“คุณหนูใหญ่ ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิดเ้าค่ะ ไม่ช้าคุณชายใหญ่ก็กลับมาแล้ว หากท่านยังฝืนทนเช่นนี้ต่อไป ร่างกายต้องรับไม่ไหวเป็แน่”
เสียงปลอบใจดังขึ้นข้างหู เฉินจิ้งเจียค่อยๆ ลืมตา เงยหน้ามองโลงศพไม้หนานมู่เนื้อทองที่วางอยู่ตรงระดับสายตา กระดาษเงินกระดาษทองยังคงเผาไหม้ในกระถางสำริดเบื้องหน้า
“คุณหนูใหญ่ หากท่านยังทำแบบนี้ต่อไป ฮูหยินที่อยู่อีกภพคงมิอาจสบายใจแน่เ้าค่ะ”
เฉินจิ้งเจียมองทุกสิ่งอย่างไม่รับรู้สิ่งใด ครั้นหันกายกลับมาก็เห็นเด็กหญิงตัวน้อยวัยราวๆ สิบขวบคนหนึ่งกำลังคุกเข่ามองนางด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตาอยู่ข้างกาย ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยทำเอาร่างนางสั่นเทิ้ม
“หนานจือ?”
“บ่าวเองเ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ โปรดรับฟังข้าแล้วกลับไปพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ ทุกสิ่งจำต้องรอคุณชายใหญ่กลับมา จึงจะตัดสินใจได้...”
“หนานจือ...เป็เ้าจริงๆ ด้วย...” เฉินจิ้งเจียรั้งแขนเล็กของหนานจือไว้ ม่านตาพลันหดตัว
สีหน้าเหลือเกินกว่าจะเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนเลื่อนมือลูบคลำหน้าท้องตนอย่างลืมตัว ทว่าวินาทีที่ััโดนกลับต้องตะลึงค้างอยู่ที่เดิม
ลูกนางล่ะ?
“คุณหนูใหญ่ ท่านเป็อันใดไปเ้าคะ? ท่านอย่าทำให้บ่าวใสิเ้าคะ...”
เสียงสะอึกสะอื้นของหนานจือดังอยู่ข้างหู เฉินจิ้งเจียกำหมัดแน่น ความเ็ปจากเล็บคมที่จิกเข้าฝ่ามือปลุกนางให้ตื่นรับความเป็จริงในที่สุด
์ได้ยินคำเรียกร้องของนางจริงๆ ทั้งยังให้โอกาสนางมาเกิดใหม่อีกครั้งด้วย!
ทุกสิ่งตรงหน้า คือวันคืนที่นางเฝ้าห้องเซ่นไหว้ยามมารดาล่วงลับไปตอนนั้นนั่นเอง
ทว่านางโกรธ โกรธที่ว่าในเมื่อ์ให้โอกาสนางแล้ว ไฉนถึงไม่ขยับไปก่อนหน้าอีกสักนิด หากเป็เวลานั้น นางคงปกป้องท่านแม่ ปกป้องคนรอบตัวนางไว้ได้!
“ คุณหนูใหญ่... ” ครั้นเห็นท่าทางของเฉินจิ้งเจียตรงหน้า หนานจือก็ไม่รู้จะรับมือเช่นไร
เฉินจิ้งเจียสูดลมหายใจลึกครู่หนึ่งก่อนโบกมือ ยามนี้นางไม่อยากพูดจา นางจำต้องรับความจริงนี้ให้ได้เสียก่อน และต้องสงบสติลงเช่นกัน
รัตติกาลมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งใด เทียนไขสีซีดลุกไหม้ส่องสกาวเป็เปลวเพลิงสลัว เพิ่มบรรยากาศอันโดดเดี่ยวแก่ฉากแห่งความเ็ปนี้ยิ่งขึ้น
กระดาษเงินกระดาษทองปึกใหญ่ถูกเฉินจิ้งเจียหยิบใส่กระถางสำริดทีละนิด ไม่ช้า เปลวเพลิงกลืนกินจนเกลี้ยง นางจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างเงียบเชียบ หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มไม่หยุด
ความเ็ปจากการถูกพรากลูกไปจากครรภ์และความสิ้นหวังปรากฏเพียงเลือนรางตรงหน้า ภาพเซี่ยยู่จางโอบกอดเฉินจิ้งโหรวฉายซ้ำไม่หยุดหย่อน เพียงชั่วพริบตา ทุกสรรพสิ่งก็หวนกลับมาเริ่มใหม่ ณ วินาทีนี้อีกครั้ง
นางตายในเหมันตฤดูอันหนาวเหน็บ รัชศกเซิ่งอันปีที่ 18
นางหวนคืนชีวิตในปลายสารทฤดูอันโดดเดี่ยว รัชศกเซิ่งอันปีที่ 11
เจ็ดปีเต็ม นางใช้เวลาถึงเจ็ดปีเต็มในการพิสูจน์ความโง่เขลาของนาง ใช้เวลาเจ็ดปีในการมองเห็นความโหดร้ายในจิตใจคนอย่างทะลุปรุโปร่ง และทำให้นางไม่ได้ตายดีในที่สุด
ยามนี้ได้เกิดใหม่อีกครั้ง นางกลับยังมิอาจกอบกู้ชีวิตมารดาคืนได้อยู่ดี
ในเมื่อนางมิอาจช่วยชีวิตมารดาได้แล้ว ในเมื่อ์มอบโอกาสให้นางกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เช่นนั้นนางจะไม่มีวันปล่อยสองแม่ลูกปากปราศรัยใจเชือดคอดั่งงูคู่นั้นไปแน่!
