ผ่านไปสักพัก พนักงานก็นำกล่องบางอย่างมาให้กับพวกเธอที่โต๊ะ ลั่วเสี่ยวซีเปิดมันออกก็พบว่าด้านในคือบุหรี่
มีคนถามเธอว่าเอาไหม สิ่งนี้ทำให้เธอสนุกขึ้นได้นะ เธอพนักงานตอบรับกลับไปอย่างมึนๆ แล้วก็มีคนยื่นมาให้เธอหนึ่งมวน พร้อมบริการจุดไฟให้เสร็จสรรพ
“เคยสูบหรือเปล่า”
เธอส่ายหน้า คนคนนั้นก็สอนเธอสูบอย่างใจเย็น ั้แ่การสูดและพ่นควันออกมาก แถมยังบอกอีกว่า
“เธอเป็คนสวยมาก เวลาสูบบุหรี่คงยิ่งดูเซ็กซี่มีเสน่ห์”
มีเสน่ห์?
ลั่วเสี่ยวซียิ้มหยัน ซูอี้เฉิงชอบผู้หญิงที่มีเสน่ห์ไม่ใช่หรือไง!
ว่าแล้วเธอจึงรับมันมาและสูดเข้าไปเต็มปอด เธอรู้สึกเหมือนหลุดลอยเข้าไปอยู่อีกโลก
สมองเธอเริ่มเบลอ แสงไฟตรงหน้ามัวจนคล้ายอยู่ในฝัน ใบหน้าของคนที่นั่งข้างๆ ชักจะเลือนราง เสียงต่างๆ รอบกายคล้ายกับว่าค่อยๆ ดับหายไป
วินาทีนั้น เธอรู้สึกเหมือนทั้งโลกใบนี้เหลือเพียงแค่เธอ
เธอรู้สึกเหมือนมีใครมาสูบพลังออกจากตัวเธอไปจนร่างกายอ่อนแรงคล้ายจะล้มลงตรงหน้า แต่เหมือนมีใครสักคนกำลังช่วยประคอง และช่วยดึงเธอขึ้นมา
เธอกำลังออกห่างจากที่นี่ ห่างจากโลกนี้ ห่างจากความเ็ปที่ได้รับจากซูอี้เฉิงและแฟนของเขา
ดีจัง...
ฉินเว่ยที่เพิ่งเดินกลับมาเห็นลั่วเสี่ยวซีกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โซฟา สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มล่องลอย ดูชวนฝันเสียจนผู้ชายหลายคนอยากเข้าหา
เขาลืมความเจ็บที่มุมปากไปจนหมด และรีบเดินเข้าไปอย่างโมโห
“ใครบ้าให้ยัยนี่ลองของแบบนี้ฮะ!”
ชายที่ส่งบุหรี่ให้ลั่วเสี่ยวซีหันมาตอบ “ยัยนี่อยากลองเองนะ!”
“เชี่...!”
ฉินเว่ยรีบแย่งบุหรี่ออกจากมือเธอ สูบไปบ้างแล้วจริงๆ ด้วย
สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนในทันที ตามด้วยหมัดหนักๆ ที่ส่งไปให้ชายคนนั้น “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่านี่น้องสาวข้า คราวหน้าถ้าเอ็งยังพูดไม่รู้เื่อีกอย่าหาว่าไม่เตือน!”
เขาค่อยๆ ประคองคนที่สติเริ่มหลุดลอยอย่างลั่วเสี่ยวซีขึ้นมา ตอนนั้นเองมือถือเธอก็ดังขึ้น
เธอยังอุตส่าห์จำได้ว่านี่คือเบอร์ูเี่อัน แต่หลังคุยได้ไม่กี่คำ เธอก็เริ่มประคองมือถือไว้ไม่อยู่จนมันตกพื้นไป และเริ่มไอออกมา ฉินเว่ยตบหน้าเธอเบาๆ อย่างเรียกสติ
“ไหวไหม จำได้ไหมว่าฉันคือใคร ลั่วเสี่ยวซี ยังมีสติหรือเปล่า!”
