คฤหาสน์แห่งหนึ่งในเมืองหลวง มีเสียงคำรามที่ดุดันดังออกมาอย่างต่อเนื่องจากลานประลองที่กว้างขวาง
ในขณะนั้นกลางลานประลองมีคนรูปร่างกำยำผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น สายตาเยือกเย็นและบ้าระห่ำของเขากำลังมองกลุ่มคนเบื้องหน้า พลางะโออกมา “เข้ามาอีกสิ เ้าพวกเศษขยะ!”
เมื่อกลุ่มคนได้ยินคำดูถูกของเขา สีหน้าของพวกเขาก็กลายเป็บิดเบี้ยวน่าเกลียด จากนั้นได้ปลดปล่อยลมปราณอันแหลมคมออกมา และพุ่งเข้าหาชายที่บ้าระห่ำนั่นอีกครั้ง
“มีด!”
ร่างเงาที่เหี้ยมโหดนั่นคำรามออกมา ทันใดนั้นเขายกฝ่ามือขึ้นและปลดปล่อยเจตจำนงแห่งมีด ทันใดนั้นมีดมายาพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศที่ว่างเปล่าอย่างคาดไม่ถึง
“ตูม!!!”
มีเสียงะเิดังก้อง มีดมายาได้พุ่งออกไปทิ่มแทงกลุ่มคนด้านหน้า จนเืสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ มีดเล่มนี้ไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย
คนอื่นๆ รีบพุ่งไปข้างหน้าและโจมตีอย่างบ้าคลั่งขณะะโออกมาด้วยเสียงเยือกเย็นและเหี้ยมโหด แม้กระทั่งผู้ที่ถืออาวุธต่างก็เล็งไปที่หัวใจของชายหนุ่มผู้บ้าระห่ำนั่น
“มีด!”
ชายร่างกำยำยังคงยืนนิ่งราวกับูเาสูง ทันใดนั้นในอากาศก็เต็มไปด้วยอำนาจมีดอันแข็งแกร่ง แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ชายร่างกำยำมีความรวดเร็วมาก อีกทั้งมีดมายาเล่มนั้นมันเปล่งประกายราวกับจะกลายเป็อาวุธจริงตอนไหนก็ได้ และพร้อมโจมตีอีกฝ่ายทุกเมื่อ
ร่างกายของเขาเหมือนมีดด้ามหนึ่งที่ทรงพลังอย่างมาก หากใครขวางทางคนนั้นก็จะถูกสังหารทันที
กลุ่มคนที่ถูกโจมตีต่างกรีดร้องออกมา ขณะที่ร่างของพวกเขากระจัดกระจายออกไป ซึ่งกลุ่มคนที่พุ่งโจมตีชายร่างกำยำต่างนอนกองอยู่บนพื้น ทั้งที่เืไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีคนได้รับาเ็มากขนาดนั้น แต่กลับไม่มีใครเข้าใกล้ชายร่างกำยำได้สักคน
ตั้งแต้ต้นจนจบ ชายร่างกำยำยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหนแม้แต่น้อย
“พอก่อน”
มีเสียงหนึ่งะโออกมา ฝูงชนต่างหันไปมองและเห็นหลินเฟิงกำลังเดินมา
ไม่คิดว่า่ที่เขาไม่อยู่ ป้าเตาจะเล่นเป็จริงเป็จังกับพวกเขาขนาดนี้ โจมตีอย่างไร้ความเมตตา นอกจากนี้ศิษย์นิกายหยุนไห่ต่างมีจิตสังหารอันแรงกล้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเกลียดป้าเตาเข้ากระดูกดำ เพราะพวกเขาล้วนถูกป้าเตาทรมานอยู่ทุกวัน แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเขาเกลียดป้าเตาได้อย่างไร
เมื่อป้าเตามองหลินเฟิงอย่างพิจารณา จู่ๆ ม่านตาอันดำมืดของเขาต้องหดลงขณะจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงและกล่าวว่า “ท่านทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 แล้ว!”
