“ช่องโหว่?” หลี่มู่หัวมีท่ามีสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
ในเวลานี้ หลี่เิและบอดี้การ์ดอีก 2 คน เริ่มจะหมดความอดทนแล้วหลี่เิกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาลว่า
“คุณชายในเมื่อสมองของสหายผู้นี้ไปไวกว่ารถยนต์เสียอีก ดังนั้นเราควรจะฆ่าเขาทิ้งซะและเอามันไปเป็อาหารปลา”
"ไม่” หลี่มู่หัวกล่าว“ฉัน้าค้นหาคำตอบว่า ช่องโหว่ที่คุณหยางพูดถึงนั้นมันคืออะไรกันแน่”
“ช่องโหว่ที่ผมพูดถึงอาจจะเรียกได้ว่าเหตุบังเอิญ” หยางเฉินครุ่นคิดและพูดขึ้นว่า
“หลังจากที่พวกเรารับโทรศัพท์จากคนที่เรียกคนเองว่าคนร้าย ไม่ถึง 10 นาที หลี่มู่เฉิงก็วิ่งออกมาจากห้องของเขาพร้อมรู้ด้วยว่ามีคนร้ายได้ทำการวางะเิปฏิชีวนะเอาไว้ถ้าเขาเป็แค่คนไม่เอาไหนที่รู้จักแต่การสร้างความวุ่นวายและหาเื่สนุกไปวันๆจริง เขาจะรู้เื่ราวเ่าั้ได้อย่างไร และใครกันที่เป็คนบอกเขา? แม้ว่าในกลุ่มผู้บริหารของวิลล่า มีเพียงไม่กี่คนในนั้นรู้เื่นี้เพื่อหลีกเลี่ยงความตระหนกใ พวกเขาปิดเื่ราวเหล่านี้ แล้วใครกันที่ไปเล่าเื่ราวทั้งหมดให้หลี่มู่เฉิงคนไม่เอาไหนให้รู้เื่นี้?นอกจากนั้น ใครที่รายงานเื่นี้ในทันทีโดยไม่ระมัดระวังคำพูดซึ่งมันอาจจะสร้างปัญหาอื่นๆ ขึ้นมาอีก?”
“มันไร้เหตุผลจริงแต่แน่นอนว่าทำไมคุณหยางถึงเลือกสงสัยพี่ชายของผม แทนที่จะเป็ผมล่ะ ถูกมั้ย?”หลี่มู่หัวถาม
“ตรงข้ามกัน” หยางเฉินยิ้ม“นี่เป็พิรุธที่แม้แต่คนนอกก็สังเกตเห็นการเป็หนึ่งในคนของตระกูลหลี่ คุณจะไม่มีข้อสงสัยใดๆและมีความมั่นใจเป็อย่างมากว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะตระกูลซู เหตุผลนี้ทำให้ผมสงสัย เนื่องจากคุณเป็ผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหลี่และเป็ซีอีโอของมู่หยุนคุณจะโง่เง่ากว่าพี่ชายที่แสร้งโง่ได้อย่างไร?”
“สุดท้าย มีคำอธิบายสำหรับทุกสิ่งคุณยังแสร้งโง่ แต่ในทางกลับกัน คุณเล่นเป็คนโง่ที่มีคนสั่งสอนภายนอกคุณสุภาพและเป็มิตรกับทุกคน ให้ความเคารพและรักใคร่พี่ชายตัวเองมีสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อของตัวเองอย่างไรก็ตามมันคงเป็เพียงหน้ากากที่คุณสร้างขึ้นมาใช่มั้ยล่ะครับ?”