“ไอ้ฉิน แต่ก่อนไม่ใช่ว่าเจ๋งนักหรือไง” เริ่มมีคนส่งเสียเย้ยหยันฉินเว่ย “แค่บุหรี่แค่นี้ ทำเป็เื่ใหญ่ไปได้”
“นายไม่เข้าใจ” ฉินเว่ยโมโห “เธอไม่เคยใช้มัน!”
ลั่วเสี่ยวซีไม่ใช่คนแบบนั้น
คงเพราะวันนี้เธอเสียใจมาก จนอยากลองของเพื่อให้ลืมความจริง
จู่ๆ ลั่วเสี่ยวซีก็ลืมตาขึ้นมาพลางส่งยิ้มให้ฉินเว่ย เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังยิ้มอย่างยั่วยวนขนาดไหน คนในโต๊ะเห็นดังนั้นต่างผิวปากกันใหญ่อย่างถูกใจ
“ไอ้ฉิน ส่งน้องสาวมาให้กูดูแลดีไหมคืนนี้”
“ไปไกลๆ ตีนเลย!”
ฉินเว่ยเริ่มนึกเสียใจที่พาเธอมาที่นี่ ยัยนี่ตัวหาเื่ไม่หยุดหย่อนจริงๆ
ไม่นานูเี่อันก็มาถึง คนขับรถฝากฝังให้ผู้จัดการร้านคอยดูแลูเี่อัน เมื่อเธอเดินเข้ามาในผับจึงมีพนักงานช่วยนำทางเธอไปหาลั่วเสี่ยวซีทันที
“โอ้ ไอ้ฉิน มึงยังมีน้องสาวอีกคนเหรอวะ?”
ชายหนุ่มพวกนั้นเห็นสาวสวยอย่างูเี่อันเดินเข้ามาก็เริ่มคึกคักในทันที แต่ละคนดูหื่นกระหายจนตัวสั่น รีบส่งสัญญาณให้ฉินเว่ยแนะนำพวกเขาโดยด่วน
ฉินเว่ยยิ้มเย็นในใจ เขาไม่คิดจะบอกพวกมันหรอกว่าูเี่อันคือใคร ถ้าพวกมันกล้าลองดีจีบูเี่อันแล้วยังสามารถมีชีวิตอยู่ในเมืองนี้ได้ เขาให้เหยียบหน้าเลย!
ูเี่อันไม่สนใจคนพวกนั้นแม้แต่น้อย เธอเดินเข้ามาประคองลั่วเสี่ยวซีทันที
“อาเฉียนคะ ช่วยหน่อยค่ะ”
“อ้าว อย่าเพิ่งไปสิครับ!” มีผู้กล้าเข้ามารั้งูเี่อันไว้ “คนสวย ไหนๆ มาทั้งที อยู่ดื่มกับพวกผมสักแก้วสองแก้วก่อนแล้วค่อยกลับสิครับ”
อาเฉียนมือหนึ่งประคองร่างลั่วเสี่ยวซี อีกมือหนึ่งล็อกมือชายหนุ่มใจกล้าคนนั้นเอาไว้
“พ่อหนุ่ม คุณผู้หญิงไม่ใช่คนที่เธอจะเข้ามายุ่มย่ามด้วยได้หรอกนะ”
ูเี่อันนึกไม่ถึงว่าอาเฉียนจะมีวิชาติดตัวขนาดนี้ แต่ชายหนุ่มพวกนั้นกลับไม่คิดจะยอมแพ้ผู้ชายคราวพ่อง่ายๆ จึงส่งเสียงเรียกให้เพื่อนๆ มาช่วยกันสั่งสอนอาเฉียน
ดูท่าคนพวกนี้คงคิดว่าจะชนะอาเฉียนได้ง่ายๆ ูเี่อันเองก็เริ่มเป็ห่วงว่าอาเฉียนจะได้รับาเ็ แต่ในขณะที่เธอกำลังคิดแผนสำรองว่า หากไม่ไหวจริงๆ คงต้องอ้างชื่อลู่เป๋าเหยียนออกไป อย่างน้อยคนพวกนี้ก็คงจะเกรงกลัวบ้าง
ในตอนนั้นเอง...