“ใช่ ข้าทะลวงมันไปแล้ว ฉะนั้นตอนนี้ข้ากับเ้าอยู่ระดับขอบเขตเดียวกันแล้ว”
หลินเฟิงหยักหน้าเล็กน้อย เหล่าศิษย์นิกายหยุนไห่ต่างมีแววตาตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะมีระดับการบ่มเพาะเช่นเดียวกับป้าเตา ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
ในปีเดียวกันนี้ตอนที่ยังอยู่นิกายหยุนไห่ พวกเขาจำได้ว่าหลินเฟิงเพิ่งมีการบ่มเพาะระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2 ซึ่งระยะเวลาในตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 แล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
ในการบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาเช่นนี้ สำหรับคนธรรมดาแล้ว หลายคนล้วนต้องใช้เวลาหนึ่งปีหรืออาจมากกว่านี้เพื่อทะลวงขอบเขต แต่พร์ของหลินเฟิงนั้น ช่างเกินกว่าคำว่าพร์เสียอีก
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของป้าเตาก็ลึกล้ำเกินหยั่งถึง ความแข็งแกร่งของป้าเตาในความคิดของพวกเขานั้น แม้คู่ต่อสู้จะเป็ผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 เขาก็สามารถเอาชนะได้ ส่วนหลินเฟิงถึงแม้จะอยู่ระดับเดียวกับเขา แต่ในเื่ความแข็งแกร่งนั้น เขาคงไม่สามารถเทียบป้าเตาได้
ป้าเตาจ้องหลินเฟิงเขม็ง แล้วปลดปล่อยลมปราณอันหนาวเหน็บออกมา ก่อนพุ่งไปหาหลินเฟิง
หลินเฟิงประหลาดใจ ก่อนแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “อยากลองต่อสู้กับข้า?”
“ขอรับ”
ป้าเตาพยักหน้าเล็กน้อย ในตอนนี้ทักษะของป้าเตาอยู่ในระดับพิภพแล้ว ป้าเตาััถึงความแข็งแกร่งของตัวเองที่พัฒนาได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้ผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ยังไม่เคยมีใครเอาชนะเขาได้ ตอนนี้การบ่มเพาะของเขาได้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ฉะนั้นแม้เป็ผู้ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 เขาก็กล้าต่อสู้ด้วย ดังนั้นเมื่อรู้ว่าการบ่มเพาะของหลินเฟิงได้ทะลวงสู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 แล้ว เจตจำนงการต่อสู้ของเขาพลันเอ่อล้นออกมาทันที
“ดี งั้นข้าก็จะประลองฝีมือกับเ้า”
หลินเฟิงเผยรอยยิ้มออกมา เหล่าศิษย์นิกายหยุนไห่ที่อยู่ข้างๆ ต่างตกตะลึงและสายตาก็ฉายแววตื่นเต้นออกมาอย่างปิดไม่มิด
ประลองฝีมือ!
ในการประลองครั้งนี้ จะเป็ป้าเตาผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าหรือหลินเฟิงผู้เป็อดีตอัจฉริยะของนิกายหยุนไห่ ซึ่งตอนนี้เป็ประมุขนิกายหยุนไห่ไปแล้ว ระหว่างพวกเขาใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?
