ผ่านไปค่อนคืน เสี่ยวเมิ่งมุ่ยปากขณะถือสร้อยคอสีเงินเส้นนั้น ภายใต้แสงสว่างของตะเกียงน้ำมัน เผยให้เห็นความอ่อนโยนบนใบหน้างาม
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นางจึงรีบเก็บสร้อยคอเข้าไปในแหวนมิติ และตบแก้มที่ดูไม่เป็ธรรมชาติสองสามครั้ง
“ท่านปู่ มาหาข้ากลางดึกเช่นนี้มีเื่อันใดหรือ!” เสี่ยวเมิ่งชำเลืองมองชายชราที่เหมือนมีเื่ในใจ แล้วหันกลับมาที่เก้าอี้ไม้อย่างไม่สบอารมณ์นัก
“เสี่ยวเมิ่ง ปู่เตือนเ้าแล้วมิใช่หรือว่า อย่ากลั่นวัตถุแร่ผลึกต่อหน้าผู้อื่นตามใจชอบ! เ้าหนุ่มผู้นี้ไม่รู้เป็ใครมาจากไหน หากเขาแพร่งพรายเื่นี้ออกไป เราทั้งสองมิอาจอยู่อย่างสงบสุขแน่”
ชายชรานั่งอยู่ด้านหน้าเสี่ยวเมิ่ง ใช้นิ้วเคาะหน้าโต๊ะเรียบเหมือนกำลังร้อนใจ
“ท่านปู่อย่าได้กังวลไป ข้าเชื่อว่าเขามิใช่คนไม่ดี เขาไม่เปิดเผยความลับของเราออกไปแน่นอน”
นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน เสี่ยวเมิ่งหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่นานนางก็จริงจังขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
“ท่านปู่ ตระกูลเราเฝ้ารักษาสุสานที่นี่มาหลายชั่วอายุ แม้ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปีแล้ว แต่ท่านเชื่อจริงๆ หรือว่าจะมีผู้ปราบมันได้?”
ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ เสี่ยวเมิ่งจึงถามเื่นี้ขึ้น ชายชราตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อบรรพบุรุษผนึกมันไว้ที่นี่ ย่อมมีเหตุผล การรักษาความลับที่อยู่ด้านในเป็หน้าที่ของเรา”
เสี่ยวเมิ่งพยักหน้าเบาๆ นางมิได้ตอบชายชราโดยตรง แต่กลับมีความรู้สึกแปลกๆ
“ท่านปู่ ข้ารู้สึกว่าหยวนจุนนั้นค่อนข้างประหลาด ยามที่ปราณดาราวนรอบเขา พลังปราณภายในของข้าเหมือนกำลังถูกเขาดูดไป ในสภาพที่แตกออกจากร่างกาย”
แววตาของชายชราแสดงความใทันที รีบถามว่า “เ้าว่าเ้าหนุ่มนั่นมีผลต่อปราณภายในของเ้า?”
เมื่อเห็นเสี่ยวเมิ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่เหมือนผู้ที่กำลังโกหก ชายชราจึงใช้มือแห้งเหี่ยวตบโต๊ะแล้วกล่าวว่า “ว่าแล้วเ้าหนุ่มนี้ต้องมีสิ่งใดไม่ชอบมาพากล ั้แ่ครั้งแรกที่เจอเขา ข้าก็ถูกเขาหลอกแล้ว!”
“พลังยุทธ์บ่มเพาะถึงแค่ระดับดาราวงแหวนใหญ่ขั้นสอง แต่สามารถซ่อนปราณดาราได้อย่างสมบูรณ์ แม้เป็นักยุทธ์ยอดฝีมือก็ไม่มีทางทำได้”
“เสี่ยวเมิ่ง ถ้ามีเวลาก็เฝ้าสังเกตเ้าหนุ่มนั่นให้มากหน่อย” ชายชราลุกขึ้น ก่อนจากไปไม่ลืมหันกลับมาถามว่า “แล้วพลังจิตของเขาเป็อย่างไรบ้าง?”