กร๊อบ! เสียงเหมือนกระดูกหักดังขึ้น ตามด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเ็ปของชายคนหนึ่ง
เมื่อูเี่อันหันไปมองถึงกับช็อก คนลงมือไม่ใช่อาเฉียน แต่เป็ซูอี้เฉิงพี่ชายเธอ ข้างหลังเขายังมีพวกบอดี้การ์ดของลู่เป๋าเหยียนตามมาอีกหลายคน
“พี่?” เธออึ้ง “ทำไมพี่ถึงอยู่กับพวกเขาได้?”
ซูอี้เฉิงปรายตามองลั่วเสี่ยวซีสีหน้าเรียบ “เธอรีบพาเพื่อนเธอออกไปเถอะ”
ลั่วเสี่ยวซีได้ยินเสียงซูอี้เฉิงจึงลืมตาขึ้นมาพร้อมโผหาเข้าในทันที
“ซูอี้เฉิง มีแต่คนบอกว่านายเก่งทุกอย่าง นายช่วยย้อนเวลาให้ฉันกลับไปตอนม.2 ได้ไหม”
เธอเจอเขาครั้งแรกตอนม.2 เป็การพบเจอที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ หากเธอรู้ว่าอนาคตอีกสิบปีข้างหน้าจะต้องทนทรมานเ็ปขนาดนี้ เธอคงเลือกที่จะไม่เจอเขา
ชีวิตนี้ขอไม่เจอเขาเลยดีกว่า
“นายพาฉันกลับไปที” เธอยิ้มพร้อมน้ำตาพลางสัญญา “ฉันจะไม่โผล่มาให้นายเห็นหน้า นายจะได้ไม่ต้องมาทนให้ฉันตามตื๊อแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไป และพวกเรากลายเป็แค่คนแปลกหน้า ฉันจะได้ไปรักกับคนอื่นได้เสียที...”
เป็ครั้งแรกที่ลั่วเสี่ยวซีร้องไห้ต่อหน้าซูอี้เฉิง เขาไม่ชอบลั่วเสี่ยวซีในตอนนี้เลย โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “เป็แค่คนแปลกหน้า เธอจะได้ไปรักคนอื่น” ฟังแล้วช่างระคายหูอะไรอย่างนี้
“ลั่วเสี่ยวซี” เขาจับหน้าเธอ “ถ้าเธอคิดว่าการที่เธอทำตัวเหลวแหลกขนาดนี้จะทำให้ฉันใจอ่อน งั้นเธอก็คิดผิดแล้ว เธอจะกินเหล้าสูบหรี่มากแค่ไหน มีแต่จะทำให้ฉันเกลียดเธอมากขึ้นเท่านั้น”
ลั่วเสี่ยวซีปล่อยมือจากซูอี้เฉิง เธอเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ ราวกับตุ๊กตาที่ขาดสติ
ูเี่อันเริ่มเห็นใจลั่วเสี่ยวซีขึ้นมา
เธอเคยได้ยินแต่คนบอกว่า ฉันไม่เสียใจที่รักเขา ต่อให้เกิดใหม่ ก็ยินดีที่จะรักเขาถึงแม้จะเป็รักที่ล้มเหลวก็ตาม
คงมีแต่คนที่เคยได้รับความรักเท่านั้นถึงพูดคำแบบนั้นออกมาได้
แต่สำหรับลั่วเสี่ยวซี ตลอดเวลาสิบปี เธอได้แต่เฝ้ามองซูอี้เฉิงเปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้า หาได้มีสักครั้งที่เธอได้รับความรักจากเขา
การที่ลั่วเสี่ยวซีพูดว่าจะยอมแพ้แบบนี้ คงเพราะเธอเจ็บจนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ
ูเี่อันรีบประคองลั่วเสี่ยวซีเดินออกไป เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงของแตกเอะอะโวยวาย แต่เธอไม่มีเวลาไปสนใจ เพราะหลังจากที่อาเฉียนช่วยพาลั่วเสี่ยวซีเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง เธอก็เริ่มอาละวาด ร้องไห้โวยวายอย่างกับเด็ก
“ซูอี้เฉิง พาฉันกลับไป...”
