ตอนที่ 2
สวนหลังวัง
ที่สวนหลังวัง เป็บริเวณที่เต็มไปด้วยร่มไม้ร่มรื่น ดอกไม้นานับพรรณ ทั้งดอกเบญจมาศ ดอกท้อ กุหลาบ หอมเย้ายวนใจ ถึงแม้ใน่หน้าร้อนแต่ที่นี่ก็ยังให้ความร่มเย็น กลิ่นอายของดอกไม้และพืชพรรณเหล่านี้ให้ความสดชื่นและความสบายใจ ที่ห่างออกไปก็ยังมีสระไทเย่ สระบัวขนาดเล็กที่พอให้พักผ่อนหย่อนใจ แต่บริเวณสวนหลังวังนี้กลับไม่ค่อยมีคนผ่านเข้ามา นั่นก็เพราะที่นี่ใกล้กับป่าที่ลือเล่ากันว่าเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายอยู่เนืองแน่น เยว่ซินเข้ามาที่นี่เมื่อ 5 ปีก่อน กลับไม่เป็อย่างที่คิด เธอคิดว่าสัตว์ที่นี่เป็มิตร คนต่างก็ลือไปเอง และที่สวนหลังวังนี้ทำให้เธอได้พบเพื่อนสัตว์ใหม่ตั้งมากมาย เธอมีความสุขมากราวกับว่าที่นี่เป็เหมือนบ้านหลังที่สองของเธอ ไม่เหมือนกันกับผู้คนที่อยู่ในเมือง เพราะพวกคนเ่าั้ไม่เคยเชื่อในสิ่งที่เธอพูดหรือสิ่งที่เธอทำ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยบ่นในชะตาชีวิตเลยสักครั้ง ก็เพราะว่าตอนนี้เธอมีความสุขเหลือเกิน
หญิงสาวที่ร่าเริงสดใส เดินเข้ามาในสวนอย่างเบิกบานใจ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้น “ในที่สุดก็มาถึงสักที สวนหลังวังของข้า” หลังจากเยว่ซินได้วิ่งเหนื่อยหอบมาแต่ไกลก็มีนกกระจิบตัวเมียโบยบิน
มาเกาะที่ไหล่ของเธอ “หยานจิง หรงจิ้งมาถึงแล้วงั้นหรอ?” เธอถามนกตัวน้อยอย่างเพื่อนสนิท
“มาถึงตั้งนานแล้ว บ่นอุบอยู่กับเ้าโข่ว เ้าปี๋จื้อตรงโน้นน่ะ” นกน้อยหันมาตอบรับอย่างทันควัน
เยว่ซินรีบวิ่งไปตรงบริเวณที่นกเล็กได้บอกไว้และภาพที่เห็นก็คือเ้าโข่ว ลิงจ๋อขนสั้นพูดแจ้วไม่ยอมหยุดกำลังสื่อสารกับหรงจิ้งกันไปมาทั้งที่ไม่รู้เื่ ส่วนเ้าปี๋จื้อ สุนัขสีขาวลายน้ำตาลกำลังนอนหลับฟุบ น้ำลายฟูมปากโดยไม่สนใจอะไรใดๆเลย
“นี่!!” เยว่ซินพยายามะโเสียงดังเพื่อให้เพื่อนพ้องของเธอสนใจเธอบ้าง “โอ้ย หยุดโวยวายกันได้แล้ว!! ข้า! เยว่ซิน อยู่นี่แล้วไงเล่า แล้วนี่อะไร ปี๋จื้อ เ้าหลับได้ยังไงเนี่ย กลางค่ำกลางคืนเ้าอดหลับอดนอนมาจากที่ไหนกัน โข่ว เ้าเองก็หัดอดทนเอาไว้บ้าง ปากเ้าบ่นไม่หยุดเลยนะ ส่วนเ้า!..!”
