“คุณหมอฉินน้อย ฉันเรียกเธออย่างนี้แล้วกันนะ เธอพูดถูก ขาของฉันเริ่มเป็มาั้แ่ตอนที่ยังสาวจริงๆ พ่อของเวินซ๋างเสียไปตอนเขาอายุแค่ 8 ขวบ ฉันจึงต้องแบกภาระทั้งหมดของครอบครัวไว้คนเดียว” หญิงชราได้ยินฉินหลางถามดังนั้น เธอจึงเริ่มเล่าเื่ของตัวเอง
“มีปีหนึ่ง ถึงหน้าเพาะปลูกแล้ว แต่ตอนนั้นฉันดันป่วย ไข้ขึ้นสูงติดต่อกันหลายวัน แต่ฉันมองดูบ้านอื่นเขาเพาะปลูกกันหมดแล้ว เหลือแต่บ้านเราที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ฉันเห็นแล้วก็ร้อนใจ ถ้าน้ำในนารั่วไหลไปหมดจะใส่ต้นกล้าไม่ได้แล้ว ฉันร้อนใจมากก็เลยไปทำนาทั้งที่ยังเป็ไข้อยู่ คิดไม่ถึงว่ากำลังใส่ต้นกล้าอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุนติ้วๆ เป็ลมล้มลงกลางทุ่งนา ยังดีที่นั้นมีคนเดินผ่าน ไม่อย่างนั้นฉันคงจะจมน้ำตายในนาข้าวไปแล้ว”
“ต่อมา ยังดีที่คนในหมู่บ้านเห็นว่าเราสองแม่ลูกน่าสงสาร มาช่วยฉันใส่ต้นกล้าพวกนั้น แต่ว่า ั้แ่ตอนนั้นฉันก็เริ่มเป็ไขข้ออักเสบ และเป็หนักขึ้นทุกปีทุกปีด้วย”
“แม่—ทำไมแม่ถึงไม่เคยเล่าเื่นี้ให้ผมฟังเลย!” หวูเหวินเซี่ยงองแม่ตัวเองด้วยความรู้สึกผิด ถ้าฉินหลางไม่ได้ถาม เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยมีเื่แบบนี้เกิดขึ้นกับแม่ของตัวเองด้วย เวลานี้น้ำเสียงของหวูเหวินเซี่ยงเริ่มสั่นเครือเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็เพราะความซาบซึ้งใจ
“ตอนนั้นแกยังเด็ก ฉันจะเล่าเื่พวกนี้ให้แกฟังได้ยังไง” หญิงชรากล่าว “หลายปีที่ผ่านมาฉันล้วนผ่านมาได้ตลอด คิดไม่ถึงว่าตอนนี้แก่แล้ว ร่างกายก็ไม่ค่อยไหว ก็เลยทนไม่ได้แล้ว”
“มันเป็อย่างนี้นี่เอง—คุณป้าครับ อาการป่วยของคุณป้าเกิดจากร่างกายที่กำลังร้อนเจอกับความเย็นนานเกินไป แล้วตอนแรกๆ ที่เริ่มเป็ ก็ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ทำให้เส้นในร่างกายอุดตัน เพราะฉะนั้นถึงได้ปวดมากขึ้นทุกปีๆ ผมใช้วิธีการรักษาโดยพิษจากเหล็กในผึ้งกระตุ้นเส้นเอ็นในร่างกาย กดความร้อนและความเย็นที่ในร่างกาย ดังนั้นตอนนี้คุณป้าถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บ แต่ถ้าจะรักษาอาการปวดของคุณป้าให้หายขาด จะต้องกินยาควบคู่ไปด้วย” ฉินหลางกล่าว “นอกจากนี้ จะต้องระมัดระวังในการเลือกทานอาหารด้วยถึงจะดี ผู้สูงอายุควรทานอาหารที่มีรสชาติจืดเป็หลัก หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด และห้ามกินอาหารที่มันมาก”
“คุณหมอฉินน้อย เธอพูดถูกหมดเลย ลูกชายฉันคนนี้ มักจะให้ฉันกินอาหารเสริม ยาบำรุงอยู่เป็ประจำทุกวัน แต่ยิ่งบำรุงมากเท่าไหร่ กลับรู้สึกยิ่งหน้ามืด ตาลายมากขึ้นเท่านั้น ยังแข็งแรงไม่เท่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ เมื่อก่อนฉันทำงานบ้านยังไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย…”
“แม่ ผมทำอย่างนั้นเพราะอยากให้สุขภาพของแม่แข็งแรงนะครับ” หวูเหวินเซี่ยงยิ้มเจื่อนๆ เขาทำไปเพราะความหวังดีจริงๆ
