บทที่ 9: บันไดขั้นแรกสู่บัลลังก์การค้า
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปราวกับความฝัน...
กระท่อมไม้ซอมซ่อที่เคยอับชื้นและเย็นเยียบ บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็ "บ้าน" ที่แท้จริง กลิ่นของไม้สนใหม่และสีที่ทาผนังยังคงหอมจางๆ พื้นดินที่เคยเย็นเฉียบถูกแทนที่ด้วยพื้นปูนเรียบขัดมันที่ให้ความรู้สึกมั่นคงและสะอาดสะอ้าน หน้าต่างบานใหม่ที่ใหญ่ขึ้นเปิดรับแสงแดดยามเช้าเข้ามาขับไล่ความมืดมิดจนหมดสิ้น นี่คือผลงานชิ้นโบแดงที่เกิดจากแรงกายของสองพี่น้องตระกูลเหว่ยและความมั่งคั่งจากอนาคตของ หลินเย่วชิง
วันนี้ หลิวชุนฮวา พี่สะใภ้ใหญ่จูงมือสามีของนาง เหว่ยหวัง มาดูบ้านใหม่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและความทึ่ง นางเดินลูบผนังที่เรียบเนียน ลองเหยียบพื้นปูนที่แข็งแรง และชะโงกหน้าเข้าไปดู "ห้องส้วมชักโครก" ที่น่าอัศจรรย์นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่ เหว่ยกั๋ว และทีมช่างอีกสองคนกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยเป็ครั้งสุดท้าย
หลินเย่วชิง ยืนมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ เธอเดินเข้าไปหาพี่ชายทั้งสองของสามีที่กำลังเช็ดเหงื่อบนใบหน้า
"พี่หวัง พี่กั๋ว... ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยเปลี่ยนกระท่อมหลังนี้ให้กลายเป็บ้านที่น่าอยู่จริงๆ" น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจอย่างแท้จริง
เธอเดินเข้าไปในบ้านแล้วกลับออกมาพร้อมกับถุงผ้าใบใหญ่สองใบ ในนั้นอัดแน่นไปด้วยของกำนัลที่เธอเตรียมไว้อย่างดี... น้ำปลาอย่างดี น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็มที่ยังอุ่นๆ เธอแบ่งถุงหนึ่งให้ เหว่ยหวัง และอีกถุงให้ เหว่ยกั๋ว พร้อมกับซองเงินหนาๆ ซองละ 40 หยวน ซึ่งเป็ค่าแรงที่มากกว่าที่พวกเขาจะหาได้ในหนึ่งเดือนเสียอีก
แต่ทั้งสองกลับส่ายหน้าปฏิเสธเป็พัลวัน "ไม่ได้ๆ น้องสะใภ้ พวกเราคนกันเองจะรับเงินได้อย่างไร ให้ค่าแรงเฉพาะทีมช่างก็พอแล้ว" เหว่ยหวัง พูดอย่างจริงจัง
หลินเย่วชิง รู้ดีว่านี่คือวัฒนธรรมของครอบครัวในยุคนี้ แต่เธอก็มีวิธีของเธอ เธอยื่นซองเงินไปให้ หลิวชุนฮวา ที่ยืนตาเป็มันอยู่ข้างๆ แทน
"พี่สะใภ้ใหญ่คะ ในเมื่อพี่หวังไม่รับ งั้นเงินก้อนนี้ฉันขอมอบให้พี่เพื่อเอาไว้บำรุงครรภ์และเตรียมของให้หลานคนใหม่นะคะ ถือว่าเป็ของขวัญจากฉันกับลูกๆ" เธอพูดพลางส่งยิ้มหวาน "พี่หวังคะ... นี่ไม่ใช่แค่การช่วยเย่วชิงนะคะ แต่มันคือการช่วยอนาคตของครอบครัวเราทุกคน"
คำพูดนั้นแทงใจดำ หลิวชุนฮวา รีบคว้าซองเงินมาถือไว้ทันที "นั่นสิพี่! ในเมื่อน้องสะใภ้สามตั้งใจให้แล้วก็อย่าไปขัดน้ำใจเธอเลย!" นางหันมายิ้มให้ หลินเย่วชิง อย่างสนิทสนม "ว่าแต่... เย่วชิง ซาลาเปาวันก่อนที่เธอเอามาให้พี่น่ะ มันอร่อยเหมือนของในภัตตาคารเลยนะ เธอไปซื้อมาจากที่ไหนกันเหรอ?"
