“ท่านพ่อตา ลูกเขยไม่เข้าใจ สิ่งที่ท่านถามเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร? ” จวินเหยียนพูดอย่างปลงๆ
อวิ๋นซานแค่นเสียงเ็า “ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเ้าเป็คนที่ไม่น่าเชื่อถือ ตอนแรกข้าถูกเ้าข่มขู่จนต้องยกอาซีของข้าให้แต่งกับเ้าได้อย่างไรกันนะ พวกคนในราชวงศ์เยี่ยงพวกเ้ามักมีเื่ถูกถูกผิดผิดมากมายเช่นนี้เอง”
เมื่อพูดจบ สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปดำคล้ำ ไม่สดใสเหมือนเก่าก่อนอีกแล้ว “ตัวข้าเป็หมอมายี่สิบกว่าปี เ้าแน่ใจหรือว่าการแท้งจริงๆ กับแสร้งทำนั้น ตัวข้าจะมองไม่ออก เพราะท่าทางของอาซีไม่เหมือนสตรีที่เพิ่งแท้งลูก ดังนั้น เ้าบอกความจริงมาเถอะ ตกลงว่านี่มันเกิดเื่ใดขึ้นกันแน่? ”
จวินเหยียนลอบตะลึงอยู่ในใจ ผู้คนทั่วหานโจวต่างร่ำลือว่าวิชาแพทย์ของอวิ๋นซานนั้น แม้แต่หมอหลวงแห่งหนานเย่าก็ยังมิอาจเทียบได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำเล่าลือนั้นจะไม่ผิดเลยสักนิด มิน่าเล่าคนถึงได้สั่งสอนบุตรสาวเช่นอวิ๋นซีได้ดีเพียงนี้
เขาพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี “อาซีมิได้ตั้งครรภ์ ส่วนเื่ที่บอกว่านางได้รับความใจนแท้งลูกก็เป็แค่แผนรับมือชั่วคราวเท่านั้น หากว่าเื่นี้ทำให้ท่านพ่อตาเป็กังวลใจ เช่นนั้นเชิญท่านว่ากล่าวตักเตือนลูกเขยคนนี้เพียงคนเดียวเถิดขอรับ เพราะนี่เป็ความคิดของลูกเขยทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับอาซี”
แม้จะรู้ความจริงในบางเื่ ทว่าตัวเขาจะทำอันใดได้ เพราะในใจอาซีรักใคร่หวงแหนอวิ๋นซานผู้เป็บิดาคนนี้มากจริงๆ ดังนั้น สิ่งที่เขาพอจะทำได้ก็มีเพียงให้ความสำคัญกับคนที่นางให้ความสำคัญ อีกทั้ง เื่เก่าก่อนที่อวิ๋นซานยกบุตรสาวให้ตน ก็เป็เขาที่กระทำการไร้คุณธรรมเกินไปหน่อยจริงๆ ถึงขนาดที่บังคับให้ผู้อื่นยกบุตรสาวสุดรักสุดดวงใจให้ได้ตบแต่งกับตน
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะยังพูดอันใดได้อีก? สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ การสำนึกผิด และสำนึกผิดต่อไป
“คนเ่าั้มาจากเมืองหลวงหรือ? ” อวิ๋นซานมองจวินเหยียนไปเรียบๆ นับแต่ที่บุตรสาวแต่งให้บุรุษตรงหน้าผู้นี้ เขาก็รู้แล้วว่ามีบางเื่ที่ตนจำเป็ต้องเตรียมใจเอาไว้
“ขอรับ” จวินเหยียนพยักหน้า “ฉากหน้าภักดีต่อพระบิดา แต่ในที่ลับกลับเป็คนของรัชทายาท ท่านพ่อตาน่าจะเข้าใจ หากพวกเราไม่ทำเช่นนี้ รัชทายาทจักยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น”
เมื่ออวิ๋นซานได้ยินก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ใช่แล้ว หากพวกเขาไม่ทำเช่นนี้ก็ย่อมไม่อาจรู้ได้ว่า รัชทายาทจะยังกล้าทำเื่เช่นไรออกมาอีก