“อะเดี๋ยว ทั้งหมดทั้งมวลมันก็เป็ความผิดเ้าไม่ใช่หรือไง? เยว่ซิน…เ้าผิดนัดพวกข้า เ้ามาช้า เ้าก็ควรขอโทษสิ” หรงจิ้ง เพื่อนชายที่เติบโตมาด้วยกันกับเยว่ซินั้แ่ยังเด็ก ชายหนุ่มสูง รูปร่างกำยำ แววตากว้างไกล ฉลาดล้ำเลิศ เขาเป็คนค่อนข้างมีเหตุผล เพราะที่ผ่านมาเขาเอาแต่ตั้งคำถามไว้ว่าทำไมลูกสาวคนเล็กของตระกูลเยว่ถึงมีพฤติกรรมประหลาด จนชาวบ้านต่างเรียกเธอว่าเพี้ยน หรงจิ้งคิดต่างจากคนอื่นเพราะเขาคิดว่าเธออาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ด้วยความใคร่อยากรู้ในตอนนั้นเองเขาจึงพยายามตีสนิทกับเยว่ซิน และก็พบกับความจริงใจและใสซื่อของเธอ นั่นจึงเป็เหตุที่เขามาเป็เพื่อนเล่นของเธอจนถึงทุกวันนี้
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านแม่ทัพหรง” อารมณ์ที่หงุดหงิดของเยว่ซินเริ่มอ่อนลง เพราะที่หรงจิ้งพูดมานั้นมีเหตุผล
“เ้าพูดอะไรของเ้าน่ะ เยว่ซิน ข้ายังไม่ได้เป็แม่ทัพสักหน่อย” หรงจิ้งหันกลับมาค้อนใส่อย่างไม่พอใจ
“ก็เ้าอยากเป็แม่ทัพใหญ่ของราชสำนักไม่ใช่งั้นหรอ?” เยว่ซินพูดตามความที่เธอเข้าใจมาโดยตลอด จึงพูดให้กำลังใจเพื่อนต่อไป “ข้ารู้ว่าคนอย่างหรงจิ้ง ฝันอยากจะเป็อะไรก็เป็ได้แน่นอน”
“ข้าฝันอยากเป็แม่ทัพก็จริง แต่ตอนนี้ข้ายังเป็เด็กน้อยอยู่ข้างถนน ฝันนั่นคงเป็ฝันลมๆแล้งๆ” หรงจิ้งพูดหลบตาที่ล้วนแล้วแต่แฝงไปด้วยความเท็จ
“ไม่จริงหรอก ข้าว่าหรงจิ้งต้องเป็ได้แน่ ฝากบอกหรงจิ้งด้วยนะเยว่ซิน” นกกระจิบออกความเห็นส่งต่อความรู้สึกให้โดยผ่านเยว่ซิน
“ใช่ไหมล่ะ...พี่หยานจิง พี่หยานจิงเองก็บอกว่าเ้าน่ะ เก่งกาจเหนือใคร สักวันเ้าจะได้เป็แม่ทัพอย่างที่ใจเ้าปรารถนาเป็แน่” เยว่ซินหันได้รับความเห็นจากนกกระจิบตัวจ้อย แต่จะไปขอความเห็นจากเ้าลิงด้วยก็ดันไปทะเลาะอยู่กับเ้าหมาลายน้ำตาลที่นอนหลับอยู่ไม่ตื่น
เยว่ซินจึงกล่าวย้ำเสริมให้เพื่อนชายอีกครั้ง “พี่หยานจิง ก็ว่าหรงจิ้งต้องเป็ได้แน่นอน ส่วนตัวข้าเองก็เชื่อแบบนั้น แต่ถึงเ้าจะเป็ไม่ได้ เ้าก็ยังมีข้า พ่อข้าเป็ถึงเสนาบดีกลาโหม กองทัพทหารในวัง พ่อข้ากุมอำนาจเอาไว้ หากจะให้ทหารอย่างเ้าเข้าวังสักคนจะเป็อะไรไป”