"ของทั้งหมดส่งตรงมาจากญาติที่เซี่ยงไฮ้ค่ะพี่ พอดีฉันยังพอมีเหลืออยู่บ้าง เลยเอามาฝากให้เด็กๆ ที่บ้านด้วย" หลินเย่วชิง ตอบอย่างแเี
เมื่อเห็นว่าภรรยารับเงินไปแล้ว เหว่ยหวัง ก็ถอนหายใจอย่างจนใจ "เอาเถอะๆ ถ้าน้องสะใภ้ยืนกรานขนาดนี้ พี่ก็ขอบใจมากแล้วกัน"
"เห็นไหมล่ะ เ้านี่มันรู้จักวิธีทำให้ทุกคนสบายใจจริงๆ" เหว่ยกั๋ว ตบไหล่เธอเบาๆ อย่างชื่นชม
หลินเย่วชิง รู้สึกอุ่นใจที่สามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวของสามีได้ นี่คือบันไดขั้นแรกที่สำคัญที่สุด จากนั้นเธอก็เอ่ยถึงแผนการต่อไป
"พี่สะใภ้ใหญ่คะ พรุ่งนี้เช้าฉันอาจจะต้องรบกวนฝากเด็กๆ ไว้ที่บ้านสักพักนะคะ พอดีฉันจะเข้าไปที่ทำการหมู่บ้าน ได้ยินมาว่าลูกชายของผู้ใหญ่บ้านทำงานเป็ข้าราชการ ฉันเลยอยากจะไปปรึกษาเื่การค้าขายน่ะค่ะ อยากจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย"
"โอ๊ย! ได้เลย! ไม่มีปัญหา!" หลิวชุนฮวา ตอบรับทันทีโดยไม่ต้องคิด นางรู้ดีว่าการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ นี้ มักจะตามมาด้วยของกำนัลที่แสนอร่อยเสมอ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเย่วชิง เดินทางไปยังที่ทำการหมู่บ้านหลี่ฮัว บรรยากาศวันนี้ดูเคร่งขรึมกว่าปกติ ชาวบ้านหลายคนกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องประชุม ในมือของแต่ละคนมีสมุดบันทึกและเอกสารบางอย่าง เธอได้ยินเสียงพูดคุยกันดังออกมาจากในห้องประชุม เป็เื่เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาใหม่ๆ ที่รัฐบาลกลางกำลังจะประกาศใช้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า... การปฏิรูปและการเปิดประเทศ... หัวใจของ หลินเย่วชิง เต้นแรงขึ้น นี่คือคลื่นแห่งประวัติศาสตร์ที่เธอกำลังจะโต้!
เธอยืนรออยู่ข้างนอกอย่างสงบจนกระทั่งการประชุมสิ้นสุดลง ผู้ใหญ่บ้านเดินออกมาพร้อมกับเอกสารในมือ เมื่อเห็นเธอก็ยิ้มให้อย่างเป็มิตร
"อ้าว เย่วชิง มาไม่ทันตอนประชุมสินะ เอานี่... เอกสารสรุปแผนพัฒนาจากทางอำเภอ ลองเอาไปอ่านดู"
"ขอบคุณมากค่ะผู้ใหญ่" เธอรับเอกสารมาถือไว้ "แต่ว่าวันนี้ฉันมีอีกเื่ที่อยากจะปรึกษาผู้ใหญ่น่ะค่ะ ได้ข่าวมาว่าลูกชายคนโตของผู้ใหญ่ทำงานราชการ ฉันเลยอยากจะมาปรึกษาเื่การค้าขายน่ะค่ะ"
"ปรึกษาเื่การค้า?" ผู้ใหญ่บ้านเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ "แล้วเธอจะขายอะไรกัน ถึงต้องไปปรึกษากับข้าราชการอย่างลูกชายฉัน?"
