เย่เทียนหลงกระวนกระวายใจ ูเาสุสานทวยเทพเกิดเื่ผิดปกติขึ้นติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เขาจิตใจอยู่ไม่เป็สุข ยิ่งมองเห็นเย่ชิงหนิวเดินวนไปมาอยู่ต่อหน้าเขายิ่งทำให้รู้สึกกระวนกระวายมากยิ่งขึ้นไปอีก
”ชิงหนิว หยุดเดินวนกลับไปกลับมาได้แล้ว เดินจนข้าตาลายไปหมดแล้วตอนนี้!”
เย่ชิงหนิวก็กระวนกระวายใจจึงได้เดินไปมาอยู่ไม่หยุด แต่เมื่อถูกเย่เทียนหลงร้องบอกขึ้นจึงได้หยุดลงไม่กล้าเดินอีก ทำได้เพียงแค่ยืนมองประตูปากทางเข้าเส้นทาง์อยู่อย่างนั้นด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
เยว่จี เฟิงสีสี และฮวาเซียงก็กระวนกระวายใจไม่แพ้กัน พวกเขาไม่ได้แสดงออกมาทางใบหน้าเพียงแต่มือทั้งสองข้างที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อนั้นสั่นอยู่อย่างต่อเนื่องเปิดเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา
องครักษ์แห่งเทพทั้งสี่ รวมไปถึงบุคคลระดับสูงของเผ่าปีศาจ เผ่าคนเถื่อน และเกาะเร้นลับต่างล้วนก็กระวนกระวายใจ ดังนั้นสายตาของพวกเขาทุกคนในตอนนี้จึงมองไปยังประตูปากทางเข้าเส้นทาง์เป็ตาเดียว รอคอยผลลัพธ์สุดท้ายที่จะปรากฏออกมา
ครืน!
ในเวลานี้เอง ูเาสุสานทวยเทพสั่นไหวขึ้นอีกครั้งดึงดูดสายตาของทุกคนให้มองไปยังปลายยอดส่วนบนสุดของูเาสุสานทวยเทพ สายตาที่หวาดหวั่นของทุกคนจ้องมองดูหอเทพเล็กๆ ที่ลอยอยู่นั้นเกิดการสั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงที่ดังออกมา... ต่อมาภายใต้สายตาที่เบิกตากว้างอ้าปากค้างของทุกคนหอเทพแห่งนั้นพลันเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย...
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว...
ก่อนที่หอเทพจะเลือนหายไปนั้นมีแสงสว่างลานตาสายหนึ่งพุ่งออกมาจากภายในหอ ต่อมามีแสงสว่างอีกนับร้อยสายพุ่งออกไปยังทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านของูเาสุสานทวยเทพ ระดับความเร็วรวดเร็วเป็อย่างมากเพียงชั่วพริบตาเดียวก็เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย...
“แสงสีทองพวกนั้นคืออะไร? ทำไมหอเทพเล็กๆ แห่งนั้นถึงได้เลือนหายไปแล้ว?” เฟิงสีสีพูดขึ้นเป็คนแรกพร้อมด้วยสีหน้าอาการตกตะลึงและสงสัย
“ดูเหมือนจะเป็กระบี่จำนวนมากพุ่งออกไปยังทิศต่างๆ ของทวีปัเพลิง?” เย่ชิงหนิวดวงตาปูดโปนพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก
เกิดเื่อะไรขึ้น?
ทำไมหอเทพถึงได้เลือนหายไป? แถมยังปล่อยกระบี่ออกมาจำนวนมากด้วย?
ในขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงสงสัยอยู่นั้น พลังกดดันสายหนึ่งปกคลุมลงมาทั่วทั้งตีนเขาูเาสุสานทวยเทพ จากนั้นน้ำเสียงทุ้มลึกเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นทำให้ความงุนงงสงสัยของพวกเขามลายหายไปในทันที
“กระบี่เทพของูเาสุสานทวยเทพปรากฏออกมาแล้ว ผู้มีบุญวาสนาเพียงเท่านั้นถึงจะได้...”
