ตอนที่ 1
“เห้ย !”
คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเมื่อเผลอสะดุดเท้าตัวเองและชนเข้ากับคนที่กำลังเดินสวนทาง
“ปึก โอ้ย !”
เมื่อใบหน้าสวยกระแทกเข้าบริเวณอกแกร่งเต็มแรงจนเกิดเสียงดัง เสียงหวานร้องขึ้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกเจ็บ
ไฟท์โอบกอดคนตัวเล็กเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายกระเด็นออกเพราะแรงกระแทกอาจทำให้ล้มลงกับพื้น
หัวใจของเขากระตุกวูบไปชั่วขณะก่อนที่จะสั่นไหวอย่างรุนแรง ซึ่งเป็อะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต ไฟท์มองคนตัวเล็กในอ้อมกอดด้วยสายตาเรียบนิ่งไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด
“ขอโทษ”
คนตัวเล็กเอ่ยอย่างรู้สึกผิดหลังจากที่ผละออกจากอ้อมกอดของไฟท์
“อืม”
ใบหน้าสวยเจื่อนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของเขา คือน่ารักมาก
“เจ็บตรงไหนไหม กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆน่ะ”
คนตัวเล็กมองอีกฝ่ายอย่างสำรวจ ก่อนจะเอ่ยขอโทษอีกครั้งด้วยความจริงใจ
“ไม่เป็ไร”
“เอ่อ มึงโกรธเหรอ กู….. / ป่ะ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ถ้าสายั้แ่คาบแรกในการเรียนวันแรกพ่อคงด่าเละแน่”
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้พูดจบฟิลก็เดินออกจากห้องน้ำตรงมายังพี่ชายที่กำลังคุยกับเพื่อนร่วมชั้นเพราะดูแล้วน่าจะรุ่นเดียวกันหรืออาจอ่อนกว่าพวกเขาสักหนึ่งปี
ฟิลมองคนตัวเล็กกว่าก่อนจะมองพี่ชายอย่างถามไถ่ผ่านทางสายตา ก็เป็อันเข้าใจว่าไม่ได้มีเื่อะไร
“อืม”
ไฟท์พยักหน้ารับเบาๆ ทั้งที่ในใจก็แอบรู้สึกเสียดายเพราะเขายังอยากเห็นใบหน้าสวยรู้สึกผิดอีกสักนิด
“ป่ะ พวกมึง”
ฟิลกอดคอพี่ชายเดินตรงไปยังห้องเรียน ไม่ลืมเอ่ยเรียกไอ้พวกที่เหลือในห้องน้ำ เพียงไม่นานทั้งเจ็ดคนก็เดินตามออกมา
นั่นคือครั้งแรกที่ทำให้เขาได้เจอและตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง
ไฟท์มองคนที่เพิ่งเดินชนเขาก่อนหน้านี้ด้วยสายตาเรียบนิ่งราวกับว่าไม่ได้สนใจคนตรงหน้า ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็ได้ทราบชื่อของอีกฝ่ายเมื่ออาจารย์ให้นักเรียนทุกคนแนะนำตัว
“ชื่อธารงั้นเหรอ ? หึ”
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันครบทุกคน อาจารย์ก็ให้นักเรียนทำกิจกรรมก่อนเริ่มการเรียนการสอนเพื่อละลายพฤติกรรม ทุกคนดูสนุกสนานเฮฮา มีเพียงไฟท์คนเดียวที่ยังคงนิ่งเงียบไม่สุงสิงกับใครยกเว้นเพื่อนในกลุ่มและไม่มีใครกล้ายุ่งกับทั้งเก้าคนมากนักเพราะสามในเก้ามีบุคคลที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว หนึ่งในนั้นมีไฟท์รวมอยู่ด้วย อาจเป็เพราะนามสกุลของพ่อกับแด๊ดดี้เลยทำให้ทุกคนต่างเกรงใจ