"ก็... พวกของใช้จำเป็ทั่วๆ ไปน่ะค่ะ อย่างสบู่ ยาสีฟันอะไรพวกนี้"
ผู้ใหญ่บ้านนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับไปะโเข้าไปในบ้านเสียงดังลั่น "หมี่หลัว! เ้าหมี่หลัว! ลูกคนนี้นี่หายไปไหนอีกแล้ว!?"
สักพัก เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นจากหลังบ้าน ตามมาด้วยเสียงตอบกลับที่ห้าวและเต็มไปด้วยความมั่นใจ "พ่อ! เรียกฉันซะเสียงดังมีอะไรอีก!?"
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น... และเธอก็ทำให้ หลินเย่วชิง ตะลึงไปชั่วขณะ
เธอไม่ใช่หญิงสาวชาวบ้านในชุดผ้าฝ้ายธรรมดา แต่เป็สาวสวยทันสมัยในวัยยี่สิบต้นๆ ที่ราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นในอีกสิบปีข้างหน้า! ผมของเธอซอยสั้นทรงเก๋ไก๋ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวกับกางเกงสแล็คสีดำขายาว ท่าทางการเดินของเธอมั่นใจและสง่างาม หน้าตาสะสวยเฉี่ยวคม แววตาเต็มไปด้วยความฉลาดหลักแหลม นี่คือ หมี่หลัว... ต้องเป็ผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเธอคิด
"มีอะไรคะพ่อ?" หมี่หลัว ถามพลางเท้าสะเอว
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะอย่างภูมิใจ "มานี่เลยเย่วชิง ถ้าจะปรึกษาเื่การค้าขายของพวกนั้นน่ะนะ เธอมาถูกทางแล้ว แต่ไม่ต้องไปคุยกับพี่ชายข้าราชการของนางหรอก ไปคุยกับ 'เ้าแม่ตลาดค้าส่ง' ตัวจริงเสียงจริงตรงนี้เลยดีกว่า! ลูกสาวคนนี้ของฉันน่ะ คุมเส้นทางการค้าในตลาดจูไห่อยู่ รับรองว่าเธอมาไม่ผิดคนแน่นอน!"
หัวใจของ หลินเย่วชิง เต้นรัวด้วยความตื่นเต้น นี่มันยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก! โชคชะตากำลังนำพาคนที่เหมาะสมที่สุดมาให้เธอถึงที่
หมี่หลัว หรี่ตามอง หลินเย่วชิง ั้แ่หัวจรดเท้าอย่างประเมิน "พี่... คือสะใภ้สามของบ้านตระกูลเหว่ยใช่ไหมคะ?"
"ใช่จ้ะหมี่หลัว พี่เอง"
"แล้วพี่จะขายสินค้าอะไรเหรอคะ?" น้ำเสียงของเธอตรงไปตรงมาและไม่อ้อมค้อม
"พี่้าขายสินค้าที่ทุกบ้านจำเป็ต้องใช้ แต่หาซื้อแบบดีๆ ได้ยากน่ะจ้ะ"
หมี่หลัว ยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน "งั้นพี่ก็ต้องคุยกับฉันนี่แหละค่ะ เพราะฉันทำงานอยู่ในตลาดค้าส่งจูไห่ และรู้จักกับพวก 'แก๊งหงส์ขาว' ทุกคน พี่ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อ... ไม่ว่าใครจะเอาของอะไรมาขายในตลาด ต้องผ่านสายตาของพวกเขาก่อนทั้งนั้น"
"แก๊งหงส์ขาว?" หลินเย่วชิง แสร้งทำเป็ใ "พี่เคยได้ยินชื่อมาบ้างค่ะ พวกเขาคุมตลาดทั้งหมดจริงๆ เหรอคะ?"