“นานๆ บำรุงทีไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่ไม่มีใครกินยาบำรุงทุกวันหรอกครับ” ฉินหลางหัวเราะจางๆ ก่อนจะรับสมุด ปากกาที่หวูเหวินเซี่ยงยื่นมาให้ เขียนใบสั่งยาให้หวูเหวินเซี่ยง พร้อมกับเน้นย้ำเื่ข้อควรระวังต่างๆ อีกรอบ หวูเหวินเซี่ยงกล่าวขอบคุณเขาหลายครั้ง
หวูเหวินเซี่ยงรู้ว่า ครั้งนี้เขาติดหนี้บุญคุณฉินหลางอีกแล้ว ครั้งนี้ยังเป็หนี้บุญคุณครั้งใหญ่ด้วย แต่หวูเหวินเซี่ยงก็รู้ว่าจะเป็หนี้บุณคุณเด็กคนนี้มันไม่ธรรมดา ทำให้ลึกๆ ในใจเขาจึงไม่อยากเป็หนี้บุญคุณฉินหลาง ดังนั้นเมื่อฉินหลางเขียนใบสั่งยาให้เขาเสร็จ หวูเหวินเซี่ยงจึงเดินเข้าไปหยิบเงิน 6,000 หยวนจากห้องนอนออกมา แล้วยื่นให้กับฉินหลาง “เ้าฉิน น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ถือว่าเป็ค่าตรวจของเธอ”
“ท่านหวูครับ ท่านทำอย่างนี้หมายความว่าไง! รีบเก็บกลับไปเถอะครับ—หรือท่านรู้สึกว่าผมรักษาอาการปวดของคุณป้าจนหาย ทำให้คุณป้ากลับมาเดินได้เหมือนเดิม มีค่าแค่นี้เองเหรอครับ? อีกอย่าง ถ้าต่อไปคุณป้าไม่สบาย หรือเ็ปตรงไหนขึ้นมาอีก คุณจะไม่ให้ผมมาดูอาการอีกแล้วเหรอครับ?” ฉินหลางจงใจทำหน้าบึ้งตึง คิดในใจ หวูเหวินเซี่ยงถึงนายไม่อยากเป็หนี้บุญคุณฉัน ฉันก็จะให้นายติดหนี้บุญคุณฉันให้ได้
“เอ่อ… เ้าฉิน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!” หวูเหวินเซี่ยงรีบอธิบาย “นายเป็หมอ รักษาผู้ป่วยแล้ว ก็ต้องได้ค่าตรวจเป็ธรรมดาไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้าจะพูดถึงค่าตรวจ?” ฉินหลางพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ผมไม่ค่อยตรวจให้ใครหรอกครับ แต่อาจารย์ผมออกตรวจที จะเก็บค่าตรวจครั้งละพัน ไม่ใช่เงินหนึ่งพัน แต่เป็ทองคำหนักพันบาทนะครับ ถ้าจะเชิญอาจารย์ผมไปตรวจ ไม่มีทองคำพันบาทท่านไม่สนใจหรอกครับ!”
แน่นอนว่าตาเฒ่าพิษจะไม่ค่อยออก ‘รักษา’ ให้ใคร แต่มีคนมาเชิญตาเฒ่าพิษไปถอนพิษให้อยู่บ้าง แล้วคนที่จะเชิญเขาไปถอนพิษได้นั้น อย่าว่าแต่ทองคำหนึ่งพันบาทเลย ต่อให้เป็ทองคำหมื่นบาทเขาก็ให้ได้สบายๆ บางทีตาเฒ่าพิษจะยอมถอนพิษให้ด้วยซ้ำ
เพียงแต่ หวูเหวินเซี่ยงกลับไม่คิดอย่างนั้น เขาพูดในใจ ‘ทองคำพันบาท เ้าเด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็ผู้ฮัวโต๋กลับชาติมาเกิดรึไง?’ แน่นอนว่า คำพูดพวกนี้หวูเหวินเซี่ยงแค่คิดในใจเท่านั้น แต่ไม่กล้าแสดงออกมา เพราะแม้ว่าเ้าเด็กนี่จะคุยโวโอ้อวดไปบ้าง แต่วิชาการแพทย์ของเขากลับไม่ได้โม้ขึ้นมาเอง
เหมือนฉินหลางจะดูออกว่าหวูเหวินเซี่ยงคิดอะไรอยู่ เขาพูดขึ้นว่า “ท่านหวู ท่านอาจจะคิดว่าผมโม้อยู่ งั้นท่านลองคิดตามผมดูนะครับ ถ้าหากผมไม่ช่วยรักษาให้คุณป้า ลองคิดดูว่าหนึ่งปี ค่ารักษาพยาบาล กับค่ายาของเธอ รวมๆ แล้วต้องเสียเงินเท่าไหร่ 10,000-20,000 ยังเอาไม่อยู่เลยใช่ไหมครับ? แล้วสิบปีล่ะ ต้องเสียเงินไปเท่าไหร่? แล้วอีกอย่าง สุขภาพที่แข็งแรงใช้เงินซื้อได้ไหมครับ? แพทย์แผนจีนรักษาโรค จะยึดวาสนาเป็หลัก ท่านยื่นเงินมาแบบนี้ วาสนาก็ไม่เหลือสิครับ”
