เมื่อจวินเหยียนได้ยินคำของเว่ยหลงก็ได้แต่ยิ้มบางๆ และพยักหน้า “เปิ่นหวางเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่านางเป็คนเช่นไร” อวิ๋นซีผู้นี้ปรากฏร่องรอยปริศนามากเกินไป ทำให้เขารู้สึกว่า หากตนสามารถสืบหาทุกเื่โดยละเอียด และขุดปริศนาบนตัวนางออกมาได้จนหมด คงทำให้คนต้องตะลึงค้างอย่างแน่นอน
เขามองไปยังเว่ยหลง ขบคิดแล้วออกปากสั่ง “ให้คนของเราจับตาดูจวนลู่ไว้หน่อย และหากพบอะไรต้องสงสัย ก็รีบมาบอกเปิ่นหวางหรือไม่ก็พระชายาโดยเร็วที่สุด”
เมื่อเว่ยหลงได้ยินก็จดจ้องจวินเหยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย “ท่านอ๋อง พระองค์้าทำเช่นนี้จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ? ” พระชายาเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่นาน แต่เื่ภายในจวนก็จะให้นางได้รับรู้แล้ว? หากเป็เื่อื่นคงไม่เป็ไร ทว่า เื่ของคนตระกูลลู่นั้นไม่ธรรมดา ยามนี้ในใจของท่านอ๋องทรงคิดอะไรอยู่กันแน่?
จวินเหยียนไม่แม้แต่จะคิดก็ตอบกลับไป “เปิ่นหวางเคยบอกเ้าไปแล้วว่า นางเป็คนที่เชื่อใจได้ อีกประการ หากพวกเรายังคิดอยากจะกลับไปเมืองหลวง ก็จำต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพระชายา” หากคิดอยากจะให้หานโจวกลายเป็นครที่ร่ำรวยที่สุดในดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือก็จำเป็อย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพาแผนการของอวิ๋นซี
เว่ยหลงเป็เพียงผู้ใต้บังคับบัญชา สุดท้ายจึงได้แต่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
ทางด้านลู่อวี้ฉิงที่เพิ่งกลับมาถึงจวนตระกูลลู่ นางก็ไม่รีรอรีบปรี่กลับไปยังห้องตนในทันที แล้วจึงปิดประตูลง ยามนี้นางโกรธเสียจนแทบอยากทำลายชุดน้ำชาบนโต๊ะให้แหลกละเอียด แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่า ไม่มียามใดที่ลู่เหวินเจิ้นไม่ให้คนคอยจับตาดูตน นางจึงได้แต่ต้องเลือกที่จะอดทนไว้
วันนี้ที่ได้ไปจวนอ๋อง นางถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงด้วยการที่ท่านอ๋องยอมอนุญาตให้ตนสามารถเข้าไปยังเรือนชั้นสองได้ ทั้งยังสั่งให้สาวใช้ตระเตรียมขนมและโจ๊กรังนกไว้ให้ การกระทำทุกสิ่งอย่างสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจเพียงนี้ ทว่า ตอนนี้นางกลับไม่กล้าแม้แต่จะคิดย่างก้าวเข้าจวนอ๋องในฐานะสตรีของท่านอ๋องอีกต่อไป
