เฟิงฮ่าวเฟิงและเฟิงเสี่ยวเฟยที่โจมตีคนละหนึ่งกระบวนท่า ก็สามารถซัดเ้าอ้วนดาบใหญ่นั่นจนปลิวกระเด็นทันที มันตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง ดาบใหญ่เล่มนั้นตกกระแทกพื้น
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สมาชิกตระกูลเฟิงทั้งหมดสี่สิบเอ็ดคนอึ้งตะลึงจนอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว!
เฟิงฮ่าวเฟิงกับเฟิงเสี่ยวเฟิงสองคนร่วมมือกัน ถึงกับเอาชนะยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นเก้าได้เลยหรือ?
นี่มัน น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
พวกเขาย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่าเ้าอ้วนนั่นถูกแรงกดทับของเขตสยบฟ้าของหลงอวี้สะกดไว้ ไม่สามารถขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย
ไม่เพียงแค่นั้น ผู้ฝึกยุทธ์พเนจรคนอื่นๆ ในลานกว้างก็ถูกหลงอวี้สะกดไว้เช่นกัน ไม่สามารถขยับตัวได้เลยอย่างสิ้นเชิง!
“ข้ามาแล้ว ไม่เป็อะไรแล้ว”
หลงอวี้ก้าวเข้ามาในลานกว้าง ที่ด้านหลังมีเงาของิญญาแท้สุริยันดวงหนึ่งลอยขึ้นมา เพียงพริบตาเดียวแสงแห่งสุริยะสยบฟ้าก็ได้สาดส่องไปทั่วบริเวณ!
ิญญาแท้ นั่นมันิญญาแท้!
ภาพตรงหน้านั้นทำเอาสมาชิกตระกูลเฟิงทั้งสี่สิบเอ็ดคนต่างก็ตื่นเต้นยินดีทันที
พี่ใหญ่หลงอวี้สร้างิญญาแท้ได้แล้ว อย่างนั้นก็หมายความว่า เมื่อครู่นี้จะต้องเป็ฝีมือของพี่ใหญ่หลงอวี้ที่สะกดเ้าอ้วนนั่นเอาไว้สินะ?
“ข้าสะกดไอ้คนพวกนี้ไว้หมดแล้ว ส่วนจะจัดการพวกมันอย่างไรนั้น ข้าให้พวกเ้าเป็คนตัดสินเองก็แล้วกัน”
หลงอวี้ปล่อยิญญาแท้สุริยะสยบฟ้าออกมา เพียงครู่เดียวก็สะกดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรทั้งหลายไว้จนตัวแข็งอยู่กับที่
พวกเขาคิดจะร้องขอชีวิตทันที แต่เมื่ออยู่ใต้พลังของเขตแดนสบฟ้าแล้ว เื่ง่ายๆ อย่างการอ้าปากส่งเสียงวิงวอนก็ยังทำไม่ได้!
“ฆ่า”
เฟิงเสี่ยวเฟยที่ผอมแห้งแต่ฉลาดหลักแหลมได้ส่งเสียงก่อนใคร เขาก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็ยกดาบใหญ่เล่มนั้น ฟาดฟันสังหารไอ้อ้วนที่ถูกเขากับเฟิงฮ่าวเฟิงเตะกระเด็นทันที!
แม้อายุจะไม่เยอะ แต่กลับเด็ดขาดอำมหิต รู้ดีว่าพวกคนตรงหน้าจะปล่อยให้มีชีวิตรอดไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว
เฟิงฮ่าวเฟิงผู้แข็งกร้าวดุจเหล็กกล้าก็ไร้ซึ่งความลังเลเช่นกัน
เขาก้าวเท้าออกไปข้างหน้าสองก้าว หวดเท้าเตะเข้าใส่บริเวณท้องน้อยของผู้ฝึกยุทธ์พเนจรสองคนที่คุมตัวเด็กหนุ่มที่ถูกมัดไว้จนกระเด็น พละกำลังหลายหมื่นชั่งได้บดขยี้ตันเถียนของพวกมันจนแหลกเละทันที
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์พเนจรสี่คนที่คอยเฝ้าหอวิทยายุทธ์ได้ถูกเหล่าลูกหลานตระกูลเฟิงใหม่กรูออกมาจากหอวิทยายุทธ์ ทำลายวรยุทธ์ทิ้งอย่างง่ายดายก่อนจะมัดพวกมันไว้รวมกัน โยนไว้ที่ลานกว้างหน้าหอวิทยายุทธ์
ทันทีที่หลงอวี้มาถึงสถานการณ์ก็พลิกผัน แต่เดิมแล้วเหล่าผู้ฝึกยุทธ์พเนจรในยุทธ์จักรต่างก็กลั่นแกล้งคนของตระกูลเฟิงใหม่ตลอดเวลา แต่บัดนี้พวกมันกลับถูกคนของตระกูลเฟิงใหม่สยบลงเรียบร้อย!
