่า...”
“จิ๊ๆ ลุงของนางออกมาพูดเอง จะเป็เท็จได้อีกหรือ”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ วันนั้นข้าเห็น ยังนึกว่าตนเองตาฝาด”
“สตรีพรรค์นี้สมควรถูกจับขังกรงหมูถ่วงน้ำ”
ชั่วพริบตานั้นสายตาของทุกคนที่มองนางล้วนเปลี่ยนไป ราวกับว่าเห็นนางเข้าไปขโมยของแล้วถูกจับได้ด้วยตาของตนเอง ต่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเดือดดาลแทบอยากจะฉีกเนื้อให้ขาดเป็ชิ้นๆ
ิเถี่ยจู้เห็นเช่นนี้ สายตาก็ผุดแววลำพองใจ
นี่คือความสามารถของเขา ในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ว่าเขาพูดอะไรก็เป็ไปตามนั้น นางเด็กเหลือขอบังอาจทำให้เงินที่กำลังจะมาถึงมือเขาต้องหลุดลอยไป ซ้ำยังกล้าวางอำนาจข่มขู่เขาอีก บัดนี้ชื่อเสียงของนางถูกทำลายสิ้นแล้ว แต่งก็แต่งไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้น นางเด็กน่าตายคนนี้ก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก วิธีการเก่าๆ ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
แต่ความแค้นในใจกลับไม่อาจมอดดับ มิสู้จัดการนางให้ตายไปเสียเลยดีกว่า
หากฆ่านางเด็กสารเลวนี่ไม่ได้ ก็อย่าเรียกเขาว่าิเถี่ยจู้
จากนั้นก็แสร้งทำเป็กล่าววาจาด้วยความปวดร้าวใจ “ทุกคน สกุลิของข้าให้กำเนิดหญิงที่ทำให้เสื่อมเสียวงศ์ตระกูล เป็ความผิดของข้า และสิ่งนี้อาจส่งผลกระทบให้ชื่อเสียงอันดีงามของหมู่บ้านต้องด่างพร้อย ทำให้บุตรสาวของพวกเราไม่สามารถแต่งงานไปกับครอบครัวที่ดีได้ วันนี้ข้าจึงตัดสินใจ สังหารญาติเพื่อผดุงความยุติธรรม นางจะต้องถูกชำระล้างด้วยไฟ เพื่อที่จะได้รับการให้อภัยจากบรรพบุรุษ”
การกระทำของเขากลับได้รับการชื่นชมจากทุกคนที่มองเขาราวกับเป็วีรบุรุษ
สิ่งที่โง่เขลา ไร้อารยะ และเหลวไหลโดยสิ้นเชิงบังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตานาง
“ใครก็ได้ จับนางเสีย”
ชายฉกรรจ์สองสามคนรีบวิ่งเข้ามาจับกุมนาง แต่ชาติก่อนิเป่าจูเคยเรียนวิชาป้องกันตัว จึงสามารถโจมตีจุดอ่อนของบุรุษเ่าั้ได้ทุกการเคลื่อนไหว แต่นางต้านทานคนหมู่มากไม่ไหว ในที่สุดก็ถูกบิดแขนและมัดด้วยเชือก
“ช้าก่อน”
ชาวบ้านต่างเคลื่อนตัวเปิดทางให้
หลี่ไหวฺอวี้ไม่รู้ไปหาเสื้อผ้าหรูหรามาจากไหน หลังจากเปลี่ยนแล้ว ก็ดูภูมิฐานอย่างยิ่ง พวกชาวบ้านเห็นคนแปลกหน้าเช่นนี้ ก็ไม่กล้าเข้าไปท้าทายตามอำเภอใจ