ป้าเตาและหลินเฟิงต่างดูเชิงซึ่งกันและกัน ทันใดนั้นเจตจำนงแห่งมีดที่แข็งแกร่งก็กระจายไปทั่วชั้นบรรยากาศ ราวกับจะตัดแบ่งท้องฟ้าออกเป็สองส่วน
มีดถือได้ว่าเป็อาวุธที่ทรงพลัง
ป้าเตามีจิติญญามีด คมมีดสังหารเป็ทักษะระดับพิภพที่หลินเฟิงมอบให้เขา ถือได้ว่าเป็สิ่งที่น่าหวาดกลัวมาก
ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งมีด พลันเกิดเสียงแผดร้องดังอยู่ในอากาศ เหล่าศิษย์นิกายหยุนไห่ต่างรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขากำลังตกอยู่ในทะเลใบมีดอันคมปลาบ พร้อมที่จะตัดพวกเขาเป็ชิ้นๆ ได้ทุกเวลา
“น่ากลัวเกินไปแล้ว ในตอนที่ป้าเตาสู้กับพวกเรา เขายังปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้”
หัวใจของพวกเขาต่างสั่นระริก ดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของป้าเตา เจตจำนงมีดที่ทรงพลังนี้สามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ได้อย่างง่ายดาย แค่โจมตีครั้งเดียวมันก็เพียงพอ
แม้พวกเขาจะรู้ว่าพร์ของหลินเฟิงนั่นแข็งแกร่งมาก แต่คงไม่มีทางต้านทานการโจมตีของป้าเต้าได้
ในขณะนั้นเจตจำนงการต่อสู้ที่ดุเดือดก็พวยพุ่งจากร่างของหลินเฟิง เพียงชั่วพริบตาเจตจำนงการต่อสู้เ่าั้ก็เข้าสู่ระดับเดียวกับเจตจำนงมีดของป้าเตา
หลินเฟิงในตอนนี้กำลังจ้องมองไปที่ป้าเตาด้วยสายตาดุดัน ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเจตจำนงการต่อสู้
กระแสลมอันบ้าคลั่งมุ่งไปทางหลินเฟิง พัดชายเสื้อของเขาโบกสะบัดไปมา แต่เขายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับก้อนหิน
“ร้ายกาจนัก”
อำนาจมีดของป้าเตาและเจตจำนงการต่อสู้ของหลินเฟิงยังคงเข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ไม่มีแววว่าจะล่าถอยเลยแม้แต่น้อย
ในขณะนั้นป้าเตาค่อยๆ ยกเท้าก้าวออกไป เพียงชั่วพริบตาเจตจำนงมีดได้แผ่กระจายไปทั่วจนท้องฟ้าต้องร้องคำราม เมื่อเท้าของป้าเตาได้เหยียบย่ำบนผืนดิน พลันเกิดรอยแตกที่ลึกขึ้นราวกับถูกคมมีดตัดผ่าโดยสมบูรณ์
“มีดเป็เ้าแห่งศาสตราวุธทั้งปวง แม้กระทั่งเทพเซียนก็ต้องยอมสยบ”
ป้าเตาได้เอ่ยประโยคหนึ่งออกมา ทันใดนั้นเจตจำนงมีดพลันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกหายใจอย่างยากลำบาก
‘คมมีดสังหาร สมแล้วที่เป็ทักษะระดับพิภพ เจตจำนงมีดของป้าเตาจึงทรงพลังมากกว่าเดิม’ หลินเฟิงคิดในใจ ป้าเตาในตอนนี้ก็เหมือนกับมีดที่เพิ่งชักออกจากฝัก
“ตูม!!!”
หลินเฟิงก้าวออกมาพร้อมเจตจำนงการต่อสู้ที่พวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันทั้งแข็งแกร่งและรุนแรงมากขึ้น ราวกับว่าทั้งผืนปฐีและ์ต้องพังพินาศไป
“ดาบคืออาวุธชั้นยอด สามารถฟาดฟันได้แม้กระทั่ง์”
ปากของหลินเฟิงก็เอ่ยออกมาเช่นกัน จากนั้นอำนาจก็ได้ปะทุออกมาอย่างดุเดือด
มันคืออำนาจดาบ!