“ผู้มีบุญวาสนาถึงจะได้...ครอบ...ครอง...ง...ง...”
เสียงทุ้มลึกดังก้องกังวานขึ้นทั่วผืนฟ้า ดังยาวออกไปไกลทั่วทั้งทวีปัเพลิง ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึงพรึงเพริดกันขึ้น
.................................
ในตอนที่หอเทพเลือนหายไปนั้น ชายผู้ที่มีเขางอกอยู่บนศีรษะคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ภายในพื้นที่กระแสลมสุริยะปั่นป่วนของทวีปัเพลิงพลันลืมตาแล้วลุกขึ้นยืน เขาจ้องมองดูบริเวณตำแหน่งที่หอเทพเล็กๆ แห่งนั้นเลือนหายไปอยู่เนิ่นนาน ต่อมาถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นอย่างช้าๆ
“นั่งเฝ้าจับตาดูอยู่เป็เวลาหลายพันปี กระบี่เทพเล่มที่สิบสองในที่สุดก็ปรากฏออกมาเสียที ในที่สุดข้าก็สามารถกลับไปได้เสียที ฮ่าๆ...คาดว่านายท่านาาโลหิตผู้ยิ่งใหญ่ถ้ารู้ข่าวนี้เข้าคงจะต้องมอบตำแหน่งเ้ามืองเมืองหนึ่งและผลึกเทวะระดับขอบเขตขุนพลเทพ์ให้ข้าเป็แน่ ฮ่าๆ...”
ชายร่างสูงใหญ่ที่มีเขาคู่หนึ่งบนศีรษะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเหาะลอยเข้าไปภายในกระแสลมสุริยะปั่นป่วนแล้วก็เลือนหายไปท่ามกลางใบมีดกระแสลมสุริยะปั่นป่วนไม่มีที่สิ้นสุดเ่าั้
ในเวลาเดียวกันวังโบราณภายในส่วนลึกของป่าดำมืด
หญิงสาวเสื้อคลุมแดงที่นั่งอยู่บนยอดสูงสุดของวังโบราณวางหนังสือในมือลงอีกครั้ง จากนั้นหันหน้ามองไปทางูเาสุสานทวยเทพมุมปากปรากฏรอยยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมกับเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ลู่ซีก็ฉลาดไม่เบา ทั้งสองคนแสดงละครได้ไม่เลว...อืม นั่งเฝ้าจับตาดูอยู่ภายในกระแสลมสุริยะปั่นป่วนเป็เวลาหลายพันปีคงลำบากเขาน่าดู ดูท่าอีกไม่นานเื่ราวต่างๆ คงจะสนุกคึกคักมากยิ่งขึ้นกว่านี้แน่ โลกจักรวาลชั้นนอกทวีปัเพลิงแห่งนี้เริ่มจะสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หึๆ...”