เสี่ยวเมิ่งชะงัก กระซิบว่า “ท่านปู่ ท่านจำได้ไหมว่าข้าใช้เวลาเท่าไรในการสร้างแหวนมิตินี้ขึ้นมา?”
“เพียงสิบวัน! ไม่เคยปรากฏในวิถีของนักสร้างมาก่อน! ความสามารถไม่เป็สองรองใคร ทั่วทั้งมหาภพหลิงเทียน ถือเป็อัจฉริยะที่หาได้ยาก”
ครั้นเอ่ยถึงเื่นี้ ใบหน้าท่านปู่ของเสี่ยวเมิ่งนั้นแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เขาภูมิใจในตัวหลานสาวผู้นี้มาก
หากไม่ใช่เพราะหน้าที่ของตระกูลที่กำหนดเส้นทาง ทำให้นางต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่าทึบเช่นนี้ เสี่ยวเมิ่งคงได้เป็นักสร้างอันดับหนึ่งในมหาภพหลิงเทียนแน่นอน
“สิบวันสร้างแหวนมิติวงแรกได้...ท่านปู่ชมข้าเช่นนี้” เสี่ยวเมิ่งเม้มริมฝีปาก แทนที่จะหดหู่กลับรู้สึกปล่อยวาง นางหัวเราะแล้วกล่าวว่า “แต่หยวนจุนใช้เวลาแค่หนึ่งก้านธูป”
“หา”
ชายชรายืนนิ่งอยู่ที่ด้านนอกประตูไม้ เมื่อได้สติเขาจึงอุทานอย่างใ
“หนึ่งก้านธูป!” เขาเอ่ยซ้ำในสิ่งที่เสี่ยวเมิ่งเพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่ ภายในใจรู้สึกสับสน เมื่อรวมกับเื่ก่อนหน้าก็ทำให้เขายิ่งสงสัยมากขึ้น
นักยุทธ์ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในอาชีพนักสร้าง สามารถสร้างแหวนมิติได้ในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูปอย่างนั้นหรือ? เื่ที่น่าใเช่นนี้ เป็เื่ประหลาดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
“เลิกสงสัยได้แล้วท่านปู่ ดึกปานนี้แล้ว ข้าจะนอนแล้ว!”
เมื่อเสี่ยวเมิ่งเห็นปู่ตนเองยืนแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้อยู่ที่นอกประตู นางจึงเปลี่ยนอารมณ์ แล้วปิดประตูไม้ดังปัง
“เ้าหนุ่มนี้เป็ใครกันแน่ เพียงสามารถหลอมวัตถุแร่ผลึกได้ก็น่าประหลาดใจแล้ว แต่เขายังสามารถดูดปราณภายในของเสี่ยวเมิ่งได้อีก ความจริงแล้ว...” ชายชราทิ้งความคิดนี้ไป แต่เมื่อเดินออกไปสองเก้า เขาก็นิ่งอีกครั้ง
“ตามบันทึกโบราณแล้ว สิ่งที่มีผลต่อเปลวไฟปราณเช่นนี้ มีเพียงสองอย่างเท่านั้น อย่างแรก คือนักยุทธ์บ่มเพาะจนมีความสามารถเหนืุ์ ปิดท้องฟ้าด้วยฝ่ามือเดียวได้อย่างง่ายดาย หรือไม่ เขาก็ฝึกฝนอักษรลับเก้าตะวัน!”