ส่วนไอ้อ้วนที่โเี้อำมหิตที่สุดนั้นถูกเฟิงเสี่ยวเฟยฆ่าตายแล้ว อีกหกคนที่เหลือถูกทำลายวรยุทธ์ทิ้งและจับมัดไว้
เมื่อจัดการเสร็จแล้ว หลงอวี้ถึงได้เก็บิญญาแท้สุริยะกลับไปและสลายพลังเขตแดนสยบฟ้า
ตัวเขาในตอนนี้สามารถกำหนดระยะของเขตแดนได้อย่างแม่นยำ และสามารถทำให้ส่งผลกระทบกับศัตรูเพียงอย่างเดียวได้โดยที่ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับพวกเดียวกันเอง
แต่การทำแบบนั้นจะทำให้เขาเผาผลาญลมปราณมากกว่าปกติ ยังดีที่เขาสร้างิญญาแท้แล้ว ปริมาณลมปราณที่บรรจุในเส้นลมปราณนั้นสูงกว่าสมัยที่ยังมีวิถียุทธ์ขั้นเก้าหลายเท่าตัว
“พี่ใหญ่หลงอวี้ หัวหน้าของพวกมันชื่อชิวจิ้นโหย่ว เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้เช่นกัน”
หลังจากจัดการพวกผู้ฝึกยุทธ์พเนจรทางฝั่งหอวิทยายุทธ์เสร็จหมดแล้ว เฟิงฮ่าวเฟิงก็เดินเข้ามาหาแล้วพูดกับหลงอวี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ใช่แล้ว ิญญาแท้ของไอ้ชิวจิ้นโหย่วนั่นเป็อสรพิษตนหนึ่ง พี่ใหญ่หลงอวี้ หากท่านต้องต่อสู้กับมันต้องระวังตัวให้ดีเลยนะ!”
ในดวงตาของเฟิงเสี่ยวเฟยนั้นฉายแววกังวล
“ฮ่าฮ่า วางใจเถอะ”
พอหลงอวี้เห็นพวกอีกฝ่ายเป็ห่วงตัวเองขนาดนี้ก็อดรู้สึกอบอุ่นในใจไม่ได้ เขาส่งเสียงหัวเราะ
“ไอ้ชิวจิ้นโหย่วนั้นถูกข้าฆ่าตายไปเมื่อครู่นี้แล้ว คฤหาสน์ตระกูลเฟิงตอนนี้กลับมาเป็ของพวกเราแล้ว”
หลังหลงอวี้พูดจบ เหล่าสมาชิกตระกูลเฟิงก็พากันแสดงสีหน้ายินดีทันที
ชิวจิ้นโหย่วถูกพี่ใหญ่หลงอวี้ฆ่าตายแล้ว!
สมกับเป็อัจฉริยะของลัทธิสยบฟ้าจริงๆ แม้ระดับิญญาแท้ขั้นหนึ่งเหมือนกัน แต่พี่ใหญ่หลงอวี้กลับสามารถสังหารชิวจิ้นโหย่วท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ์พเนจรจำนวนมากที่รุมล้อมได้ แสดงให้เห็นถึงพลังต่อสู้อันร้ายกาจของพี่ใหญ่อย่างชัดเจน!
“เฟิงเสี่ยวเฟย เ้าเล่าให้ข้าฟังหน่อย เ้าชิวจิ้นโหย่วนั่นมาที่นี่ั้แ่เมื่อไร เกิดอะไรขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงกันแน่?”