เสียงพูดที่ไพเราะน่าฟังทำลายความสงบเงียบของวังโบราณขึ้น เสียงราวกับโยนก้อนหินเล็กๆ ลงไปบนผิวน้ำที่ราบเรียบบังเกิดเสียงดังจ๋อมๆ ขึ้นอย่างไพเราะน่าฟังฉันนั้น
ณ นครแห่งเทพ ประตูห้องหนังสือจวนใหญ่ของจ้าวเทวะถูกผลักออกอย่างฉับพลัน ดวงตาหยินหยางดำแดงของถูเต็มไปด้วยแววเย็นเฉียบ เขามองดูแสงสีทองที่อยู่บนท้องฟ้าพลันรีบร้องคำรามขึ้นเรียกรวมพลทูตแห่งเทพทั้งหมดให้มารวมตัวกัน จากนั้นพูดสั่งการอย่างลับๆ อยู่ชั่วครู่นครแห่งเทพพลันคึกคักขึ้นมาทันที ทูตแห่งเทพภายใต้เสื้อคลุมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนเดินทางออกจากทั้งสี่ประตูใหญ่อย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวทั้งหมดพลันเลือนหายไปจากสายตา
ณ เมืองั เทพาทั้งสามออกจากการเก็บตัวฝึกฝนอีกครั้ง จากนั้นไม่นานเหล่ายอดฝีมือของเมืองัพลันเดินทางออกจากประตูใหญ่ไปยังทิศต่างๆ กันอย่างรวดเร็ว เย่ไป๋หู่ได้รับการส่งกระแสเสียงจากเย่รั่วสุ่ยจึงรีบออกคำสั่งให้เหล่ายอดฝีมือลูกหลานของตระกูลทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังทางด้านทิศใต้ของเขตปกครองเทพา เมืองลั่วฮวา เมืองเพียวเสว่ เมืองเซียวหุน เมืองซีเฟิงทุกๆ เมืองต่างล้วนมีการเคลื่อนไหวกันเกิดขึ้น ต่างส่งกำลังกระจายกันออกไปเพื่อออกเสาะหาของบางสิ่ง
เขตปกครองเทพคนเถื่อน เขตปกครองเทพปีศาจ เกาะเร้นลับ ทั้งหมดล้วนส่งเหล่ายอดฝีมือออกไปยังทิศต่างๆ ทั่วทั้งทวีปัเพลิงชั่วพริบตาเดียวก็ชุลมุนวุ่นวายขึ้น คึกคักขึ้น เหล่ายอดฝีมือของทุกขุมกำลังต่างกำลังออกเสาะหาบางสิ่งบางอย่าง
พวกเขากำลังออกเสาะหาแสงสีทองนับร้อยสายที่ลอยพุ่งออกมาจากูเาสุสานทวยเทพ พวกเขากำลังตามหาสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดของูเาสุสานทวยเทพ
.................................
“เข้าแถวกันดีๆ สองมือวางไว้ด้านหลังศีรษะอย่าเหลียวซ้ายแลขวา เดินหน้าต่อไป หนึ่งสองหนึ่ง หนึ่งสองหนึ่ง...”
ในขณะที่พวกเย่เทียนหลงและถูเสินเว่ยกำลังตกตะลึงและสงสัยต่อการเลือนหายไปของหอเทพและกระบี่เทพจำนวนมากที่ปรากฏออกมานั้น ทันใดนั้นประตูปากทางเข้าเส้นทาง์พลันปรากฏเสียงของผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพดังออกมา
ในขณะที่พวกเขาสาดสายตามองไปยังประตูปากทางเข้าเส้นทาง์อย่างไม่ได้ตั้งใจนั้น พวกเขาพลันอึ้งตาค้างกันขึ้นมาในทันที สีหน้าอาการราวกับคนที่ถูกฟ้าผ่าลงกลางกบาลฉันนั้น...
พวกเขามองเห็น... ประตูปากทางเข้าเส้นทาง์ในตอนนี้มีคนเดินเรียงรายกันออกมาสามแถว แต่นี่ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญอยู่ที่...คนที่เดินกันออกมาทั้งสามแถวเสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนไม่ครบถ้วนสมบูรณ์และไม่เป็ระเบียบ ลักษณะท่าทางกระเซอะกระเซิง สีหน้าอับอาย สองมือวางอยู่บนท้ายทอยด้านหลังดูราวกับเป็นักโทษที่ถูกแห่ประจานไปตามท้องถนนของเมืองฉันนั้น...
เกิดอะไรขึ้น?
ถูเสินเว่ยเดือดดาลขึ้น จั่นเสินเว่ยตกตะลึง เฝินเสินเว่ยหน้าแดง ซี่อเสินเว่ยงุนงง...