เพลงดาบที่สามารถทำลายล้างได้ทุกสิ่ง เพียงเสี้ยววินาทีเจตจำนงดาบได้หลอมรวมเข้ากับเจตจำนงการต่อสู้ และพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า
ผู้คนต่างประหลาดใจ ป้าเตาแม้จะควบคุมอำนาจมีดได้ แต่หลินเฟิงก็อำนาจดาบเช่นกัน ซึ่งเป็ดาบที่สามารถทำลายได้ทุกอย่าง
ไม่เพียงเท่านี้ เจตจำนงการต่อสู้ของหลินเฟิงนั้นยังทรงพลังมาก
เจตจำนงมีด เจตจำนงดาบ รวมถึงเจตจำนงการต่อสู้ยังคงปะทะกันในอากาศ และแผดเสียงออกมาอย่างต่อเนื่อง ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างหน้าหวาดกลัวมาก
แผ่นหลังของผู้คนในตอนนี้ต่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทั้งป้าเตาและหลินเฟิงต่างแสดงเจตจำนงที่น่าหวาดหวั่นออกมาโดยที่ทั้งสองยังไม่ได้ประมือกันแม้แต่น้อย ทว่าเจตจำนงที่ปลดปล่อยออกมาจากพวกเขาคล้ายแช่แข็งผู้คนรอบด้านจนไม่มีใครทานทนไหว หลังจากที่แผ่นหลังเปียมชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว ร่างของทุกคนก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
ป้าเตาและหลินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงข้ามกัน พลางใช้แววตาสังหารจ้องมองอย่างไม่มีใครยอมใคร
หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ั์ตาของป้าเตาดูประกาย ซึ่งประกายนี้ทำให้เจตจำนงมีดของเขาหายไป แต่เจตจำนงดาบและเจตจำนงการต่อสู้ของหลินเฟิงยังคงทิ่มแทงเข้ามา ทำให้ป้าเตาต้องแข็งทื่อ เขาค่อยๆ เปิดปากและกล่าวว่า “ข้าแพ้แล้ว”
สิ้นสุดเสียงของป้าเตาดังนั้น อำนาจมีดที่น่าสะพรึงกลัวของป้าเตาได้หายไปในพริบตา
จากนั้นสักครู่ เจตจำนงดาบและเจตจำนงการต่อสู้ที่หลินเฟิงปลดปล่อยออกมาก็หายไปเช่นกัน
พอเจตจำนงของทั้งคู่จางหายไป ผู้คนก็รู้สึกผ่อนคลายลงแล้วถอนหายใจออกมาทันที แต่ในใจกลับยังตระหนกอยู่ หลินเฟิงนั้นช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งกว่าป้าเตา สมแล้วที่เป็ถึงประมุขของนิกายหยุนไห่
“ป้าเตา ตอนนี้อำนาจมีดของเ้าแข็งแกร่งมาก ต่อไปการบรรลุขอบเขตก็อยู่เพียงแค่เอื้อม”
หลินเฟิงยิ้ม การต่อสู้เมื่อครู่นี้เป็เพียงแค่การหยั่งเชิงพลังเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าป้าเตายังเทียบหลินเฟิงไม่ได้
สายตาของป้าเตากลายเป็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง เขามองหลินเฟิงและกล่าวว่า “ท่านบรรลุขอบเขตไปอีกขั้นแล้วหรือ?”
“อืม บรรลุมาก็ได้สักพักแล้ว” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ ซึ่งทำให้ป้าเตาสั่นไหวเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะบรรลุขอบเขตการผสานแล้ว ช่างเป็คนรุ่นเยาว์ที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก เขารู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีนักที่ไม่เจอกับหลินเฟิงที่ลานประลองเชลย ไม่อย่างนั้นบางทีเขาคงไม่ได้มีชีวิตมายืนอยู่ตรงนี้
“ป้าเตา ข้ามาที่นี่เพื่อบอกให้พวกเ้าเตรียมตัว พวกเราต้องพร้อมเดินทางไปสนามรบเสมอไม่ว่าเวลาใดก็ตาม”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย พลางกวาดสายตามองเหล่าศิษย์จากนิกายหยุนไห่ และกล่าวต่อ “พวกเ้า จากนี้ไปจงเชื่อฟังป้าเตา ตอนนี้ฝึกฝนให้ดีเพื่อโอกาสรอดในสนามรบจะได้มากขึ้น”
หลังจากกล่าวจบ หลินเฟิงก็หันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้