หลังจากวิกฤตคลี่คลายแล้ว หลงอวี้ก็รีบถามหาข้อมูลของเฟิงฉางเกออย่างอดไม่ได้
เริ่มแรกนั้น สมาชิกของตระกูลเฟิงใหม่ที่เฟิงฉางเกอเป็คนดูแลมีจำนวนทั้งหมดสี่สิบสองคน ต่างก็มีการพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นไม่น้อยเลย เพราะแต่เดิมแล้วตระกูลเฟิงก็มีทรัพยากรฝึกฝนเช่นโอสถหรือยุทธภัณฑ์เก็บไว้จำนวนไม่น้อย ในตอนนี้ได้ถูกแจกจ่ายให้กับทั้งสี่สิบสองคนหมดแล้ว
เมื่อเป็เช่นนี้ เฟิงฮ่าวเฟิง เฟิงเสี่ยวเฟย เฟิงอวี่ซิน สามคนนี้ที่แต่เดิมก็มีพร์สูงอยู่แล้ว พอได้โอสถไปในที่สุดก็ทะลวงผ่าน่คอขวดไปได้ ก้าวขึ้นสู่ระดับวิถียุทธ์ขั้นเจ็ด เรียกได้ว่าเป็สามอัจฉริยะของตระกูลเฟิง
ไม่เพียงแค่นั้น คนอื่นๆ ที่เหลืออยู่ของตระกูลเฟิงเองต่างก็ทะลวงขีดจำกัดได้แล้วเช่นกัน ระดับพลังโดยรวมเพิ่มสูงอีกหนึ่งขั้นอย่างรวดเร็ว
แต่น่าเสียดายที่่เวลาดีๆ มักอยู่ไม่นาน
เมื่อสามวันก่อน มือสังหารของอาณาจักรกู่เิได้บุกรุกเข้าไปในห้องของเฟิงฉางเกอแล้วจับตัวเฟิงฉางเกอไป พวกเฟิงฮ่าวเฟิงได้แต่ยืนมองประมุขของตนถูกลักพาตัวไปโดยที่ไม่อาจขัดขวางได้เลย!
เฟิงฉางเกอลองเทียบดูแล้ว มือสังหารในตอนนั้นมันแข็งแกร่งกว่าชิวจิ้นโหย่วหลายเท่า ไม่ใช่แค่ระดับิญญาแท้ขั้นหนึ่งแน่
หลังจากเฟิงฉางเกอถูกจับตัวไป เฟิงเสี่ยวเฟยและเฟิงอวี่ซินก็เสนอว่า ต้องรีบเตรียมการรับมือและส่งข่าวให้กับหลงอวี้ที่อยู่ในลัทธิสยบฟ้าด้วย
แต่พวกเขายังไม่ทันได้ทำอะไร ชิวจิ้นโหย่วก็ได้นำผู้ฝึกยุทธ์พเนจรจำนวนมากบุกมายึดคฤหาสน์ตระกูลเฟิงไว้แล้ว!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชิวจิ้นโหย่วที่มีพลังระดับิญญาแท้ พวกเขาก็ไม่มีทางต่อต้านขัดขืนอะไรได้เลย จึงถูกไล่ไปอยู่ที่หอวิทยายุทธ์และขังเอาไว้ภายในนั้น
ในระหว่างนั้นเอง ชิวจิ้นโหย่วที่ถูกใจเฟิงอวี่ซินที่มีหน้าตางดงามน่ารักน่าเอ็นดูก็คิดจะพาตัวนางไป เฟิงฮ่าวเฟิงและเฟิงเสี่ยวเฟยย่อมไม่มีทางปล่อยให้เื่แบบนั้นเกิดขึ้นโดยไม่ทำอะไร
ทั้งสามคนจึงหาโอกาสพากันหลบหนีไปจากคฤหาสน์ตระกูลเฟิง จากนั้นก็ให้เฟิงอวี่ซินมุ่งหน้าไปยังลัทธิสยบฟ้าเพื่อแจ้งข่าวกับหลงอวี้
น่าเสียดายที่ระหว่างทางนั้นหลงอวี้ไม่ได้เจอกับสาวน้อยเฟิงอวี่ซิน ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้นางเป็อย่างไร...
ส่วนเฟิงฮ่าวเฟิงและเฟิงเสี่ยวเฟยนั้นเลือกที่จะอยู่ในเมืองต่อเพื่อหาโอกาสช่วยเหลือคนของตระกูลเฟิง
ตอนนี้คนของตระกูลเฟิงปลอดภัยแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางฝั่งเฟิงอวี่เฟิงตอนนี้เป็อย่างไร!