ความเ็ปทั้งหมด ความเสียใจทั้งมวล ความเคียดแค้นชิงชังทั้งหลาย นางจะทำให้พวกมันได้ลิ้มลอง!
“หนานจือ ท่านพี่จะกลับจวนมาแล้วใช่หรือไม่?” เฉินจิ้งเจียเช็ดน้ำตาบนหน้า เปล่งเสียงแหบแห้งถาม
พี่ชายของนาง เฉินอี้เหอ เป็บุตรชายคนโตแห่งจวนป๋อชางโหว ทั้งยังเป็แม่ทัพใหญ่รักษาชายแดน สามปีก่อนถูกส่งไปตั้งรักษาการกองทัพ จวบจนยามนี้ยังไม่เคยกลับบ้านแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่คาดคิดว่าการกลับมาครั้งนี้จะเป็เพราะการล่วงลับของมารดา
หนานจือขมวดคิ้ว เห็นแววตาของเฉินจิ้งเจียแล้วก็ปวดใจ “คุณหนูใหญ่ วันรุ่งขึ้นคุณชายใหญ่ก็ถึงแล้วเ้าค่ะ”
“ดี” เฉินจิ้งเจียยกยิ้มบาง สายตาฉายแววอารมณ์แปลกประหลาดวูบหนึ่ง นางเอามือดันพื้น ฝืนความเ็ปเสียดแทงจากหัวเข่า ค่อยๆ หยัดกายเดินไปหน้าโลงศพ
โลงศพเย็นเยียบ เฉินจิ้งเจียััเบามือ พลางเอ่ยขึ้นในใจอย่างอดไม่ได้ “ท่านแม่ จงสบายใจเถิด ลูกจะล้างแค้นให้ท่าน ลูกจะส่งพวกมันไปขอขมาท่านด้วยมือข้าเอง!”
สายน้ำตาไหลหลั่งอีกครั้ง เฉินจิ้งเจียเงยหน้าจ้องโลงศพไม้ ทันใดนั้นนางลุกพรวดและพุ่งชนโลงศพไม้เต็มแรง
ตึง!
“คุณหนูใหญ่!”
ภายในห้อง
“หมอหยวน เหตุใดกระทั่งยามนี้เจียเอ๋อร์ถึงยังไม่ฟื้นเล่า? ผ่านมาสามชั่วยามแล้ว”
“นายท่านโหวอย่าได้รีบร้อน อาการาเ็ของคุณหนูใหญ่ไม่ถือว่าร้ายแรง ทว่ากระทบกระเทือนถึงสมอง เกรงว่าต้องใช้เวลาพักใหญ่ถึงจะฟื้นคืนสติขอรับ”
“แม่หนูนี่ช่างทำให้คนอื่นต้องห่วงเสมอจริงๆ อยู่ดีๆ ก็ไปชนเข้ากับโลงศพได้อย่างไรก็ไม่รู้”
ป๋อชางโหวขมวดคิ้วมองเฉินจิ้งเจียที่หลับตาสนิทสองข้างด้วยสีหน้าปวดใจเต็มประดา
เฉินจิ้งเจียในตอนนี้นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง อันที่จริงนางได้สติตั้งนานแล้ว แต่กลับมิได้ให้คนรอบข้างจับสังเกตได้
ที่นางเลือกทำเช่นนี้ เป็เพราะนางจำได้แม่นว่า ภายในวันสองวันนี้จ้าวอี๋เหนียงจะฉวยโอกาสตอนท่านพ่อหมดอาลัยตายอยากเพราะท่านแม่ล่วงลับ ในการหลอกล่อให้ท่านพ่อมอบตำแหน่งฮูหยินแก่นาง
แม้เป็ถึงท่านโหว ทว่าป๋อชางโหวกลับหูเบาใจอ่อนเสมอมา อยู่กับท่านแม่หลายปีความรักความผูกพันย่อมฝังลึก หากมิใช่เพราะยามนั้นจ้าวอี๋เหนียงฉวยโอกาสตั้งครรภ์ ก็คงมิอาจใช้เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปีไต่เต้าจากคนรับใช้ข้างกายท่านย่าขึ้นเป็อี๋เหนียงแน่นอน
จ้าวอี๋เหนียงนั้นหน้าตางดงามมาั้แ่เกิด ดูเหมือนเป็คนอ่อนโยนเรียบง่ายน่าคบหา ทว่าความคิดจิตใจส่วนลึกกลับฝักใฝ่บรรดาศักดิ์เ้ายศเ้าอย่าง จำได้ว่ายามท่านแม่ล่วงลับ นางหยิบยืมคำว่าปลอบใจลวงให้ป๋อชางโหวยกตำแหน่งฮูหยินตามกฎหมายแก่นางสำเร็จในเวลาเพียงหนึ่งคืนได้ ครั้นนึกดูตอนนี้ นางคงคิดไว้แล้วว่าต้องให้ท่านแม่ตายก่อน แล้วชักจูงให้ท่านพ่อมอบตำแหน่งฮูหยินให้...