หลี่มู่หัวเห็นด้วยในที่สุดการวิเคราะห์ทั้งหมดนี้มีเป็เหตุเป็ผลอย่างมาก มันอาจจะไม่มีพยานหลักฐานใดๆแต่เขามีช่องโหว่มากมายจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่ค้นพบและเชื่อมโยงเื่ราวต่างๆที่เขาวางแผนมาเป็เวลานานนั้นถูกเขาคลี่คลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
โม่เชี่ยนนีก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ยินสิ่งที่หยางเฉินเล่าในขณะที่เธออยู่ร่วมในเหตุการณ์ทั้งหมดแม้เธอจะไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเื่เหล่านี้มาก่อนการวิเคราะห์ของหยางเฉินนั้นน่ากลัวเกินไป
อันที่จริงเื่นี้ทำให้โม่เชี่ยนนีมีความสุขแต่ดูเหมือนพวกเขาทั้งสองจะต้องมาจบชีวิตลงที่นี่
''ก็ดี ตายด้วยกันกับเขามันก็ฟังดูไม่เลวนัก''
ผู้หญิงเป็สิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเมื่อความคิดนี้เข้ามาในหัวของเธอ ก็กลับไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อความตาย
"น่าเสียดายถ้าคุณหยางสามารถเป็ลูกน้องผมได้ เราคงได้เป็เพื่อนที่ดีต่อกัน” หลี่มู่หัวกล่าวอย่างเศร้าใจ
“ลืมมันไปซะ” หยางเฉินสะบัดมือตัวเอง“คุณเป็คนที่กล้าฆ่าพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองผมไม่กล้าเป็เพื่อนกับคุณหรอก”
“ผมพูดมากเกินไปแล้วอีกเดี๋ยวพวกคุณ 2 คนจะต้องจากโลกนี้ไปหลังจากนั้นคำพูดพวกนี้จะไม่สำคัญอีกต่อไป” ในขณะที่หลี่มู่หัวคิดเกี่ยวกับวิธีกำจัดหยางเฉินและโม่เชี่ยนนีที่นี่นั่นทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากขึ้น
หลี่มู่หัวหันหลังให้กับหยางเฉินและโม่เชี่ยนนีแล้วโบกมือลาเหมือนกับจะจากพวกเขาไปชั่วนิรันดร์ หลี่เิเข้าใจในทันทีว่าหลี่มู่หัวไม่้าคุยต่อเขายกปืนขึ้นพร้อมรอยยิ้มโเี้
“ลาก่อนคุณหยาง คุณโม่”
“ผมแนะนำว่าอย่ายิงจะดีกว่าผมไม่อยากฆ่าคนต่อหน้าผู้หญิงคนนี้” หยางเฉินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยถ้าโม่เชี่ยนนีไม่ได้อยู่ข้างๆ เขา เขาอยากเดินเข้าไปฉีกร่างคนที่กำลังยกปืนเล็งมาที่เขาในทันที
“ไอ้งั่งแกคิดว่าฉันจะกลัวแกงั้นเหรอ?” หลี่เิกล่าวด้วยความรังเกียจ
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่มีใครล้มลงไป ดวงตาของหลี่เิเปิดกว้าง และเขาค่อยๆก้มหน้าลงอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน แต่หยางเฉินเคลื่อนตัวไปทางด้านขวามือด้านหน้าหลี่เิและกำลังขย้ำคอของหลี่เิเหมือนคีมเหล็กดวงตาของหยางเฉินคล้ายหลุมดำมืดมิดที่ไร้ก้นบึ้ง มันเต็มไปด้วยความว่างเปล่าเหมือนมองมาแต่ไม่ได้เจาะจงไปที่ใคร...
“ผมเคยบอกไปแล้ว ว่าผมไม่ขู่คนแต่ผมลงมือฆ่าเลย” ในขณะที่หยางเฉินเปล่งเสียงต่ำออกมามือข้างที่คว้าคอของหลี่เิก็เริ่มบีบรัดแน่นขึ้นในทันที
“แคร่ก!!!”
หลี่เิไม่มีโอกาสได้ต่อต้านอีกต่อไปนิ้วมือของหยางเฉินแทงทะลุคออันแสนเปราะบางของเขา
หยางเฉินกระชากด้วยแรงมหาศาลจนทำให้อวัยวะภายในบางอย่างก็ถูกกระชากออกจากคอของหลี่เิอย่างน่าสยดสยอง
“กรี๊ด!!!”
โม่เชี่ยนนีไม่สามารถทนมองเหตุการณ์นองเืได้อีกต่อไปเธอหมดสติล้มลงพื้นหลังจากกรีดร้อง
หลี่มู่หัวและบอดี้การ์ดคนอื่นๆที่ตั้งใจจะออกไปในทีแรก ต้องหันกลับมาในทันทีพวกเขาเห็นเืของหลี่เิพุ่งกระจูดออกมาจากหลอดเืที่คอและร่วงลงไปกองกับพื้น ดวงตาเปิดกว้างจากความโกรธที่ยังไม่ถูกระบายออก
ราวกับเขาลงมือทำสิ่งที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรหยางเฉินสะบัดมือซ้ายของตัวเองที่เต็มไปด้วยเืและโยนเครื่องในที่ลากติดมือออกมาสีแดงของเืนั้นได้ย้อมร่างของเขาไปกว่าครึ่ง และกระจายเต็มใบหน้า
หยางเฉินเงยหน้าขึ้นภายใต้ดวงตาที่หมองหม่นคือรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้น…
“น้องหลี่ ชอบการตายแบบนี้หรือเปล่า?อยากลองดูบ้างมั้ยล่ะ?” หลังจากพูดจบหยางเฉินก็แลบลิ้นเลียเือุ่นๆ ที่กระเด็นเปรอะใบหน้าคมคายของเขา
ด้วยความสัตย์จริง หลี่มู่หัวไม่ใช่คนขี้ขลาดอะไรเลยเขาสามารถสร้างเื่ที่ซับซ้อนและโรคจิตนี้ขึ้นมาได้นี่แสดงให้เห็นว่าเขามีความกล้าหาญมากกว่าคนทั่วไป
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นหยางเฉินกะซวกลำคอของหลี่เิมันทำให้ท้องไส้ของหลี่มู่หัวปั่นป่วน ความรู้สึกกลัวตายเริ่มกัดกินจิตใจของเขา
“ยิง… ยิงไอ้โรคจิตนี่ซะ”
หลี่มู่หัวตระหนักว่าสถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมากแต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งการบอดี้การ์ดของเขาที่ใจนลืมตัวไปว่าควรจะตอบสนองอย่างไร
บอดี้การ์ดทั้งสองคนใขวัญเสียไปเพราะเหตุการณ์นองเืตรงหน้าพวกเขาสูญเสียความสุขุมไปเนิ่นนาน ก่อนที่จะหยิบปืนขึ้นมาและเริ่มยิงไปที่หยางเฉิน
“ปัง ปัง ปัง...!”