“ทุกคนใจเย็นๆ ก่อน อวี่ซินไม่เป็อะไรหรอก”
หลงอวี้พูดปลอบใจทุกคน
สถานการณ์ในอาณาจักรต้าถังตอนนี้นับว่าค่อนข้างจะสงบสุข เหตุการณ์ของชิวจิ้นโหย่วนั้นเป็เพียงแค่เหตุบังเอิญที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น
ส่วนแม่หนูเฟิงอวี่ซินนั่นก็ไม่ได้มีศัตรูอะไรที่ไหน การเดินทางไปยังลัทธิสยบฟ้าก็ไม่น่าจะมีเื่อันตรายอะไรเกิดขึ้น
ขอเพียงไปถึงลัทธิแล้วก็จะมีสองผู้าุโผู้พิทักษ์ลัทธิอย่างผู้เฒ่าขาวกับผู้เฒ่าดำอยู่ เฟิงอวี่ซินเพียงแค่บอกไปว่าตัวเองมาตามหาหลงอวี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
ถ้าลองคำนวณเวลาดูคร่าวๆ เฟิงอวี่ซินที่ออกเดินทางจากตระกูลเฟิงไปได้เกือบสามวัน ตอนนี้นางก็น่าจะไปถึงลัทธิสยบฟ้าแล้ว
“ให้ข้ากับเสี่ยวเฟยลองไปตามหาดูดีไหม?”
เฟิงฮ่าวเฟิงเอ่ยถามหลงอวี้
“อืม”
หลงอวี้พยักหน้า จะอย่างไรการที่เฟิงอวี่ซินอยู่ข้างนอกคนเดียวเช่นนี้ก็ไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไร แต่ในตอนที่เขาเพิ่งจะพยักหน้าตกลงนั่นเอง เสียงหัวเราะอันหยิ่งผยองก็ได้ดังขึ้นจากข้างๆ
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องหาแล้ว ตรงนี้มีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง!”
เสียงของปู้สิงดังขึ้นในหูของหลงอวี้
พอเขาหันกลับไปมอง ก็พบเงาร่างในชุดรัดรูปสีดำสายหนึ่งเดินถือจดหมายหนึ่งฉบับเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ศิษย์พี่ปู้ เมื่อครู่นี้ท่านไปไหนมาหรือ?”
หลงอวี้เอ่ยถาม
“ไปจัดการลูกกระจ๊อกตัวหนึ่งน่ะ ไม่สำคัญอะไรหรอก แต่จดหมายฉบับนี้เหมือนจะถูกส่งมาให้เ้านะ นกพิราบสื่อสารทิ้งไว้ที่หน้าประตูห้องโถงใหญ่”
ปู้สิงพูดไปพลาง โยนจดหมายฉบับนั้นมาให้หลงอวี้
หลงอวี้ยื่นมือออกไปรับ พออ่านชื่อผู้ส่งก็พบว่าเป็จดหมายของเฟิงอวี่ซินนั่นเอง!
ส่วนชื่อผู้รับถูกเขียนไว้ว่า พี่ใหญ่หลงอวี้
พอเห็นอย่างนี้แล้วหลงอวี้ก็วางใจ เพราะหมายความว่าเฟิงอวี่ซินไปถึงลัทธิสยบฟ้าอย่างปลอดภัยแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าเขาได้กลับมายังเมืองอวี้กวนแล้ว
หลงอวี้เปิดจดหมายออกมา ไม่นานก็อ่านข้อความบนจดหมายจบ
ที่แท้เฟิงอวี่ซินไปถึงลัทธิสยบฟ้า่เที่ยงของวันนี้ พอบอกว่ามาตามหาหลงอวี้ นางจึงได้พบกับผู้เฒ่าขาวและผู้เฒ่าดำ รวมถึงเลี่ยวเล่อเล่อด้วย
เมื่อพบพวกเขาแล้ว ก็ย่อมรู้เื่ที่หลงอวี้ออกเดินทางไปเมืองอวี้กวนแล้ว เฟิงอวี่ซินจึงได้วางใจ
เมื่อหลงอวี้เดินทางไปยังเมืองอวี้กวนแล้ว วิกฤตของตระกูลเฟิงจะต้องถูกคลี่คลายได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่า ผู้เฒ่าขาวนั้นมองเห็นถึงพร์ด้านการหลอมยาโอสถของเฟิงอวี่ซิน จึงเสนอว่าจะรับเฟิงอวี่ซินเป็ลูกศิษย์!