นางต้องวางแผนทั้งหมดนี้ไว้เป็อย่างดีแน่นอน!
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรนางต้องขัดขวางท่านพ่อมิให้มอบตำแหน่งฮูหยินแก่นาง สกัดโศกนาฏกรรมทั้งหมดที่จะเริ่มขึ้นจากนี้ให้ได้!
เื่ราวในอดีตแล่นวูบผ่านสมอง มือของเฉินจิ้งเจียกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว
บทสนทนาระหว่างป๋อชางโหวกับหมอหยวนดังขึ้นข้างหูไม่ขาดสาย นางสูดลมหายใจลึกครู่หนึ่ง ก่อนริมฝีปากซีดเซียวจะค่อยๆ ขยับ
“แม่...อย่าไป...ท่านแม่...ท่านบอกว่า...ใครทำท่านตายนะ?”
“ท่านแม่...”
เสียงเบาต่ำยิ่ง หากแต่หนานจือที่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างๆ กลับรู้สึกตัวทันใด “นายท่านโหว คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้วเ้าค่ะ!”
ป๋อชางโหวได้ยินก็รีบเร่งปรี่เข้ามาทันที หากแต่ยังไม่ทันถึงเตียง พลันได้ยินเสียงพึมพำของนาง ก่อนเป็อันขมวดคิ้วเคร่งขึ้นเสียมิได้ “เจียเอ๋อร์กำลังพูดอันใดกัน?”
จ้าวอี๋เหนียงตามป๋อชางโหวไปที่เตียงเช่นกัน ครั้นเห็นสีหน้าคร่ำเคร่งของเขา ก็รีบบอกหมอหยวน “หมอหยวน ท่านไปดูคุณหนูใหญ่อีกครั้งเถิด”
หมอหยวนพยักหน้า หยิบหมอนจับชีพจรออกมา ขณะหมายจะปรี่เข้าไป ทันใดนั้นเฉินจิ้งเจียบนเตียงกลับโพล่งเสียงดังขึ้น ทำเอาเขาตัวแข็งทื่อไม่กล้าเข้าไป
“ท่านแม่! อย่าไป! อย่าทิ้งเจียเอ๋อร์! ท่านแม่!”
เสียงแผดะโของเฉินจิ้งเจียดังลั่น ทั้งยังสะอึกสะอื้นร่ำไห้ปนเปไป ทุกคนในห้องล้วนได้ยินอย่างชัดเจน
แววตาจ้าวอี๋เหนียงแปรเปลี่ยนทันใด ก่อนแปลงกลับดังเดิมในเสี้ยวพริบตา ทว่าป๋อชางโหวกลับสีหน้าถมึงทึง ยกมือส่งสัญญาณให้หนานจือปลุกเฉินจิ้งเจียตื่น
หนานจือใจเต้นระส่ำ เมื่อครู่คำพูดละเมอของเฉินจิ้งเจียสร้างความตกตะลึงยิ่งยวด ทั้งจวนต่างคิดว่าฮูหยินจากไปเพราะป่วยโรค หากแต่คำพูดของคุณหนูใหญ่กลับบอกต่างไปว่าแท้จริงแล้วฮูหยินถูกคนทำร้ายจนวายชีพ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องตื่นใยิ่งอยู่แล้ว
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ตื่นเถิดเ้าค่ะ นายท่านโหวกับจ้าวอี๋เหนียงมาหาคุณหนูใหญ่แล้วเ้าค่ะ”
หนานจือเกาแขนเฉินจิ้งเจียเบามือ หากแต่เหมือนเฉินจิ้งเจียยังคงหลับอยู่ ถึงได้ขมวดคิ้วร้องะโแต่กลับไม่ลืมตา ปากพร่ำพึมพำไม่ได้ศัพท์ทำเอาป๋อชางโหวที่ยืนข้างๆ สีหน้าย่ำแย่ลง
“ท่านแม่!”
ชั่วเวลาที่ป๋อชางโหวตัดสินใจจะปลุกเฉิงจิ้งเจียด้วยตนเองนั้น นางกลับพรวดพราดขึ้นนั่งบนเตียง เหงื่อกาฬผุดเต็มหน้าผากมน ดวงตากลมโตเหม่อมองอากาศอย่างไร้สติ
“คุณหนูใหญ่?”
เฉินจิ้งเจียหาได้ส่งเสียงตอบ แต่กลับหันคอทื่อๆ จ้องเขม็งไปที่จ้าวอี๋เหนียงด้านหลังหนานจือแทน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้