ชายชราเลียริมฝีปากที่แห้งผาก แสดงท่าทีใเป็อย่างมาก “แต่จะเป็ไปได้อย่างไร อักษรลับเก้าตะวันหายสาบสูญไปกว่าหมื่นปีแล้ว เป็กฎ์โลกาที่กำเนิดขึ้นเพื่อสนอง์และโลก แม้ตกไปอยู่ในมือของผู้เก่งกาจ ก็มิอาจฝึกสำเร็จได้โดยง่าย ยิ่งกว่านั้น พลังยุทธ์ที่หยวนจุนบ่มเพาะยังเป็เพียงระดับวงแหวนใหญ่ขั้นสองเท่านั้น”
เขาค่อยๆ เดินทีละก้าว อารมณ์เปลี่ยนไป อดสงสัยไม่ได้ว่าหยวนจุนมีวิธีอะไรกันแน่
ขณะเดียวกัน หยวนจุนกำลังนั่งขัดสมาธิ หลับตาแน่น และกลั่นพลังโอสถที่สะสมอยู่ในร่างกาย เมื่อจิตใจสงบ พลังโอสถของยาต้าฮ่วนที่ไหลเวียนอยู่ในเื กลายเป็พลังม้วนตัวเข้าสู่กระแสปราณ รวดเร็วกว่าพลังโอสถที่สะสมอยู่ในร่างกายเขาเสียอีก
พลังโอสถของยาต้าฮ่วนวิเศษจริงๆ ภายในเวลาไม่กี่วัน ก็ทำให้เขาได้ััถึงระดับขั้นที่ยากขึ้น!”
หยวนจุนมีความสุขมาก ความรู้สึกของกระแสปราณที่ถูกเติมเต็มขึ้นอีกครั้ง ราวกับฟองน้ำที่ดูดซับน้ำอย่างเพียงพอ แค่เขาบีบเพียงเล็กน้อย ก็สามารถล้นออกมาได้
“หึ่ง หึ่ง”
กระดาษปริศนาส่งเสียงหึ่งลอยอยู่ท่ามกลางกระแสปราณ แม้กระแสปราณจะถูกเติมเต็มแล้ว แต่คล้ายยังมีหลุมลึกที่ดูดพลังโอสถของยาต้าฮ่วนอย่างต่อเนื่อง
“ครั้งเดียวให้สิ้นสุด!” ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว ก่อนหยวนจุนจะจับมือประสานกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับผลสุดท้าย
ขณะนั้นได้เกิดพลังอันน่าพิศวงอยู่ในอากาศ ซึ่งทำให้เขาต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด
“วงแหวนใหญ่ขั้นสองยี่สิบคน วงแหวนใหญ่ขั้นสามสิบเอ็ดคน วงแหวนใหญ่ขั้นสี่หนึ่งคน วงแหวนใหญ่ขั้นห้าหนึ่งคน!”
เมื่อรู้สึกถึงพลังจำนวนมาก หยวนจุนใเป็อย่างยิ่ง เพราะตำแหน่งของผู้คนเหล่านี้ บังเอิญอยู่ลานด้านนอกซึ่งเขาอาศัยอยู่!
เพียงไม่นาน เสียงจากด้านนอกประตูก็ดังขึ้น ทำให้เขารู้สึกกดดันราวกับลมพายุกำลังมา
“แม่นางเมิ่ง ข้ารู้ว่าเ้านั่นซ่อนตัวอยู่ข้างใน หากวันนี้เ้าไม่มอบตัวคนผู้นั้นออกมา ข้าหานจิ้นก็จะไม่ยอมเลิกรา”
บุรุษที่เรียกตนเองว่าหานจิ้น อายุประมาณยี่สิบกว่า รูปร่างสูงใหญ่ แก้มสองข้างไว้เคราเด่นชัด และเป็นักยุทธ์วงแหวนใหญ่ขั้นสี่อย่างแท้จริง!
ด้านหลังของเขามีสตรีสวมชุดพอดีตัว งามสง่าราวกับพญาหงส์ กระโปรงแดงเหมือนเปลวไฟนั้นยากที่จะซ่อนส่วนโค้งเว้าของร่างอรชร เมื่อมองไปท่ามกลางบุรุษท่าทางหยาบคายหลายสิบคน ทำให้นางโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนสตรีอีกนางที่หันหลังให้ประตูไม้ สายตามองฟ้ามืดอันไร้ขอบเขต ผมยาวอ่อนนุ่มที่ตกลงไหล่กำลังปลิวพลิ้วสลวย ทั้งท่าทางยังดูผ่อนคลาย คล้ายกำลังรอสิ่งใดอยู่
“หานจิ้น ทหารรักษาเมืองของเ้ารังแกผู้คนมากมาย! เ้ามีสิทธิ์อะไรให้ข้ามอบคน?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้