ะุมากมายพุ่งตรงไปยังหยางเฉินแต่กลับไม่มีสักนัดที่ยิงโดนเขา เห็นดังนั้นมือของบอดี้การ์ดก็สั่นเป็เ้าเข้า
หยางเฉินไม่สนใจ เขาเดินไปหาหลี่มู่หัวช้าๆทีละก้าว ทีละก้าว ราวกับวิถีะุแต่ละนัดอยู่ในการคาดการณ์ของเขาเขาหลบเลี่ยงผ่านไปทีละนัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แกร้ก
ปืนพกที่บอดี้การ์ดใช้ มีะุอยู่แค่ 8 นัดหลังจากกระหน่ำยิงออกไปจนหมดแล้วแต่ไม่มีสักนัดที่ถูกตัวหยางเฉินเลยแม้แต่นิดเดียว
ในตอนนี้ หยางเฉินอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึง 2 เมตร พร้อมรอยยิ้มที่เหี้ยมเกรียมบนใบหน้าการกระทำดังกล่าวส่งผลให้บอดี้การ์ดพวกนั้นตกตะลึงถึงขีดสุด คนคนหนึ่งจะสามารถหลบห่าะุโดยไร้รอยขีดข่วนได้อย่างไร ?
“ฮือ… อา... อย่าเข้ามา”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนต่างะโเสียงหลงออกมาด้วยความหวาดกลัวและไม่สนใจแล้วว่าถูกจ้างมาให้ปกป้องหลี่มู่หัวหรือไม่พวกเขาหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีอย่างสุดฝีเท้า
แต่หยางเฉินไม่ยอมให้พวกเขาหนีไปได้อย่างที่หวังเขาวิ่งผ่านหลี่มู่หัว และคว้าคอของบอดี้การ์ดทั้ง 2 คนจากด้านหลัง ชุดสูทที่บอดี้การ์ดสวมใส่นั้นเป็สูทคุณภาพดีแม้หยางเฉินจะกระชากอย่างแรง พวกมันก็ไม่ฉีกขาด อีกทั้งบังคับให้สองคนนั้นต้องหันกลับมา
“พวกแกคิดว่ากำลังจะไปไหนกันงั้นเหรอ?”หยางเฉินพูดเหมือนคุยกับตัวเอง บอดี้การ์ดทั้ง 2 คน ถูกยกขึ้นลอยจากพื้น ไม่มีแม้แต่เวลาจะขัดขืน
หลี่มู่หัวมองเห็นฉากนี้ได้อย่างชัดเจนจากข้างหลังเขามองหยางเฉินใช้มือแต่ละข้างจับกุมคอของบอดี้การ์ดอย่างง่ายดายและใช้พลังสะท้อนกลับจากที่พวกเขาวิ่งหนีไป ดึงพวกเขากลับมา
บอดี้การ์ดที่แข็งแรงทั้ง 2 คนถูกโยนทิ้งเหมือนกับของเล่นชิ้นหนึ่งพวกเขาลอยเป็เส้นโค้ง และกระแทกลงกับพื้นซีเมนต์อย่างรุนแรงจนกระอักเลือกออกมาแล้วสลบเหมือดไปในที่สุด
หลี่มู่หัวยืนตะลึงงัน ในฐานะนักเทควันโดสายดำเขาเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้เขาเชื่อว่าแม้แต่นักเทควันโดที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ไม่สามารถทำอย่างที่หยางเฉินทำได้ ความเร็วและพลังแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างแน่นอน
นี่มันปีศาจชัดๆ
“อย่า... อย่าเข้ามา....” หลี่มู่หัวหวาดกลัวถึงขีดสุด เขาเริ่มเดินถอยหลังพร้อมกับปืนพกในมือแต่ไม่มีความกล้าพอที่จะเล็งไปที่หยางเฉินในความเป็จริงเขาเป็นักแม่นปืนระดับแนวหน้าแต่ในความคิดของเขาขณะนี้มีเพียงแค่คิดหาวิธีหลบหนีเท่านั้น
หยางเฉินเช็ดคราบเืออกจากใบหน้าออกไปลวกๆ แล้วมองไปที่หลี่มู่หัวเหมือนเขากำลังประเมินเหยื่อของตนเอง
“เป็อะไร คุณบอกลาผมแล้วไม่ใช่เหรอทำไมไม่ยิงล่ะ?”
