เมื่อหลินรั่วซีทานอาหารเสร็จ เธอวางตะเกียบลงและเช็ดปากของเธอด้วยผ้าสะอาดที่วางอยู่ข้างตัวอย่างสง่างามจากนั้นจึงพับผ้าเช็ดปากกลับเป็ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เธอไม่สนใจหยางเฉินที่กำลังเดินมาด้วยรอยยิ้มแม้แต่น้อยหญิงสาวเดินจากโต๊ะอาหารไปยังโซฟา แล้วเปิดโทรทัศน์ดูอย่างสบายใจ
หยางเฉินคิดถึงสิ่งที่เขาควรจะพูด แต่ก่อนที่เขาจะได้ปริปากพูดอะไรรายการข่าวในโทรทัศน์ก็ทำให้เขาต้องกลืนคำพูดที่เตรียมไว้กลับลงไปข่าวเช้าได้นำเสนอข่าวท้องถิ่นในเมืองจงไห่ หัวข้อของข่าวคือ
“การปล้นธนาคารที่น่าสะพรึงกลัวได้เกิดขึ้นมาแล้ว”
บนหน้าจอฉายภาพเป็ธนาคารในเมืองจงไห่ซึ่งมีประตูและผนังอีกหลายแห่งถูกะเิเ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุด้วยเทปสีเหลืองแพทย์หลายคนได้มารับตัวพนักงานธนาคารและลูกค้าที่ได้รับาเ็ ไปดำเนินการรักษาโดยด้านข้างของถนนเต็มไปด้วยฝูงชนผู้พบเห็นและในหมู่พวกเขานั้นก็เป็ญาติที่กำลังร่ำไห้และะโก่นด่าตำรวจ
ตามที่ผู้สื่อข่าวภาคสนามบรรยายเนื้อหาของข่าวคือ่บ่ายเมื่อวานนี้ที่ธนาคาร โจรทั้งแปดได้ดัดแปลงรถตู้ฟอร์ดเพื่อใช้ขนเงินและเรียกเก็บเงินธนาคารไปอีกด้วย พวกเขาไม่เพียงแค่ขโมยเงินล้านแต่พวกเขายังทำร้ายพนักงานและลูกค้าอีกเป็จำนวนมาก ในที่สุดพวกเขาก็ขับรถหนีไปพร้อมตัวประกันด้วยความเร็วพวกเขากบดานอยู่แถบชานเมืองจงไห่เพื่อตบตาตำรวจ และหลบหนีการติดตาม
“มีการโจรกรรมธนาคารในประเทศอย่างนั้นหรือ?”หยางเฉินยักคิ้ว และถามหลินรั่วซี ที่กำลังดูโทรทัศน์อย่างจริงจัง
หลินรั่วซีชำเลืองมองเขาอย่างเ็า เธอไม่พูดสักคำและยังคงดูทีวีต่อ ทางด้านหยางเฉินเองก็เฝ้าดูข่าวต่อไปเงียบๆ ทันใดนั้นเองโทรทัศน์ก็ตัดภาพไปที่การสัมภาษณ์ตำรวจโดยหยางเฉินก็รู้จักตำรวจคนนั้นด้วยเช่นกัน!