ทว่า ข่าวที่ตอนนี้อวิ๋นซีถูกคนผู้นั้นทำร้ายจนเป็เหตุให้แท้งบุตรได้แพร่กำจายไปถึงเมืองหลวงแล้ว ไม่ช้าไม่นานจักต้องเกิดคลื่นลมบางประการอย่างแน่นอน และไม่ว่าจะอย่างไรเพื่อหน้าตาและเกียรติยศอันสูงส่งของราชวงศ์แล้ว ฮ่องเต้จะต้องจัดการกับผู้ที่ทำร้ายอาซีแน่ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเก่งกาจดีเลิศสักเพียงใด แต่เพราะเขาริอาจทำร้ายทายาทของราชวงศ์ คนเช่นนี้หากว่าไม่ตายย่อมไม่สามารถสยบความโกรธแค้นที่มีในใจของราษฎรทั้งปวงได้ อย่างไรเสียในใต้หล้านี้ ฮ่องเต้ก็ยังหวาดกลัวพู่กันของเหล่าขุนนางในหออาลักษณ์ เนื่องจากพวกอาลักษณ์นั้นมีนิสัยเถรตรงเสียจนทำให้คนเป็ต้องหงุดหงิดรำคาญใจ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเพราะเื่ส่วนตัวหรือเื่ส่วนรวม ฮ่องเต้ก็ต้องมีรับสั่งปะาโจวเวยอย่างแน่นอน
ดังนั้น การใช้ทายาทของราชวงศ์ที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงมาเป็เหตุผลหลัก เพื่อตัดนิ้วของรัชทายาทไปนิ้วหนึ่ง หากเปรียบเป็ดังการค้าก็ย่อมพูดได้ว่า เป็การกระทำที่คุ้มค่ายิ่ง
“เื่นี้พวกเ้าก็จัดการกันเองเถอะ จวินเหยียน ยามนี้ข้ามอบบุตรสาวเพียงคนเดียวของข้าให้เ้าแล้ว หวังว่าเ้าจะสามารถทำได้ดังคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับข้า เ้าจักต้องรักใคร่ ทะนุถนอมอาซีเป็อย่างดีไปชั่วชีวิต มิเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินก็พยักหน้า ตอบรับคำ “ลูกเขยทราบแล้วขอรับ ท่านพ่อตาโปรดวางใจ ลูกเขยจักต้องดูแลอาซีเป็อย่างดีแน่ และจะไม่ให้มีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นอีกขอรับ”
ถึงกระนั้นอวิ๋นซานก็รู้อยู่แล้วว่า อวิ๋นซีได้รับาเ็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรให้ต้องเป็ห่วง เพียงได้เห็นกับตาตน เขาก็วางใจแล้ว หลังจากนั้นเขาและจวินเหยียนจึงพากันกลับไปยังห้องของอวิ๋นซี และพูดคุยกับบุตรสาวอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ลากลับจวนด้วยสีหน้าโศกเศร้า
ส่วนสตรีอีกสองนางที่ไม่ได้รู้เื่ราวจริงเท็จ ยามนี้ขอบตาของคนทั้งสองพลันแดงก่ำ ขณะที่กำลังจะขึ้นรถม้า ซือถูเวยยังทนไม่ได้ถึงขั้นต้องซับน้ำตาตนไปอีกทีหนึ่ง
และด้วยฉากนี้เองที่ตกอยู่ในสายตาของคนไม่น้อยที่จับตาดูจวนอ๋องอยู่แต่แรกแล้ว สีหน้าโศกาเป็เสมือนเครื่องยืนยันชั้นดีด้วยเื่ที่พระชายาแท้งบุตร
ทางด้านโจวเวยที่ยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของจวนอ๋อง เมื่อคนได้รู้ข่าวนี้ก็เป็ต้องตะลึงงันไป เหตุใดจึงเป็เช่นนี้ไปได้ พระชายาแท้งบุตร เพราะได้รับความใ?
ต่อให้เขาจะเป็คนที่รัชทายาทไว้วางพระทัย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทายาทของราชวงศ์แล้ว สิ่งไหนเล่าที่จะเรียกได้ว่าสำคัญกว่า ตัวเขาย่อมรู้ดี ถึงแม้การกระทำนั้นจะเป็ไปด้วยความไม่ตั้งใจ แต่หากเื่นี้ไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้ ชีวิตน้อยๆ ของตนก็คงถึงคราวจบสิ้นแล้ว
ตอนนี้จะทำอย่างไรดี? เขาควรทำอย่างไรดี?