พวกเราเป็แฝดสามเกิดจากแม่ที่เป็ผู้ชาย แต่เชื่อไหมพวกเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็ปมด้อยสักนิด ไม่ได้สนใจการเหยียด การโดนบลูลี่หรืออะไรก็ตาม ออกจะภูมิใจด้วยซ้ำ
พ่อพายุที่อุ้มท้องพวกเรามา แมนกว่าพ่อของใครหลายๆคน แด๊ดดี้ฟีนิกซ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรียกได้ว่าโคตรแมน เมื่อก่อนเราทั้งสามเรียกพ่อพายุว่ามี้ แต่พอเริ่มโตขึ้นพวกเราก็เปลี่ยนสรรพนามไปเอง พ่อพายุก็ถามเหตุผลในเื่นี้และคำตอบที่พวกเราตอบคือ พ่อพายุแมนเกินกว่าจะเรียกมี้ ซึ่งคำตอบนี้สร้างเสียงหัวเราะจากพ่อพายุและแด๊ดฟีนิกซ์ได้เป็อย่างดี
ท่านทั้งคู่ต่างเลี้ยงดูพวกเราด้วยความรัก และนอกจากพ่อกับแด๊ดแล้วเรายังได้รับความรักจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา และคุณยาย ทั้งยังมีเพื่อนๆของพ่อกับแด๊ดอีกหลายคน จำได้ว่าเมื่อก่อนพวกน้าๆลุงๆมักพาลูกๆของท่านมาเล่นด้วยกันในวันที่พวกท่านว่าง แต่พอเริ่มโตก็ไม่ได้สนิทกับพวกน้าๆลุงๆอย่างเมื่อตอนเด็ก จะเจอกันบ้างบางครั้งในงานเลี้ยงธุรกิจ
แต่ส่วนใหญ่พวกแด๊ดกับพ่อและลุงๆชอบนัดกันไปแฮงค์เอ้าท์กันที่ร้านเหล้าเสียมากกว่า
พฤติกรรมของพ่อกับแด๊ดเปลี่ยนไปเมื่อพวกเราทั้งสามคนโตขึ้น ั้แ่เรายังจำความไม่ได้จนถึงอายุ 16 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมาพ่อจะแทนตัวเองด้วยชื่อเสมอเมื่ออยู่กับแด๊ด ส่วนแด๊ดแทบไม่พูดคำหยาบคายเลยยกเว้นกับเพื่อนสนิทอย่างคุณลุงเควินหรือคุณอาวิสกี้ น้อยครั้งมากจะได้ยินคำพูดหยาบคายออกจากปากของทั้งคู่
ในความเป็จริงนั้นก็ไม่ได้เป็คำพูดที่หยาบคายอะไร ก็แค่คำว่ากูมึง ซึ่งคำพวกนี้เราทั้งสามคนใช้ั้แ่ 10 ขวบได้ละมั้ง ทั้งที่ตอนนั้นทั้งพ่อและแด๊ดไม่เคยหลุดพูดออกมาให้ได้ยินสักครั้ง อาจจะด้วยเพราะการที่เรามีเพื่อน สังคม โรงเรียน และผู้คนที่พบเจอ คือต่างคนต่างร้อยพ่อพันแม่ การเลี้ยงดูจึงไม่เหมือนกัน
แต่ใช่ว่าพ่อกับแด๊ดจะพูดกูมึงบ่อย จากที่สังเกตพ่อพายุจะเป็คนพูดเสียมากกว่า และพูดตอนที่โกรธแด๊ดฟีนิกซ์เท่านั้น หรือโดนแด๊ดแกล้งมากๆแล้วทำอะไรแด๊ดไม่ได้เลยระบายอารมณ์ด้วยการด่าแทน เป็การด่าที่พวกเรามักจะได้เห็นรอยยิ้มของแด๊ด ท่านทั้งคู่ไม่เคยพูดหยาบคายกับพวกเราทั้งสามคนเลยสักครั้งไม่ว่าพวกเราจะทำผิดแค่ไหนก็ตาม
แต่มีอย่างหนึ่งที่ทั้งคุณย่าและคุณยายต่างส่ายหน้าให้พวกเราทั้งสามคนคือความเ้าชู้ พวกท่านบอกว่าพวกเรานั้นเ้าชู้เหมือนพ่อกับแด๊ดสมัยวัยรุ่นไม่มีผิด มันเป็ความจริงที่พวกเราต่างยอมรับ
จำได้ว่าพวกเรามีเซ็กส์ครั้งแรกั้แ่อายุ 14 ปีมั้ง ด้วยความอยากรู้อยากลองแต่ถูกพ่อสอนเสมอให้รู้จักป้องกัน ไม่ว่าจะเป็โรคและผลที่ตามมา พวกเราเลยต้องดูแลตัวเองอย่างดีเพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด และั้แ่จำความได้เราทั้งสามคนมีเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันอีก 6 คนคือ ไดม่อน สิงห์ กัน คราม อากิและพอร์ช