ด้วยผมสั้นที่ดูเรียบร้อย รับกับใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามเต็มไปด้วยเสน่ห์ความกล้าหาญผู้นี้ เธอสวมเครื่องแบบตำรวจหลวมๆ แสดงให้เห็นเส้นโค้งของหน้าอกขนาดใหญ่ตำรวจสาวนางนี้เป็คู่ต่อสู้อันยาวนานของหยางเฉิน และเพื่อนสนิทคนหนึ่งของหลินรั่วซีเธอคือสารวัตรไช่เอี๋ยน
แต่มาคิดดูแล้วไช่เอี๋ยนเป็ผู้กำกับของสถานีตำรวจภาคตะวันตกมันจึงเป็เื่ปกติที่เธอจะมาปรากฏตัวในช่องข่าวโทรทัศน์แบบนี้
แต่จากที่เห็นในโทรทัศน์นั้นสารวัตรไช่เอี๋ยนดูเหมือนจะอยู่ในอารมณ์ที่ตึงเครียด คิ้วของเธอหมวดย่นเข้าหากันบนใบหน้าแสนเ็าของเธอเหมือนเธออยู่ในโกรธกริ้วอยู่ตลอดเวลา
นักข่าวหลายคนไม่กล้าที่จะซักถามข้อสงสัยใดๆหลังจากที่ได้เห็นสีหน้าของเธอ นักข่าวผู้หนึ่งซึ่งเป็หนึ่งในผู้สื่อข่าวที่มีประสบการณ์จากจงไห่ทีวีก็ถูกผลักขึ้นด้านหน้า จากนั้นก็เอ่ยถามว่า
“ผู้กำกับไช่ครับนี่เป็การปล้นธนาคารครั้งที่สองใน่สองเดือนที่ผ่านมาผู้กระทำความผิดเป็ทีมเดียวกับที่พยานคนแรกได้แจ้งเอาไว้เมืองจงไห่ไม่เคยถูกโจรกรรมธนาคารมาเกือบสิบปีแต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นถึงสองครั้งใน่สองเดือน ผู้นำรัฐบาลโกรธมาก คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างในฐานะผู้ดูแลรักษาความเรียบร้อยของภาคตะวันตกครับ?”
ไช่เอี๋ยนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า
"อาชญากรเหล่านี้มีอาวุธครบมือมีการวางแผนมาอย่างแยบยล พวกมันปฏิบัติงานอย่างเป็มืออาชีพดูแล้วน่าจะเป็แก๊งอาชญากรรมขนาดใหญ่ พวกเขาปรากฏตัวในจงไห่อย่างฉับพลัน
อาจเป็ไปได้ว่าพวกเขาลักลอบหนีไปทางทะเล ทางเราพบร่องรอยการก่ออาชญากรรมของพวกเขาที่ต่างจังหวัดตามชายแดนทะเลแต่พวกเขาก็ไม่เคยถูกจับได้ สำหรับการที่พวกนั้นสามารถหลบหนีการจับกุมได้ติดต่อกันถึงสองครั้ง
นี่คือความล้มเหลวของตำรวจอย่างเราในนามของสถานีตำรวจภาคตะวันตกฉันต้องขอโทษประชาชนทุกท่านสำหรับความไร้ประสิทธิภาพของเราด้วยค่ะ”
“คำขอโทษมีประโยชน์อะไร!? แล้วเงินของเราล่ะ!! แล้วคนที่ตายล่ะ!!!”
“มีตำรวจไว้ทำไมเนี่ย!? ไปให้พ้น เอาคนอื่นขึ้นมาแทนซะ!”
ภาพที่ปรากฏในข่าวค่อนข้างโกลาหลวุ่นวายครอบครัวของเหยื่อส่งเสียงก่นด่าดังมาจากรอบข้าง และมีผู้คนอีกเป็จำนวนมากตามมาด่าตำรวจเนื่องจากความไร้ความสามารถของพวกเขา แต่ไช่เอี๋ยนก็ยังเด็ดเดี่ยวและพูดว่า
“ดิฉัน ผู้กำกับไช่เอี๋ยนจะให้คำมั่นสัญญากับทุกคนที่นี่ฉันจะนำตัวอาชญากรเหล่านี้ไปดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อนำไปสู่ความยุติธรรมถ้ามันยังสามารถลอยนวลไปได้อีกครั้ง ดิฉันจะลาออกทันที!"