อีกทั้ง เมื่อพินิจพิจารณาถึงต้นเหตุที่ทำให้นางต้องกลายเป็ดังเช่นทุกวันนี้ นางก็แทบอยากจะสังหารลู่เหวินเจิ้นและฮูหยินลู่เสียเดี๋ยวนี้ แม้คนหนึ่งจะเป็บิดาในนามของนาง และอีกคนหนึ่งจะเป็มารดาผู้ให้กำเนิดนางโดยแท้ก็ตาม
ในตอนที่นางกำลังเกรี้ยวกราดนี้เอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน ก่อนที่ลู่เหวินเจิ้นจะมาปรากฏกายอยู่ด้านข้างอย่างไร้สุ้มเสียง และได้เห็นนางนั่งน้ำตาตกอย่างเงียบๆ อยู่ด้านหนึ่ง ลู่เหวินเจิ้นขมวดหัวคิ้วแทบจะในทันที แล้วจึงรีบเอ่ยถาม “อวี้เอ๋อร์ เ้าเป็อันใดไป? เหตุใดจึงต้องร้องไห้? ”
ลู่อวี้ฉิงใจนหน้าถอดสี “ท่านพ่อ ท่านมาได้อย่างไรเ้าคะ? ”
“ข้ามาดูเ้า” ลู่เหวินเจิ้นก้าวเข้าใกล้ไปด้านหน้าพลางขมวดคิ้ว จ้องมองนาง “เหตุใดเ้าถึงมาร้องไห้อยู่ที่นี่? หรือว่าการติดตามข้า ทำให้เ้าน้อยเนื้อต่ำใจยิ่ง? ” เื่ในจวนอ๋องวันนี้เขาเองก็พอจะทราบแล้ว ยิ่งกว่านั้น ก่อนนี้ที่ลู่อวี้ฉิงมีใจให้หานอ๋อง เขาเองก็รับรู้ และเมื่อได้เห็นว่าหลังจากที่นางกลับมาจากจวนอ๋องก็ร้องห่มร้องไห้เช่นนี้ ย่อมเป็ไปได้ถึงแปดเก้าส่วนว่า ความเสียใจที่เกิดขึ้นนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเื่ของหานอ๋อง
เมื่อคิดไปถึงว่านางรังเกียจตน ลู่เหวินเจิ้นก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว ก่อนจะผลักนางให้ล้มลงไปบนเตียงด้วยความเกรี้ยวกราด จากนั้นจึงใช้ร่างตนทับลงบนกายนางอย่างแแ่ “ลู่อวี้ฉิง เมื่อก่อนเ้าจะชอบใคร ข้าสามารถไม่สนใจได้ แต่ว่านับแต่นี้เ้าจงจำคำข้าไว้ให้ดี เ้าในตอนนี้เป็คนของข้าแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องติดตามเพียงข้า และหากเ้าริอาจคิดถึงชายอื่นอีก ข้าจะสังหารเ้าเสีย”
เมื่อหวนนึกถึงมารดาของลู่อวี้ฉิงและพี่ชายจากตระกูลสือที่ร่วมกันสวมหมวกเขียวให้เขามากว่าสิบปี ลู่เหวินเจิ้นก็แทบอยากจะสังหารสองแม่ลูกนี้และเ้าสารเลวสือเหยียนจวินนั่นเสียเดี๋ยวนี้ ทว่า ยามนี้ตัวเขากลับกำลังลุ่มหลงในเรือนร่างของลู่อวี้ฉิงอยู่อย่างยากจะควบคุมตน ดังนั้น การจะสังหารนางให้สิ้นถือเป็เื่ที่เขาทำไม่ลงจริงๆ
ลู่อวี้ฉิงมองลู่เหวินเจิ้นที่กำลังดุร้ายน่าหวาดกลัว ก่อนจะร้องไห้ออกมาทันที “ข้าคิดถึงท่านอ๋องที่ใดกัน เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าตนช่างทุกข์นัก ได้ติดตามท่านแล้วแท้ๆ แต่กลับออกไปสู้หน้าใครมิได้”