ท่วงทีสง่างามเช่นนี้คนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเขาไม่มีทางที่จะมีได้อย่างแน่นอน
พวกเขาต่างมีความเคารพยำเกรงต่อผู้มีอำนาจโดยธรรมชาติ
ิเถี่ยจู้ลอบพิจารณาสังเกตเขาโดยไม่เผยวี่แวว พลันเกิดใจฝ่อคิดอยากจะถอนตัวกลางคันอยู่บ้าง เคยได้ยินจากในตำราว่ามีบุตรหลานคนมีอำนาจจำนวนไม่น้อยที่ชอบทำตัวเยี่ยงจอมยุทธ์ผดุงความถูกต้อง และทวงถามความเป็ธรรม
แต่เขาจะไม่ยอมสูญเสียโอกาสที่ลบล้างความอดสูก่อนหน้านี้ไปเป็อันขาด
“ลักลอบพบปะกับบุรุษ ฝ่าฝืนจริยธรรม เป็ความผิดมหันต์ ถึงแม้ข้าจะเป็ลุงแท้ๆ ของนาง ก็ไม่อาจเห็นแก่ตัว มิเช่นนั้น์คงพิโรธ คนที่จะทุกข์ร้อนก็คือประชาชนทั่วหล้า”
หลี่ไหวฺอวี้ไม่สนใจไยดีเขา แต่กลับก้าวเดินช้าๆ ไปถึงข้างกายบุรุษที่มีจมูกแดงก่ำ
“เมื่อครู่ข้าได้ยินพี่ชายกล่าวว่า เห็นแม่นางผู้นี้เข้าไปในป่าเองกับตา เช่นนั้นพี่ชายได้โปรดบอกเล่าให้ข้าทราบได้หรือไม่ว่า ที่ไหน เวลาใด แม่นางสวมใส่อาภรณ์อย่างไร ต่อมาบุรุษผู้นั้นแต่งกายเช่นไร พี่ชายเพียงกระซิบเล่าจากที่ได้เห็นได้ยินมาก็พอ”
ชายจมูกแดงั์ตาเลื่อนลอย แต่กลับไม่กล้ากระซิบข้างหู จงใจวางมาดแล้วเอ่ยว่า
“ข้าเห็นมาจริงๆ มะ... เมื่อสามวันก่อน ข้าเห็นนางเข้าไปในป่าทางตะวันออกของทางเข้าหมู่บ้าน สวมชุด...”
“นางสวมเสื้อผ้าอย่างไร” หลี่ไหวฺอวี้เค้นถาม
“สะ...สีขาว เอ้อ เขียว...”
“ขาวหรือเขียวกันแน่” หลี่ไหวฺอวี้ถามย้ำอีกครา
“สีขาว!” ชายจมูกแดงเอ่ยปากเสียงดัง ราวกับยืนกรานความคิดเป็ที่แน่นอนแล้ว
เชิงอรรถ
[1] หนุ่มหน้าขาว หมายถึง หมายถึงชายหนุ่มวัยละอ่อน หน้าตาหล่อเหลา แต่บ้างก็ใช้ในความหมายในทางเสื่อมเสียคือ หมายถึงผู้ชายที่ต้องพึ่งพาอาศัยเงินทองของฝ่ายหญิง
[2] ปลาจี้ เป็ปลาน้ำจืด พบได้ตามแห่งน้ำนอกที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต เพาะพันธุ์ง่าย เลี้ยงง่าย นำมาทำอาหารได้หลากหลาย มีโภชนาการสูง และมีสรรพคุณทางยา
[3] ชั่ง หรือ จิน เป็หน่วยน้ำหนักของจีน มีค่าเท่ากับน้ำหนัก 500 กรัม ปัจจุบันยังใช้อยู่
[4] ลี้ หรือ หลี่ เป็หน่วยวัดของจีน มีความยาวเท่ากับ 500 เมตร
[5] กำแพงล้มคนร่วมผลัก หมายถึง การที่ทุกคนร่วมซ้ำเติมคนที่กำลังตกที่นั่งลำบาก
[6] ต้าซือ เป็คำเรียกพระภิกษุ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้