แด๊ดพูดเสมอว่าไม่มีทางที่คนทั้งหกคนนี้จะไม่มีทางหันหลังเราแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
พวกเขาจะเป็คนสุดท้ายที่จะยังยืนหยัดอยู่ข้างๆเสมอ แต่ห้ามไว้ใจใครนอกจากตัวเองเป็คำสอนที่ขัดแย้งแต่พอเข้าใจได้ สภาพแวดดล้อมที่เต็มไปด้วยคำว่าธุรกิจและการแข่งขัน เราไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร เพื่อการมีชีวิตรอดและปลอดภัยแด๊ดจึงสอนให้พวกเราเรียนรู้การใช้ชีวิต การเอาตัวรอดในด้านต่างๆ ศิลปะต่อสู้ที่หลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเทวันโด ยูโด มวยไทย ฟันดาบ ยิงปืน ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิด รวมไปถึงการทำอาหาร ทั้งยังวัดระดับความสามารถของพวกเราทุกๆเดือน นอกจากทั้งหกคนที่ดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วยังมีบอดี้การ์ดรุ่นใหญ่ที่คอยตามดูแลพวกเราอยู่ห่างๆทั้งรับรู้ และที่ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาเ่าั้
ครอบครัวของเราเรียกได้ว่ารวยอันดับต้นๆของประเทศ และติด 1 ใน 1000 ของโลก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมักเป็ที่จับตามองเสมอ มีธุรกิจมากมายหลายอย่าง แต่หลักๆคือโรงพยาบาลที่มีมากกว่า 20 สาขาในประเทศและอีกหลายสาขาในยุโรป
ธุรกิจหลักอีกอย่างของครอบครัวคืออสังหาริมทรัพย์ ที่เป็บริษัทั์ใหญ่ ใครๆก็ต่างให้ความเคารพเกรงอกเกรงใจ นี่ยังไม่รวมหุ้นต่างๆที่ซื้อทิ้งไว้อีกนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่ไว้เก็บปันผลรายปี แค่เงินในส่วนนี้ก็ทำให้มีกินมีใช้ตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องทำงาน คือพวกเรารวยั้แ่อยู่ในท้องพ่อ พอคลอดออกมาก็มีทรัพย์สินเงินทองในชื่อตัวเองคนละ 200M+ พ่อกับแด๊ดบอกว่าเป็ของขวัญวันเกิดในทุกๆปีที่ได้จากคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย บรรดาคุณลุงคุณน้าที่เป็เพื่อนกับพ่อและแด๊ด
“มองอะไรว่ะ ?”
ฟิลมองตามสายตาของพี่ชายกลับไม่เห็นอะไรที่น่าสนใจเลยได้แต่ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไร” ไฟท์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ กินข้าวด้วยท่าทีปกติ
“ขี้เสือกตลอดเลยมึง”
พายด่าพี่ชายคนกลางอย่างขำขัน พวกที่เหลือในโต๊ะก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
สายตาของไฟท์ยังคงจับจ้องไปยังคนตัวเล็กที่กำลังนั่งทานอาหารกับเพื่อนๆของตัวเองอยู่ที่โต๊ะ อาจเป็เพราะเขามองนานเกินไปทำให้อีกฝ่ายหันมาสบตากับเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้