ในคืนเดียวกันนั้น ทหารองครักษ์สิบกว่านายที่ติดตามโจวเวยมาจากเมืองหลวงได้พักแรมอยู่ที่โรงพักม้าในหานโจว พวกเขาต่างมานั่งล้อมวงปรึกษากันว่า เื่นี้ควรจะทำอย่างไรต่อไปดี พูดไปพูดมา จู่ๆ หนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า องค์หานอ๋องทรงดำริจะกล่าวโทษเื่นี้มาให้พวกเราทุกคน เ้าว่า พวกเราควรจะทำเช่นไรดี? เพราะการทำร้ายทายาทของราชวงศ์มีโทษถึงตาย มิหนำซ้ำยังต้องถูกสังหารเก้าชั่วโคตรอีกด้วย”
“เมื่อหกเดือนก่อนภรรยาข้าเพิ่งจะมีข่าวดี ยามนี้ข้าใกล้จะได้เป็พ่อคนแล้ว จึงยังไม่อยากตายเร็วเพียงนั้น”
“หลินซาน เ้าเป็คนเ้าแผนการมาโดยตลอด รีบพูดมาเถิดว่า ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรต่อไปดี? ” ชายที่เพิ่งพูดจบหันมองไปยังชายอีกคนที่นั่งดื่มชาอยู่อีกด้าน นับแต่ที่เริ่มประชุมกัน คนผู้นั้นยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักประโยคเดียว
หลินซานวางจอกชาในมือลง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่รู้หรอกนะว่า หานอ๋องจะนับรวมพวกเราเข้าไปด้วยหรือไม่ แต่ที่ข้ารู้แน่ก็คือ รองผู้บัญชาการโจวจบสิ้นแน่แล้ว ส่วนพวกเรา หากยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปจริงๆ เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวงแล้วก็มีแต่ต้องบอกกล่าวเื่นี้ั้แ่ต้นจนจบให้ผู้บัญชาการทราบอย่างไม่มีตกหล่น มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่พวกเราจะได้รับโอกาสให้มีชีวิตอยู่ต่อไป”
“เลิกคิดไปได้เลย ผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ก็คือพ่อตาของรองผู้บัญชาการโจว ถ้าพวกเราพูดออกไปตามความจริงมีหวังคนที่ตายเร็วกว่าก็ไม่แคล้วให้เป็พวกเรานี่แหละ” ชายคนหนึ่งพูดพร้อมแค่นเสียงเ็า
หลินซานไม่ได้โกรธเคือง ทำเพียงยิ้มแล้วถามกลับ “ก็ตามที่เ้าว่า เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรดีเล่า? ”
“บุกเข้าไปในคุกใต้ดินจวนหานอ๋องแล้วช่วยรองผู้บัญชาการออกมา จากนั้นเราก็รีบควบม้ากลับไปเมืองหลวง เมื่อไปถึงแล้ว เราจะเขียนรายงานเอาผิดหานอ๋องสักฉบับ ให้เขาไม่อาจกลับไปยังเมืองหลวงได้อีกชั่วชีวิต”
คำพูดของชายคนนี้ ทำให้คนทั้งห้องเข้าสู่ความเงียบ เื่เขียนฎีกาฟ้องร้องหานอ๋องคงต้องเป็ผู้บัญชาการใหญ่เท่านั้นถึงจะสามารถทำได้ หลินซานขบคิด จากนั้นก็พูดขึ้น “เื่นี้ เหมือนว่าจะเป็ไปได้ ถึงตอนนั้นพวกเราก็ค่อยบอกว่า หานอ๋องมีใจเคียดแค้นต่อฮ่องเต้ พระองค์คิดอยากจะสังหารกองทหารองครักษ์ให้สิ้นเสียที่หานโจว เพียงแต่พวกเราโชคดีจึงหนีรอดมาได้ มิเช่นนั้นคงได้ถูกสังหารสิ้นไปแล้ว”
คนผู้หนึ่งตบขาแล้วยิ้ม จากนั้นจึงกล่าวเสริม “ดีมาก ดีมาก เหตุผลนี้แหละฟังดูเข้าทีทีเดียว”
และแล้วก็เป็เช่นนี้เอง ทหารหาญสิบกว่านายในโรงพักม้าร่วมกันวางแผนว่าจะจัดการหานอ๋อง ทว่าในหานโจวนี้เป็ถิ่นของหานอ๋อง สิ่งหนึ่งที่พวกเขาล้วนไม่รู้ก็คือ คำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของหานอ๋องและภรรยาภายในพริบตา
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ยิ้มเรียบๆ “ในเมื่อผู้อื่นคิดอยากจะปล้นคุก หากไม่ให้พวกเขาได้สมปรารถนาเสียหน่อย มิใช่ว่าจะทำให้ทุกคนต้องผิดหวังแล้วหรือ” หึหึ เป็ความคิดที่ดีจริงๆ ปล้นคุกก่อน จากนั้นก็รีบควบม้ากลับไปยังเมืองหลวง เมื่อถึงตอนนั้นคนก็จะถวายฎีกาใส่ร้ายหานอ๋องต่อฝ่าา โดยหวังจะให้ฮ่องเต้รังเกียจเคียดแค้นพระโอรสของพระองค์เอง
หากปล่อยให้เื่นี้เกิดขึ้นจริงๆ บางทีทั้งชีวิตนี้หานอ๋องก็อาจไม่มีโอกาสได้กลับไปเมืองหลวงอีกแล้วก็เป็ได้
ไม่อาจไม่พูดได้ว่า คนที่คิดวิธีนี้ออกมาได้นั้นมีความสามารถจริงๆ
“บอกเว่ยหลง ให้คนเ่าั้ชิงตัวโจวเวยออกไปได้อย่างราบรื่น” หานอ๋องสั่งเว่ยหลานด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อเว่ยหลานได้ยิน ไม่แม้แต่จะคิดก็รับคำ จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าออกไป
อวิ๋นซีมองดูแผ่นหลังขององครักษ์หญิง จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า “คนเป็ถึงสาวงาม แต่กลับถูกท่านฝึกฝนเสียจนกลายเป็บุรุษคนหนึ่งไปแล้ว”
“ในสายตาข้า มีเพียงเ้าเท่านั้นที่เป็สาวงาม ส่วนสตรีอื่นล้วนเหมือนกันหมด ไม่มีอันใดแตกต่าง” เขาช่วยดูาแที่แขนให้นาง จากนั้นก็ช่วยนางทายาอย่างระวังมือ