ข่าวนี้ถ่ายทำจาก่บ่ายเมื่อวานแต่ได้รับการเผยแพร่ในวันนี้เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลนั้นพยายามปิดข่าวดังกล่าวอย่างมากแต่พวกเขารู้ว่าช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิดภายในเวลาไม่นานนักข่าวก็แพร่กระจายไปอย่างกับไฟลามทุ่ง ดังนั้นการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็เพื่อแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ
หลังจากดูข่าวนี้จบหลินรั่วซีก็ปิดโทรทัศน์จากนั้นเอื้อมแขนเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนกดหมายเลขเพื่อโทรออก
“ฮัลโหลเอี๋ยนเอี๋ยน ฉันรั่วซีนะ”
"อ่า… เธอสบายดีหรือเปล่า?"
“สบายดี ดูแลตัวเองด้วยล่ะฝากความคิดถึงไปให้คุณลุงไช่ด้วยนะ บาย”
ภายในสิบห้าวินาที หลินรั่วซีก็วางหูโทรศัพท์พร้อมลุกขึ้นยืนจากโซฟาหลังใหญ่และเตรียมตัวที่จะขึ้นชั้นบน
หยางเฉินรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง เพราะผู้หญิงคนนี้เ็าแม้กระทั่งเพื่อนสนิทของเธอเองแม้จะเป็ห่วงมากขนาดไหน หลินรั่วซีก็ยืนยันที่จะพูดออกมาเพียงไม่กี่คำเท่านั้นมันอาจเป็ไปได้ว่านี่จะเป็ปัญหาการสื่อสารอย่างหนึ่งของเธอ!?
เมื่อเห็นหลินรั่วซีกำลังจะเดินขึ้นชั้นบนโดยไม่บอกกล่าวอะไรหยางเฉินไม่สามารถช่วยอะไรได้ เขาเอ่ยถามขึ้นว่า “รั่วซีที่รัก คุณจะไม่ถามผมที่เป็สามีของคุณสักหน่อยเหรอว่าเมื่อคืนผมไปไหนมา และทำไมผมถึงไม่โทรกลับมาที่บ้าน?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉินที่ไล่หลังมาหลินรั่วซีไม่ได้ทำท่าทางรังเกียจเหมือนที่เธอทำเป็ประจำ กลับกันหัวใจของเธอรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินคำถามของหยางเฉิน หญิงสาวหันกลับมาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า
"ถ้าฉันถามคุณคุณจะตอบด้วยความจริงหรือ?"
ตอบด้วยความจริง? ว่าเขาไปกินอาหารริมทางกับโม่เชี่ยนนีมาสามครั้งแล้วหนำซ้ำเมื่อคืนเขายังไปนอนค้างที่คอนโดของเธอ นอกจากนั้นโม่เชี่ยนนียังจะจูบเขาด้วยบอกว่าเขาแกล้งทำเป็นอนหลับเพื่อรอเธอมาจูบ? หรือเขาควรจะบอกว่าเขารู้สึกผิดจริงๆกับโม่เชี่ยนนี?
ในที่สุดหยางเฉินก็เข้าใจแล้วว่า หลินรั่วซีสามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งซีอีโอและบริหารจัดการบริษัทขนาดใหญ่ได้อย่างไร
หลินรั่วซีไม่คิดว่าจะถามเขามาั้แ่แรกเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าเขาจะไม่ตอบตามความจริง!