“ฉันไม่อยากรู้จักนาย การรักนายไม่สนุกเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่ความหวัง...”
“ซูอี้เฉิง ซูอี้เฉิง ซูอี้เฉิง...”
ตอนที่ซูอี้เฉิงเดินออกมา ลั่วเสี่ยวซีก็คงยังคงไม่หยุดเรียกเขา เขาปรายตามองเธอสีหน้าเรียบ
“เจี่ยนอัน พาลั่วเสี่ยวซีกลับไปที่บ้าน คืนนี้อย่าปล่อยให้เธออยู่คนเดียว”
“พี่เป็ห่วงเธอ?”
ซูอี้เฉิงยิ้มหยัน “ที่เธอสูบเมื่อกี้ไม่ใช่แค่บุหรี่ธรรมดาทั่วไป พี่กลัวว่าเธอจะก่อเื่จนเกิดอันตราย”
ูเี่อันสีหน้าเครียด “ใครส่งให้เธอกัน?”
รอยยิ้มของซูอี้เฉิงเย็นเยียบ “แน่นอนว่าบรรดา ‘พี่ชาย’ ของเธอ”
“ถ้าเธอยังเป็แบบนี้หนูคงไม่มีปัญญาปลอบเธอให้สงบ พี่ช่วยหนูปลอบเธอหน่อยละกัน” ูเี่อันกล่าว
แน่นอนว่าซูอี้เฉิงไม่มีทางรับปาก เขาทำท่าจะเดินจากไป แตู่เี่อันก็รั้งเอาไว้
“พี่จะใจอ่อนสักครั้งไม่ได้เหรอ ตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้สติ คงไม่วุ่นวายกับพี่มากหรอก”
หลังใช้ความคิดอยู่นาน ในที่สุดซูอี้เฉิงก็ยอมขึ้นรถไป แต่เพียงไม่นานก็ลงจากรถ ูเี่อันไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับลั่วเสี่ยวซี แต่ตอนนี้เพื่อนเธอไม่โวยวายอีกแล้ว แถมยังหลับปุ๋ยอย่างกับเด็ก
ตอนนั้นเอง ฉินเว่ยที่เดินออกมาจากผับก็เห็นซูอี้เฉิงอยู่ตรงนั้น เขาอดไม่ได้ที่อยากจะเข้าไปต่อยคืนสักที ว่าแล้วจึงพยายามไม่มองหน้าเขา และเดินไปหาูเี่อัน
“ตอนที่พวกมันส่งบุหรี่ให้เธอ ผมไม่อยู่ ถ้ารู้ก่อนผมคงไม่ให้เธอสูบแน่”
ูเี่อันพยักหน้า “คืนนี้ฉันจะดูแลเสี่ยวซีเอง คุณวางใจเถอะ”
เธอไม่ได้ถือโทษอะไรฉินเว่ย ลั่วเสี่ยวซีเองก็เคยพูดถึงเขาหลายครั้ง เธอรู้ดีว่าฉินเว่ยไม่เหมือนพวกผู้ชายเลวๆ ในผับพวกนั้น
“โอเค ถ้าเป็คุณผมก็วางใจ” ฉินเว่ยมองลั่วเสี่ยวซีอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปที่รถของตน
ูเี่อันเดินมาหยุดตรงหน้าซูอี้เฉิง “ทำไมพี่ถึงมาพร้อมกับบอดี้การ์ดของลู่เป๋าเหยียนได้ล่ะคะ”
อาเฉียนกระแอมก่อนพูดออกมาว่า “คุณผู้หญิง ผมกลัวว่าจะมีเื่จึงติดต่อคุณชายซูไปเองล่ะครับ”
“ลู่เป๋าเหยียนบอกให้พี่พาคนมา” ซูอี้เฉิงตอบ
ไม่รู้ทำไม ภาพของลู่เป๋าเหยียนที่กำลังหรี่ตาก็ลอยขึ้นมาในหัวเธอ จนเธอเริ่มใจไม่ดี
เมื่อกี้เขาเพิ่งเตือนไม่ให้เธอซนออกไปไหน แต่ไม่ทันขาดคำเธอก็มาที่ผับ นี่ถ้าลู่เป๋าเหยียนยังอยู่ในเมือง หน้าผากเธอคงเขาโดนเขกจนแดงแน่ๆ
ดีนะที่ตอนนี้เขาอยู่บนฟ้า!