หมี่หลัว หัวเราะเบาๆ "ไม่ใช่แก๊งอันธพาลหรอกค่ะพี่ แต่มันคือ 'พันธมิตรทางการค้า' ที่ทรงอิทธิพลที่สุด ถ้าอยากจะทำธุรกิจให้รุ่งเรืองในตลาด ก็ต้องเล่นตามเกมของพวกเขา"
"แล้วถ้า... ถ้าพี่มีสินค้าตัวอย่างล่ะจ๊ะ? พี่กำลังหาตัวแทนจำหน่ายเพื่อเปิดตลาดในเมืองนี้ คิดว่าพวกเขามีโอกาสจะสนใจไหม?"
"มันก็ขึ้นอยู่กับว่า... สินค้าของพี่ 'ดีพอ' หรือเปล่า" หมี่หลัว พูดพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของ หลินเย่วชิง
หลินเย่วชิง ยิ้มอย่างมั่นใจ เธอรู้ว่าเวลานี้มาถึงแล้ว เธอเปิดกระเป๋าผ้าที่เตรียมมาอย่างดี หยิบกล่องกระดาษสีน้ำตาลเรียบๆ ออกมาสองกล่อง ภายในกล่องคือก้อนสบู่ที่ห่อด้วยพลาสติกใสเผยให้เห็นเนื้อสบู่สีสวยงาม และหลอดยาสีฟันที่มีดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูสะอาดตา
"นี่จ้ะ... สบู่สมุนไพรกับยาสีฟันสูตรธรรมชาติ สินค้าทั้งหมดผลิตจากโรงงานของญาติที่เซี่ยงไฮ้ รับรองว่ามีของส่งให้ไม่อั้นแน่นอน"
หมี่หลัว หยิบสบู่ก้อนหนึ่งขึ้นมาดม... ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นทันที! "กลิ่น... กลิ่นหอมมาก! ไม่เหมือนสบู่ก้อนแข็งๆ ที่มีขายในตลาดเลย!" เธอลองบีบยาสีฟันออกมาเล็กน้อย เนื้อยาสีฟันเนียนละเอียดและมีกลิ่นหอมสดชื่นของมินต์
"พี่หลินเย่ว... นี่มันไม่ใช่แค่ของใช้จำเป็... แต่มันคือ 'ของหรู'!" หมี่หลัว อุทานออกมาอย่างตื่นเต้น "ถ้าเราทำตลาดดีๆ นะ... ฉันรับรองเลยว่าพี่จะต้องรวยเพราะมันอย่างแน่นอน! พี่พอจะมีตัวอย่างติดมาสักสิบชุดไหมคะ? บ่ายนี้ฉันจะเข้าเมืองพอดี จะเอาไปให้ 'พี่ใหญ่ฟ่านเฉิน' หัวหน้ากลุ่มหงส์ขาวดูด้วยตัวเองเลย!"
หลินเย่วชิง ยิ้มกว้างขึ้น "แน่นอนจ้ะ พี่เตรียมมาให้เธอแล้ว" เธอยื่นถุงผ้าอีกใบให้ หมี่หลัว
หมี่หลัว รับถุงนั้นมาด้วยแววตาที่เป็ประกายราวกับนักล่าที่เจอเหยื่อชิ้นงาม "ไม่ต้องห่วงนะคะพี่ เื่นี้ฉันจัดการเอง! แต่มีข้อแม้นะ... ถ้าธุรกิจนี้ไปได้สวย พี่ต้องให้ฉันเป็หุ้นส่วนด้วยนะ!" เธอพูดพลางขยิบตาอย่างล้อเล่น
"แน่นอนอยู่แล้วหมี่หลัว เราจะเป็หุ้นส่วนที่ดีต่อกัน" หลินเย่วชิง ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจไม่แพ้กัน
บันไดขั้นแรกสู่การเป็เ้าแม่วงการค้าของเธอได้ถูกวางลงแล้ว... และมันก็มั่นคงกว่าที่เธอคาดคิดไว้มากเลยทีเดียว.!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้