"ถึง...ผมจะไม่พูดความจริงในครั้งนี้ แต่ผมจะทำมันในครั้งต่อไป จริงๆ แล้วเื่ที่โกหกมันก็จะฟังเหมือนความจริงคุณอยากลองฟังไหม?" หยางเฉินแนะนำ
ริมฝีปากได้รูปของหลินรั่วซีเผยรอยยิ้มอย่างเยาะเย้ยเธอพูดขึ้นว่า
"นายเก็บไว้บอกผู้หญิงคนอื่นเถอะเพราะฉันไม่้าฟัง" เมื่อพูดจบหลินรั่วซีก็เดินขึ้นบันไดต่อไป เธอเดินเพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะหันหลังกลับมาอีกครั้ง
“หลังจากที่นายออกไปเมื่อคืนรุ่นพี่กับฉันก็ตกลงที่จะทำงานร่วมกันแล้ว และมันจะกลายเป็งานหลักในปีหน้า ด้วยเหตุผลนี้ฉันจึงต้องเดินทางไปฮ่องกงในสัปดาห์หน้าเพื่อพบปะกับนักลงทุนคนอื่นๆ ที่ฉันบอกให้นายรู้เอาไว้ก่อนเพราะนายจะได้ไม่ทำอะไรหยาบคายเช่นเมื่อวานนี้อีก"
หยาบคาย? ดูเหมือนหลินรั่วซีจะคิดว่าเขาโมโหเฉิงซินหลินจนกระทำการหยาบคายไปอย่างไรก็ตามมันกลับช่วยให้เขารอดพ้นจากการที่ต้องอธิบายบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่้าอธิบาย
แต่เดี๋ยวก่อน! ร่วมมือกับเฉิงซินหลิน!หลินรั่วซีจะเดินทางไปด้วยตัวเองงั้นเหรอ!?
หยางเฉินรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเขาเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า “ทำไมคุณถึงไปคนเดียวล่ะ?อย่าบอกนะว่าคุณติดต่อกับเฉิงซินหลินเป็การส่วนตัว”
หลินรั่วซีพยักหน้า พลางกล่าวต่อด้วยสีหน้าที่จริงจัง “มันเป็โปรเจกต์ที่ค่อนข้างใหญ่ฉันวางแผนไว้คร่าวๆ แล้ว แต่ยังไม่ได้ลงมือทำอย่างจริงจังและฉันก็ไม่มั่นใจหากต้องฝากให้คนอื่นเป็คนดูแลดังนั้นฉันจึงตัดสินใจไปด้วยตัวเอง”
“นั่นหมายความว่าคุณจะต้องพบกับเฉิงซินหลินบ่อยๆอีกใช่มั้ย?” หยางเฉินถามด้วยท่าทีหวาดระแวง
“ทำไม? นายมีความคิดเห็นที่ดีกว่าอย่างงั้นหรือ?”
หยางเฉินพยักหน้าโดยไม่ลังเลใจ นี่ไม่ใช่การโยนเนื้อเข้าปากเสือหรือยังไง? เขาจะให้มันเกิดเื่แบบนี้ขึ้นได้ยังไง?
“แต่โครงการนี้มันสำคัญมากนอกจากนี้ฝ่ายตรงข้ามเป็นักลงทุนอิตาลี ในบริษัทของเราคนเดียวที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาอิตาเลียนในระดับผู้บริหารคือฉัน”
“ผมก็สามารถพูดภาษาอิตาเลียนได้เหมือนกัน!”
หลังจากที่ได้กล่าวอย่างนั้นแล้วหยางเฉินก็ตระหนักทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง!ดูเหมือนว่าเขาได้ทำการขุดหลุมฝังตัวเองไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว!
อย่างที่คิด ใบหน้าที่เ็าของหลินรั่วซีเผยรอยยิ้มขี้เล่นที่แฝงไปด้วยความเ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที
“ไหนๆ นายก็พูดมาขนาดนี้แล้วดูเหมือนว่าฉันต้องให้โอกาสนายซะหน่อย เราเป็คู่สามีภรรยากันอย่างน้อยฉันก็เชื่อว่าจะไว้ใจนายได้” หลินรั่วซีพูดยิ้มๆ
การแสดงออกของหยางเฉินเปลี่ยนเป็ขมขื่นในทันใด “รั่วซีภรรยาที่ดีของผมคุณจะปล่อยให้ธุรกิจที่สำคัญนี้กับคนที่ไม่รู้เื่รู้ราวเช่นผมอย่างนั้นหรือ?คุณส่งคนอื่นไปไม่ได้หรือไง? อวี้เหล่ยมีบุคลากรที่มีความสามารถเป็จำนวนมากมายผมทำได้แค่แปลภาษาเท่านั้นเองนะ”
“ไม่มีทาง โครงการนี้เป็ความลับสุดยอดฉัน้าใครสักคนที่สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ แต่ถ้านายไม่ไป ฉันก็จะเป็คนไปเอง...”หลินรั่วซีขู่
หยางเฉินถูกบีบบังคับให้เลือกระหว่าง “ภรรยา” และ“ความเกียจคร้าน” ในตัวเขา!