“เวินซ๋าง! แกทำแบบนี้ได้ยังไง ทำให้คุณหมอฉินน้อยไม่พอใจ! ฉันบอกแกไว้เลยนะ คุณหมอฉินน้อยเป็ผู้มีพระคุณของฉัน แกอาจจะไม่รู้ หลายปีมานี้ไขข้ออักเสบทำให้ฉันเ็ปทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็ซะอีก! เอาเงินของแกไปไกลๆ เลย คุณหมอฉินน้อยมีวิชาการแพทย์ล้ำเลิศขนาดนี้ จะขาดเงินแค่นั้นของแกได้ยังไง?” หญิงชราเข้าข้างฉินหลางอย่างเห็นได้ชัด
เวินซ๋างจนปัญญา จำต้องเอาเงินกลับไปเก็บ ทว่าเขารู้ว่าเขาได้ติดหนี้บุญคุณฉินหลางแล้ว
จากนั้นหวูเหวินเซี่ยงปล่อยให้หญิงชราดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนตัวเขากับฉินหลางเข้ามาคุยกันในห้องทำงาน
“เ้าฉิน วิชาแพทย์เธอล้ำเลิศขนาดนี้ ทำไมถึงยังเดินทางสายนักเลงอีกล่ะ?” หวูเหวินเซี่ยงถามด้วยความสงสัย
“ผมเดินทางสายนักเลงตรงไหนเหรอครับ?” ฉินหลางถามกลับ
หวูเหวินเซี่ยงหัวเราะพลางพูดขึ้น “เ้าฉิน ที่ฉันถามเธอเพราะหวังดี และอยากจะช่วยเธอจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาอะไรแอบแฝง”
หลังจากเห็นวิชาการแพทย์ของฉินหลางแล้ว หวูเหวินเซี่ยงรู้สึกว่า เขากับฉินหลางอาจจะมี ‘วาสนา’ ต่อกันจริงๆ วันข้างหน้าเขาอาจจะยังมีเื่ต้องพึ่งฉินหลางอีก เด็กที่เก่งแบบนี้ ใครจะอยากมีปัญหาด้วย ดังนั้น หวูเหวินเซี่ยงถึงเชิญฉินหลางเข้ามาในห้องทำงาน ตั้งใจจะชี้แนะเขาสักหน่อย
“งั้น ไม่ทราบว่าท่านหวูมีอะไรจะชี้แนะบ้างครับ?” ฉินหลางถามด้วยท่าทีนิ่งเรียบ
หวูเหวินเซี่ยงคิดสักพัก จึงพูดขึ้น “มีขาวก็ต้องมีดำ ทุกประเทศทั่วโลกย่อมมีสายสีดำอยู่ ในประเทศจีนก็มีมานานหลายพันปี มีรากฐานที่มั่นคงมาก ไม่อาจแทนที่ได้ แต่ว่ายุคสมัยนี้ รัฐบาลไม่มีความอดทนต่อสายสีดำ ถ้านายยังจะเดินบนทางสายนักเลง วันๆ เอาแต่รบราฆ่าฟัน เผลอแค่นิดเดียว ก็อาจจะไม่มีโอกาสแก้ไขได้อีก จะมีจุดจบไม่สวย”
ฉินหลางรู้ว่าที่หวูเหวินเซี่ยงพูดนั้นเป็ความจริง แท้จริงแล้วตัวเขาเองก็ไม่อยากเดินทางสายนี้ แต่ตาเฒ่าพิษกลับบีบให้เขาเดินบนทางสายนี้ ในเมื่อได้เริ่มก้าวเดินแล้ว ฉินหลางเองก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากขอคำแนะนำจากหวูเหวินเซี่ยง “ท่านหวูครับ แล้วจะมีจุดจบที่ดีได้ยังไงครับ?”
“เื่นี้…เพราะในสังคม จะแยกขาวกับดำออกจากกันได้ยากมาก อย่างการกวาดล้างอิทธิพลมืดครั้งนี้ ข้าราชการจำนวนมากในเมืองเซี่ยหยางล้วนมีส่วนเกี่ยวพันกับเื่นี้ ที่ฉันพูดแบบนี้เพราะอยากให้เธอเข้าใจว่า ต่อให้เป็สีขาวก็สามารถเปลี่ยนเป็ดำได้ ในขณะที่ดำก็สามารถเปลี่ยนเป็สีขาวได้ด้วยเช่นเดียวกัน ก่อนที่ฮ่องกงกับมาเก๊าจะกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีนอีกครั้ง เคยเป็สถานที่อะไร เมื่อก่อนทั้งอิทธิพลมืด มาเฟีย ทั้งสถานเริงรมย์ โสเภณีเกลื่อนเมืองไปหมด แต่ตอนนี้อิทธิพลมืดไม่มีอีกแล้ว เธอรู้ไหมว่าเป็เพราะอะไร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้