เมื่อลู่เหวินเจิ้นได้ยินก็อึ้งไปเล็กน้อย “เ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ”
“ข้าจะหมายความว่าอย่างไรได้อีก ท่านเป็บุรุษของข้า เป็ที่พึ่งพิงเดียวในอนาคตของข้า แต่เหตุใดตัวท่านจึงไม่ลองตรองดูบ้างเล่าว่า พวกเราที่เป็เช่นนี้ หากมีคนล่วงรู้เข้า ตัวข้าควรจะวางตัวเช่นไร? อีกประการ หากข้าตั้งครรภ์เล่า คนในจวนนี้จะมองเด็กในท้องข้าอย่างไร” ลู่อวี้ฉิงคาดเดาได้ว่า บุรุษผู้นี้คงคิดอยากจะยืมท้องของตนเพื่อให้กำเนิดบุตรชายแก่เขา ดังนั้น ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดนางจึงจะไม่ลองหลอกใช้ความหลงใหลที่เขามีต่อตนในตอนนี้ให้เป็ประโยชน์เสียสักหน่อยเล่า
ลู่อวี้ฉิงกอดคอลู่เหวินเจิ้น ทว่า ในใจกลับแทบอยากจะหักกระดูกเขาแล้วเอาขี้เถ้าไปโปรยเสีย
“เ้า้าตำแหน่งฮูหยินลู่? ” ลู่เหวินเจิ้นมองนางด้วยความเคลือบแคลงเล็กน้อย
เมื่อลู่อวี้ฉิงได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งค้างไปเล็กน้อย แท้จริงแล้วเมื่อครู่นี้นางเพียงพูดไปมั่วๆ ก็เท่านั้น ทว่าตอนนี้เขากลับช่วยย้ำเตือนนางที่เป็เพียงดอกไม้ที่ปลิดปลิวเป็ต้นหลิวที่เหี่ยวเฉา ย่อมไม่อาจแต่งให้หานอ๋องหรือเจียงเฉิงได้อีก ในเมื่อเป็เช่นนี้เหตุใดจึงไม่ขับมารดาที่แสนดีคนนั้นของตนให้ลงมาจากตำแหน่งฮูหยินลู่เสียเล่า
นางพยักหน้า “อืม ข้าอยากเป็ภรรยาโดยเปิดเผยของท่าน ข้าอยากจะอยู่กับท่านไปชั่วชีวิต ถึงแม้ในอดีตข้าจะเคยหลงใหลในท่านอ๋อง นั่นก็เพราะตัวข้ายังเป็เด็กไม่รู้ความ ทว่า ั้แ่...ั้แ่ที่ได้ลอง...กับท่าน...”
เมื่อพูดถึงตอนสุดท้าย นางก็ออดอ้อนเขินอายขณะโถมกายเข้าไปในอ้อมแขนเขา การกระทำเช่นนี้ของนางทำให้ลู่เหวินเจิ้นหายโกรธเป็ปลิดทิ้ง ไม่แม้แต่จะคิดก็ให้สัญญากับนางในทันที “วางใจเถิด รอจนเ้ามีลูกแล้ว ข้าจะให้เ้าได้เป็ภรรยาที่ถูกต้องของข้า”
ในเวลาเดียวกันนั้น สมองเขาก็ปรากฏความคิดเป็ทอดๆ สตรีแซ่สือนั้นไม่อาจเก็บไว้ได้แล้ว อีกทั้ง ไม่ว่าอย่างไรตัวเขาก็จำต้องมีภรรยาสักคน และลู่อวี้ฉิงเองก็เหมาะสมกับฐานะนี้เป็อย่างยิ่ง ด้วยประการฉะนี้ การตบแต่งอีกฝ่ายมาเป็ภรรยาเอก นอกจากจะได้แก้แค้นสือเหยียนจวินแล้วก็ยังทำให้สตรีแซ่สือเป็ต้องตายตาไม่หลับได้อีกด้วย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ตื่นเต้นยิ่งจนแทบอยากจะดำเนินการตามแผนนี้ให้ลุล่วงเสียเดี๋ยวนี้เลย