ูเี่อันนึกว่ารอดตัวแล้ว จึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“งั้นเดี๋ยวหนูพาเสี่ยวซีกลับบ้านก่อนนะคะ”
ซูอี้เฉิงช่วยูเี่อันเปิดประตู สายตาเผลอไปหยุดตรงคนที่กำลังหลับอย่างกับเด็กๆ แต่ก่อนทีู่เี่อันจะสังเกตเห็น เขาก็ตีเนียนทำเป็ไม่ได้มองอะไร หลังูเี่อันขึ้นรถกลับไปแล้ว เขาจึงเดินไปที่รถตัวเอง
แต่เขาไม่ได้สตาร์ทรถขับออกไปในทันที
เขาเปิดหน้าต่างพลางจุดบุหรี่ ไม่นานผู้ช่วยของเขาก็กลับออกมาจากผับแล้วเข้ามาในรถ
“ผมถามมาแล้วครับ ของที่ผสมอยู่ในบุหรี่เป็แบบธรรมดา จะไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคุณลั่ว แถมใส่ในปริมาณที่น้อยมาก คงไม่ทำให้เสพติดครับ”
“อืม” ซูอี้เฉิงตอบกลับ เขาจุดบุหรี่ขึ้นอีกมวน สายตาเข้มของเขาที่สะท้อนอยู่ในความมืด บอกได้ยากนักว่าขณะนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่เฉิง อย่าหาว่าผมยุ่งเลยนะครับ” ผู้ช่วยของเขาทำสีหน้าเครียด “แต่่นี้พี่สูบบุหรี่จัดมาก พอๆ กับ่ตั้งบริษัทใหม่ๆ ขืนยังเป็อย่างนี้ต่อไปคงได้เป็มะเร็งปอดแน่ หรือจะให้ผมบอกน้องสาวพี่ดี?”
ซูอี้เฉิงชะงักไป แล้วจึงทิ้งบุหรี่ในมือ
ใครๆ ก็รู้ว่าคนที่เขารักและกลัวที่สุดคือูเี่อัน บนโลกนี้คงมีแต่น้องสาวของเขาเท่านั้นที่จะสั่งห้ามอะไรเขาได้
่ที่ตั้งบริษัทใหม่ๆ ด้วยแรงกดดันอันมหาศาล วันๆ หนึ่งเขาสูบบุหรี่ถึงสองซอง ทุกคนในบริษัทต่างคิดตรงกันว่า หากปล่อยให้เป็แบบนี้คงได้ตายก่อนอายุสี่สิบห้าแน่ แต่หลังจากทีู่เี่อันรู้ เธอก็ได้พาเขาไปที่แห่งหนึ่ง พอกลับมาเขาก็ไม่ค่อยได้แตะบุหรี่อีกเลย
ไม่มีใครรู้ว่าูเี่อันพาเขาไปทำอะไร ทุกคนรู้แค่ว่า มีเพียงูเี่อันเท่านั้นที่จะช่วยรักษาชีวิตเขาไว้ได้
ตอนนี้พอย้อนคิดถึงตอนทีู่เี่อันบังคับให้เขาเลิกบุหรี่ ใจก็เริ่มนึกสงสารลู่เป๋าเหยียนขึ้นมาที่แต่งงานกับน้องสาวคนนี้...
แน่นอนว่า เขาหมายถึงเฉพาะเวลาถูกน้องสาวเขาบังคับให้ทำอะไรเท่านั้น
“เสี่ยวเฉิน ถึงบ้านแล้วเรียกฉันด้วย”
ว่าแล้วเขาก็หลับตาลง เสี่ยวเฉินจึงสตาร์ทรถและขับไปส่งเขาที่บ้าน