เฟิงอวี่ซินที่ลังเลไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้และส่งกลับมาให้หลงอวี้ที่เมืองอวี้กวน ให้เขาช่วยตัดสินใจแทน
‘เฟิงอวี่ซิน’
หลงอวี้ครุ่นคิดในใจ เขาพอจะนึกภาพของแม่หนูคนนี้ออก น่าจะอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น แต่กลับก้าวขึ้นถึงวิถียุทธ์ขั้นเจ็ดได้ เห็นได้ชัดเลยว่าพร์ด้านวรยุทธ์ของนางไม่มีทางด้อยไปกว่าเฟิงเหยาอย่างแน่นอน
ตอนนี้ผู้เฒ่าขาวยังบอกว่านางมีพร์ด้านการหลอมยาโอสถอีก แบบนี้ยิ่งทำให้เฟิงอวี่ซินไม่ธรรมดาขึ้นมาทันที
‘หากตระกูลเฟิงใหม่้าจะพัฒนาให้ยิ่งใหญ่ขึ้นจริงๆ ล่ะก็ อย่างนั้นก็จำเป็ต้องมีนักหลอมยาอยู่ด้วย ในเมื่อเฟิงอวี่ซินมีพร์ด้านการหลอมยา การเป็ลูกศิษย์ของผู้เฒ่าขาวก็นับว่าเป็เื่ที่ไม่เลวเลยทีเดียว’
หลงอวี้ตัดสินใจแล้ว จึงเตรียมจะส่งจดหมายกลับไปให้เฟิงอวี่ซินกราบไหว้เป็ศิษย์ของผู้เฒ่าขาว
“พี่ใหญ่หลงอวี้ นั่นจดหมายจากอวี่ซินหรือ?”
เฟิงฮ่าวเฟิงมองเห็นหลงอวี้เปิดจดหมายขึ้นมาอ่าน จึงเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“ใช่”
หลงอวี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“นางไปถึงลัทธิสยบฟ้าแล้ว ผู้าุโระดับผู้พิทักษ์ลัทธิรู้สึกว่านางมีพร์ด้านการหลอมยา เลย้าจะรับนางไว้เป็ศิษย์”
“เป็อย่างนั้นจริงๆ หรือ?”
เฟิงเสี่ยวเฟยที่อยู่ข้างๆ เบะปาก
“ผู้าุโนั่น คงไม่ใช่ว่าเป็ตัวประหลาดที่มีนิสัยแปลกๆ แล้วคิดอะไรไม่ดีกับอวี่ซินหรอกนะ?”
“อย่าพูดซี้ซั้ว”
หลงอวี้ถลึงตาใส่ไปหนึ่งที
“ผู้เฒ่าขาวเป็ผู้าุโที่ข้าเคารพนับถือ เป็นักหลอมยาเพียงหนึ่งเดียวของลัทธิสยบฟ้า!”
“อืม ในเมื่อพี่ใหญ่พูดถึงขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นข้าก็วางใจ”
เฟิงเสี่ยวเฟยแสดงสีหน้าเศร้าสร้อย
“แต่ถ้าเป็เช่นนั้น แล้วเมื่อไรพวกเราถึงจะได้เจอกับอวี่ซินอีกครั้งล่ะ?”
แม้เฟิงฮ่าวเฟิงจะไม่ได้พูดอะไร แต่บนใบหน้าของเขาก็มีสีหน้าเหมือนกับเฟิงเสี่ยวเฟย
เฟิงฮ่าวเฟิง เฟิงเสี่ยวเฟย เฟิงอวี่ซิน ทั้งสามคนนั้นถูกเรียกว่าสามอัจฉริยะแห่งตระกูลเฟิง บัดนี้ได้ขาดไปหนึ่งคน อีกสองคนที่เหลือย่อมต้องรู้สึกเสียใจอยู่แล้ว
“ขอเพียงทุกคนตั้งใจมีชีวิตอยู่ต่อไป สักวันหนึ่งต้องได้เจอกันอีกครั้งอยู่แล้ว”
หลงอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ปู้สิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หลงอวี้นั้นกวาดสายตามองไปรอบๆ ประเมินเหล่าสมาชิกตระกูลเฟิงใหม่อยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจยื่นข้อเสนอ
“ทุกคนล้วนมีพร์ด้านวรยุทธ์ที่สูงไม่เลว มากพอที่จะเข้าร่วมกับลัทธิสยบฟ้าได้ ถ้าอย่างไรพวกเ้ามุ่งหน้าไปที่ลัทธิสยบฟ้ากันก่อนไหม? เมืองอวี้กวนตอนนี้เต็มไปด้วยอันตราย ข้าและศิษย์น้องหลงอวี้ไม่มีทางอยู่เฝ้าที่นี่ตลอดไปได้ หากพวกเ้าไปอยู่ที่ลัทธิสยบฟ้า อย่างน้อยก็สามารถรับประกันความปลอดภัยได้!”
เห็นได้ชัดเลยว่าปู้สิง้าจะดึงกำลังรบที่ทรงพลังสุดขีดเหล่านี้ให้เข้าร่วมกับลัทธิสยบฟ้า ทำให้ลัทธิสยบฟ้าแข็งแกร่งมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม!