เพราะว่าคนแถวหน้าทั้งหมดล้วนเป็ยอดฝีมือของนครแห่งเทพ แค่มองไปก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือของนครแห่งเทพจำนวนร้อยกว่าคนตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เข้าไปบนตัวของพวกเขาล้วนมีสมบัติล้ำค่าระดับวิเศษและระดับศักดิ์สิทธิ์มากมายติดตัวไปด้วย แต่ในตอนนี้กลับไม่หลงเหลือกลับมาแม้แต่ชิ้นเดียว
ถัดจากยอดฝีมือของนครแห่งเทพคือยอดฝีมือของเผ่าปีศาจ ลักษณะล้วนไม่ต่างกันคือบนตัวไม่เหลืออาวุธหรือชุดเกราะใดๆ อยู่เลย สองมือกุมด้านหลังศีรษะเดินออกมาด้วยอาการอับอายและกระอักกระอ่วน ทำให้เหล่ายอดฝีมือของเผ่าปีศาจที่รออยู่ภายนอกเดือดดาลจนแทบคลั่งออกมาเช่นเดียวกัน
ถัดจากนั้นคือยอดฝีมือเผ่าคนเถื่อน เมื่อเหล่ายอดฝีมือของเผ่าคนเถื่อนที่อยู่ภายนอกมองเห็นหมันก้านหัวโล้นที่เดินนำหน้าออกมาด้วยตัวเปล่าเปลือยเหลืออยู่เพียงแค่กางเกงในสีแดงสดใสตัวเดียวพร้อมกับใบหน้าราวกับสูญเสียบิดาผู้เป็ที่รักไปนั้น พวกเขาบางคนถึงกับเป็ลมล้มลงไป ส่วนคนที่เหลือสีหน้าดำคล้ำทั้งอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปในตรงนั้น...
ทำไม? นายน้อยใหญ่ของพวกเขาออกมาจากเผ่าคนเถื่อนสองครั้งก็ถูกคนปล้นชิงเอาของมีค่าไปถึงสองครั้ง และจะเหลือแค่กางเกงในไว้ให้เพียงตัวเดียวเช่นนี้ทุกครั้ง?
ส่วนพวกตาแก่ของเกาะเร้นลับก็เตรียมตัวเตรียมใจที่จะทนรับสภาพน่าอับอายเช่นนี้เช่นเดียวกัน แต่พวกเขากลับพบว่าคนของเกาะเร้นลับต่างเดินกันออกมาอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยและสบายอกสบายใจ หรืออาจจะพูดได้ว่าภาคภูมิใจเลยก็ว่าได้ เหมือนกับว่าภาคภูมิใจที่พวกเขาไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดูถูกเหยียดหยามเหมือนยอดฝีมือคนอื่นๆ...
“เข้าแถวกันดีๆ สองมือวางไว้ด้านหลังศีรษะอย่าเหลียวซ้ายแลขวา เดินหน้าต่อไป หนึ่งสองหนึ่ง หนึ่งสองหนึ่ง อย่าทำให้ข้าต้องอารมณ์เสียขึ้นมาเชียว!”
เมื่อเย่เทียนหลงได้ยินเสียงพูดที่ดังขึ้นมานี้อีกครั้งทั่วทั้งสรรพางค์กายของเขาพลันสั่นเทิ้มขึ้น เย่ชิงหนิวดวงตาทั้งสองข้างเริ่มปูดโปนขึ้นจนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าหล่นลงไปบนพื้น ริมฝีปากของเยว่จีเองก็เริ่มสั่นระริกขึ้นมาในทันที ส่วนเฟิงสีสีและฮวาเซียงกลับมองไปยังท้ายแถวด้วยความตกตะลึง
เหล่ายอดฝีมือของเขตปกครองเทพาที่อยู่ท้ายแถวต่างล้วนดีอกดีใจเต็มไปด้วยความสุข ต่างทำการโบกมือมาทางพวกเขาด้วยสีหน้าเบิกบานใจ สีหน้าอาการราวกับเพิ่งไปทำศึกใหญ่แล้วได้รับชัยชนะกลับมา ตอนนี้กำลังยินดีต่อการต้อนรับจากญาติพี่น้องที่รอคอยต้อนรับอยู่ทางบ้านฉันนั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้