“จริงหรือ? ” เมื่อลู่อวี้ฉิงได้ยินเขาบอกว่าจะให้นางเป็ภรรยาที่ถูกต้อง นางก็ให้ดีใจยิ่ง ทว่าในใจนั้นกลับคิดไปว่า หากอีกฝ่ายคิดอยากมอบตำแหน่งนี้ให้ตนจริงๆ คนก็จำต้องกำจัดมารดาของนางก่อนเป็อันดับแรก
ลู่เหวินเจิ้นพยักหน้า “จริงแน่นอน” เมื่อพูดจบ เขาก็ดึงอาภรณ์ของลู่อวี้ฉิงให้เปิดออก เพียงไม่นานในห้องนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงที่ชวนให้คนฟังได้ยินแล้วเป็ต้องหน้าแดงหูแดง
ในขณะนั้นองครักษ์สองคนที่ลอบจับตาดูเรือนของลู่อวี้ฉิงอยู่ยังอดหันไปมองไม่ได้ พวกเขาต่างได้รับคำสั่งให้มาเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ที่นี่ มิคาดจะได้มาเจอเื่ราวเช่นนี้ นี่ช่างเหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ ...ลู่เหวินเจิ้นและบุตรสาวของตนเอง? ด้วยเื่นี้พวกเขาจำต้องรีบกลับไปรายงานใต้เท้าเว่ยหลงโดยเร็วที่สุด
กระทั่งข่าวนี้ถูกส่งผ่านจากเหล่าองครักษ์ลับไปจนถึงหูของอวิ๋นซี นางก็ได้แต่แค่นหัวเราะเ็า ลู่เหวินเจิ้นคิดอยากให้ลู่อวี้ฉิงได้ตำแหน่งฮูหยินของจวน แน่นอนว่าคนต้องยอมทำทุกวิถีทางเพื่อมอบฐานะที่ผ่าเผยให้อีกฝ่ายสามารถออกหน้าออกตาได้ ดังนั้น จึงจำเป็อย่างมากที่จะต้องกำจัดฮูหยินลู่
นางเอ่ยถามบุรุษที่นั่งอยู่อีกด้าน ซึ่งยามนี้กำลังจดจ่ออยู่กับสารที่ถูกส่งมาจากที่ต่างๆ “จวินเหยียน ในจวนของลู่เหวินเจิ้นนั้น ท่านได้ส่งสาวใช้แฝงตัวเข้าไปบ้างหรือไม่? ”
“มี เ้าอยากจะใช้คนเ่าั้หรือ? ” เขาอดมองนางมิได้ ไม่ว่าจะเื่ใดที่เกิดขึ้นในจวนของลู่เหวินเจิ้นเขาล้วนรู้ดี รวมถึงคำพูดทุกถ้อยคำที่ลู่เหวินเจิ้นได้ให้ไว้กับลู่อวี้ฉิงก็ยังถูกส่งมาถึงเขาผ่านทางองครักษ์ลับ ดังนั้น เื่ที่เขารู้ย่อมมีมากเสียยิ่งกว่าอวิ๋นซี
อวิ๋นซีพยักหน้า “ให้สาวใช้ที่เฉลียวฉลาดสักหน่อยหาวิธีเข้าใกล้ลู่อวี้ฉิง และทำให้นางไว้วางใจให้ได้” นางอยากจะเห็นจริงๆ ว่า ลู่อวี้ฉิงจะต่อกรกับมารดาตนอย่างไร หรือจะค่อยๆ ผลักมารดาตนให้ถอยหลังลงขุมนรกไปทีละก้าวๆ อย่างไร
อวิ๋นซีเคยสาบานไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะทำให้คนตระกูลลู่และโอวหยางเทียนหัวต้องชดใช้ให้คนตระกูลเฉียวกว่าสองร้อยชีวิตด้วยชีวิต ถึงกระนั้นการที่ฮูหยินลู่แต่งให้ลู่เหวินเจิ้นก็คงบอกได้เพียงว่าอีกฝ่ายอับโชคอย่างที่จะโทษใครไม่ได้แล้ว