หลี่มู่หัวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอโดยไม่ได้เอ่ยคำใดๆ ออกมา เขายังคงก้าวถอยหลังต่อไปอย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านหลังเขา นั่นทำให้เขาสะดุดกับศพของหลี่เิที่กองอยู่
“อ้าก...”
หลี่มู่หัวร้องออกมาอย่างตื่นตระหนกและล้มลงไปนั่งกองกับพื้นเบื้องหน้าเขาคือฉากนองเืของหลี่เิ
หยางเฉินค่อยๆ เดินเข้าใกล้หลี่มู่หัว และแสยะยิ้ม
กล้ามเนื้อของหลี่มู่หัวเริ่มหดเกร็งเขาใช้แขนและขาทั้งคู่เขยิบถอยหลังไปช้าๆแต่ไม่นานเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะขยับเขยื้อนตัว
ไม่เคยมีใครทำให้หลี่มู่หัวสิ้นหวังได้มากมายขนาดนี้ด้วยการใช้สายตาจ้องมองเพียงครั้งเดียวมันเหมือนกับสายตาของสิงโตที่จ้องมองกระต่าย...
มันเป็่เวลาระหว่างความเป็และความตายอย่างแท้จริง
หลี่มู่หัวไม่ใช่กระต่ายในสายตาของคนอื่นเขาอาจจะเป็สิงโต แต่อย่างไรก็ตามเขาตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่เพราะว่าเขาอ่อนแอแต่เป็เพราะความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามมันมากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้
หยางเฉินค่อยๆนั่งลงจนสายตาของเขาอยู่ระดับเดียวกับหลี่มู่หัว ผู้ที่ตอนนี้ตัวแข็งเป็หินและซีดเซียวอย่างคนตายไม่มีเศษเสี้ยวของความห้าวหาญตามปกติเหมือนตอนเป็ซีอีโอหนุ่ม
“คุณคิดว่าผมควรฆ่าคุณหรือเปล่าหรือควรปล่อยให้คุณมีชีวิตต่อไป”
“ผม… ขอร้อง… ผมขอร้อง…อย่าฆ่าผมเลย...” หลี่มู่หัวร้องขอชีวิตออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
หยางเฉินเลิกคิ้ว
“คุณแน่ใจเหรอว่าผมจะกล้าฆ่าคุณ?คุณเป็ผู้สืบทอดของตระกูลหลี่ เป็ซีอีโอของมู่หยุนเชียวนะ...”
“ไม่… คุณ…คุณเป็คนเดียวที่กล้าทำทุกสิ่ง… ผม… ผมรู้ว่าคุณกล้าลงมือฆ่าผม...” หลี่มู่หัวร่ำไห้ออกมาเขารวบรวมความกล้าของตัวเองทั้งหมดกลั่นออกมาเป็คำพูดแต่ละคำ
หยางเฉินขบคิดสักครู่ ก่อนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“เอาไงดีพวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจรจากันหรอกหรือไง? ผมได้อ่านเนื้อหาข้อมูลของการเจรจาต่อรองตระกูลหลี่จัดหาเทคโนโลยีซึ่งเป็สิ่งที่สำคัญที่สุดก็จริงแต่คุณไม่คิดหรือว่าหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์สำหรับบริษัทคุณมันมากไปหน่อยหรือเปล่า?"
เหมือนกับค้นพบแสงสว่างของความหวังหลี่มู่หัวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที เขากล่าวอย่างระมัดระวังว่า
“ใช่… ใช่… มันมากเกินไปจริงๆครับคุณหยาง เท่าไหร่… กี่เปอร์เซ็นต์ที่อวี้เหล่ย้า? คุณ..คุณสามารถเอาเท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณ้า”
ตราบเท่าที่ฉันสามารถมีชีวิตรอดเงินมากมายขนาดไหนก็ล้วนไม่มีค่า
หยางเฉินไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมา ในขณะนั้นเองหลี่มู่หัวกลับคิดว่ารอยยิ้มนี้ไม่ต่างกับรอยยิ้มของปีศาจ