“อย่านะ!!” หรงจิ้งตอกกลับทันควันอย่างมีพิรุธ แต่เยว่ซินไม่ทันสังเกต เพราะที่ผ่านมาหรงจิ้งก็คอยเอาแต่ปฏิเสธเื่ที่เธอจะให้ความช่วยเหลือเขา “--อย่าให้เื่ของข้าเดือดร้อนเ้าเลย ข้าขอร้อง”
เยว่ซินยังไม่เข้าใจความรู้สึกของหรงจิ้ง เพราะเธอเองก็เข้าใจอยู่ว่าเขาอยากเป็แม่ทัพใหญ่ในราชสำนักเอามาก แต่ถึงกระนั้นเองทำไมเขาถึงไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากเธอ
หรงจิ้งกลัวว่าเยว่ซินจะสงสัยว่าเขาจะแสดงกิริยาร้อนรนจนเกินเหตุเขาเลยพูดแก้ต่างให้เธอเข้าใจไปว่า “เ้าไม่รู้หรอกหรือว่าข้าอยากใช้ความสามารถของตัวเองเข้าวัง ข้าไม่อยากใช้เส้นสายจากใคร เพื่อให้ตัวเองมีอำนาจและโดดเด่นกว่าคนอื่น อำนาจมันน่ากลัวนะเยว่ซิน หากได้อำนาจ นานวันเข้า อำนาจพวกนั้นจะทำให้ตาบอดจนมองไม่เห็นคนรอบข้าง” หรงจิ้งพูดกับเยว่ซินด้วยสีหน้าที่น่ากลัวและขมขื่นเหมือนกับว่าเขารู้ถึงอำนาจพวกนั้นดี
เยว่ซินแปลกใจ ‘ทำไมหรงจิ้งต้องจริงจังอะไรขนาดนั้นด้วย หรือว่าข้าจะคิดมากไป’ เธอได้แต่กังวลแต่ก็ปล่อยผ่านไป “ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว ถ้าเ้าจะเอาแบบนั้นก็ตามใจเ้าเถอะ..เห็นเ้าโมโหข้าแบบนั้น ข้ากลัวนะ”
หรงจิ้งพยายามควบคุมอารมณ์แล้วหันมาตอบกลับ “ข้าเองก็ขอโทษเ้าที่ตะคอกเสียงดังแบบนั้น” เขายิ้มให้เธอสบายใจ เยว่ซินจึงยิ้มกลับทำให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกันได้
เ้าโข่ว ลิงเปี๊ยกที่กำลังแกล้งแหย่เ้าปี๋จื๊อหมาลายน้ำตาลที่นอนหลับปุ๋ยอยู่นึกได้ “นี่เยว่ซิน เมื่อไรเยว่ซินจะมาเล่นกับข้าสักที เ้าโข่วมันเอาแต่หลับ ข้าไม่เห็นสนุกเลย”
“โข่ว เ้าก็เล่นกับพี่หยานจิงไปก่อนสิ ข้ายุ่งอยู่ไง” เยว่ซินตอกกลับเพราะกำลังพูดคุยอยู่กลับหรงจิ้งอยู่
“ไม่เอาอะเยว่ซิน เ้าก็รู้ข้ารำคาญเ้าโข่วมันจะตาย พูดมาก กินก็เยอะ เอาแต่เรียกหากล้วยทั้งวัน ข้ารำคาญจะแย่ เยว่ซินตั้งชื่อเ้าลิงจ๋อว่า โขว่ ที่แปลว่า ปาก นั่นได้สมชื่อจริงๆ” หยานจิง นกกระจิบสีเทาขลิบขาวร้องจิ๊บบ่นรำคาญเพื่อนสัตว์ด้วยกันเอง
เ้าหมาตื่นขึ้นเพราะเสียงทะเลาะกัน และชื่อ ‘ปี๋จื้อ’ ของตนที่อึดอัดมานาน “ที่จริง ข้าก็ไม่ชอบชื่อนี้สักเท่าไรหรอกนะ เยว่ซิน ชื่อ ปี๋จื้อ ที่แปลว่า จมูก ข้าก็อายที่เ้าเรียกข้าแบบนั้น”
เยว่ซินหงุดหงิดกับคำพูดของพวกสัตว์จึงยืนกอดอกแล้วเมินหน้าหนี “ข้าโกรธจริงๆแล้วนะ ข้าตั้งชื่อให้พวกเ้า ข้าต้องนั่งนอนคิดอยู่หลายวันหลายคืนเลย แต่ดูพวกเ้าไม่พอใจชื่อที่ข้าตั้งให้ได้ยังไงกัน”
“พวกสัตว์พูดว่าอะไรงั้นหรอ? เยว่ซิน” หรงจิ้งถามด้วยความอยากรู้ เพราะฟังไม่เข้าใจนัก แต่ก็ดันถามโดยที่อารมณ์ของเยว่ซินยังโกรธเพื่อนสัตว์ของเธออยู่ เยว่ซินจึงไม่ตอบแต่หรงจิ้งก็พอรับรู้ได้จากคำพูดออกจากปากของเยว่ซิน
“นี่--เยว่ซินเ้าอย่าโกรธพวกเขาเลยนะ…พวกสัตว์ชอบเ้าจะตายไป ถ้าไม่งั้นคงไม่ยอมเอาชื่อที่เ้าตั้ง มาใช้หรอกนะ” หรงจิ้งสายตาเป็จริงเป็จังมาก ขณะที่พวกสัตว์นิ่งเงียบไปเพราะกลัวเยว่ซินจะโกรธไม่หาย
“จริงหรือ?” เธอหันมาถามพวกสัตว์อีกที เพราะเธอค่อนข้างมั่นใจกับชื่ออันแสนไพเราะที่เธอใช้เวลาคิดมานาน
“อือ ข้ากับเ้าโข่วเห็นว่าเ้าเป็เพื่อนกับพวกเราเลยใช้มัน จะว่ามันแปลกไม่เหมือนใครดี” เ้าปี๋จื้อ เพื่อนสุนัขรีบตอบกลับทั้งๆที่น้ำลายยังยืดยานหลังจากการนอนนานๆของมันเพราะกลัวว่าเพื่อนมนุษย์ของมันจะโกรธไม่เลิก
หยานจิงตอบกลับบ้าง “เ้าโข่วกับเ้าปี๋จื๋อมันอาจจะไม่ชอบชื่อที่เ้าตั้งสักเท่าไร แต่ข้าชอบชื่อที่เ้าตั้งนะ หยานจิง ที่แปลว่า ตา น่ารักดี เหมาะกับข้าที่น่ารักมาก” เ้านกกระจิบพูดไป พลางเบือนหน้าและกระพือปีกอวดโฉมมันมั่นอกมั่นใจกับความน่ารักน่าชังของตนจนเพื่อนสัตว์ของมันแทบสำลัก
“เ้าโข่วไปเล่นกับข้าตรงโน้นไหม ข้าไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ข้ารู้สึกเวียนหัวน่ะ” ปี๋จื้อที่ดูเหมือนจะหลับและไม่ค่อยชอบเล่นกับเ้าโข่วเท่าไรนักก็นึกอยากจะเล่นด้วยขึ้นมาทันที เพราะความหลงตัวเองของเพื่อนนกตัวจ้อย
“อะไรกันพวกเ้า จะไปไหนรอข้าด้วย!!” นกกระจิบรีบบินหนีตามลิงกับสุนัขไปปล่อยให้เยว่ซินอยู่กับหรงจิ้งตามลำพัง
เยว่ซินยิ้มหัวเราะกับการกระทำของเพื่อนสัตว์ของเธอ เยว่ซินนึกขึ้นได้ “อ้าว เดี๋ยวสิ พวกเ้าจะไปกันแล้วหรอ เรานัดกันมายังไม่ได้เล่นด้วยกันเลยนะ” แต่ไม่ทันได้ยิน เพื่อนสัตว์ของเธอก็เข้าไปในป่าไกลลึกเสียแล้ว เพราะโดยปกติเธอ หรงจิ้ง โข่วและปี๋จื้อ จะคอยไปเล่นด้วยกัน จากแรกเริ่มมาั้แ่เด็กเคยเล่นซ่อนแอบบ้าง พวกเขาต่างแอบกันในที่ๆหากันได้ยากมาก แต่เยว่ซินก็ต้องคอยค้นหาพวกเขาทุกทีไป เพราะซ่อนในที่ๆใครๆก็หาได้ง่ายเกินไป เยว่ซินจึงเอาแต่คอยบ่นว่าเธออยากเล่นวิ่งไล่จับมากกว่า แต่ก็ไม่มีใครยินยอมเลยสักคน เพราะเยว่ซินเอาแต่ชนะพวกเขาทุกครั้งจนทำให้การเล่นมันน่าเบื่อ แต่พอพักหลังมานี้ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นมาบ้าง พวกเขาก็จะใช้เวลาในการสนทนา พูดคุย แลกเปลี่ยนเื่สนุกในแต่ละวัน บางครั้งก็จะไปแข่งกันว่ายน้ำ จับปลาที่สระไทเย่ แข่งกันปีนป่ายต้นไม้ เก็บผลไม้ไปขายแล้วซื้อขนมมากินด้วยกันอย่างสนุกสนาน
“เป็เพราะเ้านั่นแหละ เยว่ซิน เ้ามาช้า ก็เลยไม่ได้เล่นด้วยกัน” หรงจิ้งพูดพลางดูท้องฟ้าที่สีเริ่มแปรเปลี่ยนเป็สีส้มใกล้ๆขอบฟ้า “แล้ว--นี่ใกล้ค่ำแล้ว เ้ารีบกลับบ้านเถอะ”
“จริงด้วย ข้าไม่อยากกลับบ้านเลย” เยว่ซินนึกถึงเื่วีรกรรมที่เธอได้ทำไว้ในตลาดฉางอัน
“ก่อเื่มาอีกแล้วละสิ ยัยเพี้ยน” หรงจิ้งที่เป็เพื่อนเธอมานานไม่ต้องบอกก็รู้ทัน
“ข้าไม่ได้เพี้ยนนะ เ้าก็รู้ๆอยู่ ข้าก็แค่อยากช่วยลูกหมูสองตัวที่ร้านแปะหัว” เยว่ซินตอบแบบขอผ่านไปที
“โอ้ย เยว่ซินเ้านี่นะ!” หรงจิ้งโมโหกำลังจะตอกกลับ
เยว่ซินคร้านที่จะฟังหรงจิ้งบ่น “งั้นข้ารีบไปก่อนนะ หรงจิ้ง พรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่นะ” เยว่ซินวิ่งไปพลางโบกมือลาพร้อมกับรอยยิ้มทำเอาหรงจิ้งต้องเผลอยิ้มตามไปด้วยเลยะโไล่หลังเยว่ซินไป
“เ้าทำตัวแบบนี้แล้วชาวบ้านจะเลิกเรียกเ้าว่ายัยเพี้ยนได้เมื่อไรกัน” หรงจิ้งะโไล่หลังเยว่ซินด้วยรอยยิ้ม
เยว่ซินหันมาโบกมือลาอีกทีโดยไม่ตอบอะไรแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งอยู่ตามลำพังจนเกิดคำถามขึ้นในใจ ‘ถ้าเ้าและทุกคนรู้ความจริง ข้าและเ้าจะยังเป็เพื่อนกันได้อยู่ไหมนะ’
เทียมแข
✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾✾
▷สำหรับ เื่ ❛ จับหัวใจยัยเพี้ยน...มาเป็จอมนาง❜
❀ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับหัวใจ คอมเม้นท์และการกดติดตามนะคะ❀
หวังว่าจะชอบเื่นี้ไม่มากก็น้อยนะคะ ผิดพลาดประการก็ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ
อย่าพลาดตอนต่อไปนะคะ ^__^
จับหัวใจยัยเพี้ยน...มาเป็จอมนาง ตอนที่ 3 ตำแหน่งและชื่อเสียง