“ขอผมคิดดูก่อน” หยางเฉินเอาบุหรี่ขึ้นมาจุด ในขณะที่สูบบุหรี่เขาก็ก้าวขาเดินวนไปมารอบๆ ห้องพลางใช้ความคิด
หลินรั่วซีก็ไม่ได้รีบร้อนอันใดเธอกอดอกขณะที่เธอดวงตาคู่งามมองหยางเฉินลงมาจากมุมสูง มุมปากของเธอที่หยักยิ้มขึ้นอยู่ขณะนี้ดูเปี่ยมไปด้วยความสุข
หยางเฉินตั้งสติไตร่ตรองอยู่สักพักเขาไม่ควรทำงานที่เพิ่มภาระทางจิตใจให้เขามากจนเกินไป เนื่องจากโรคที่เขาเป็อยู่สิ่งที่เขาต้องทำก็คือหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ที่มันจะเกิดขึ้นแต่ถ้าเขาเลือกที่จะไม่ทำภรรยาของเขาจะต้องอยู่เคียงข้างเฉิงซินหลินซึ่งเป็อันว่าจบกันเขาไม่สามารถฆ่าเฉิงหลินซินได้จริงๆ ใช่ไหม!?
หลังจากเขี่ยบุหรี่เสร็จหยางเฉินก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า “งั้นก็ดี เมื่อผมพูดว่าจะไป ผมก็จะไปแต่อย่ามาโทษผมทีหลังก็แล้วกัน หากมันออกมาแย่!”
“ไม่!!” หลินรั่วซีกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้“นายจะต้องทำให้ดี งานครั้งนี้มีผลต่อความก้าวหน้าของบริษัทในอีก 5-6ปีข้างหน้า ฉันจะไม่ยอมให้มันล้มเหลวเป็อันขาด!”
“แต่…นี่เป็ครั้งแรกที่ผมออกไปเจรจาธุรกิจนะ” หยางเฉินยิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่ต้องกังวลการร่วมมือในครั้งนี้จะเป็ไปอย่างราบรื่น สิ่งที่นายต้องทำคือ ทำตามคำแนะนำของฉันทำให้เราได้ผลประโยชน์สูงสุด และโน้มน้าวอีกฝ่ายให้ตกลงร่วมมือสำหรับการลงนามในเอกสาร ฉันจะเป็คนจัดการเื่นั้นเอง”
หยางเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า “ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวใช่ไหม?ควรจะมีใครสักคนที่สามารถให้คำแนะนำกับผมได้ ใช่มั้ย ?”
“ฉันจะให้เชี่ยนนีไปกับนายหากไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามเธอได้เลย ตอนนี้นายเป็หัวหน้าและแน่นอนว่าเธอจะไม่ก่อปัญหาใดๆ ให้กับนาย” หลินรั่วซีกล่าว
หยางเฉินได้ยินดังนั้นก็ปวดหัวจี้ดขึ้นมาทันที
“ดีมากความสัมพันธ์ของผมกับโม่เชี่ยนนีเมื่อคืนยิ่งคุกรุ่นอยู่ และตอนนี้ผมยังต้องถูกส่งไปต่างประเทศพร้อมกับเธออีกดูเหมือนว่ามันอาจจะแย่กว่าการเข้าประชุมซะอีก”
“ทำไมล่ะ? มีปัญหานักหรือไง”หลินรั่วซีแกล้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้
หยางเฉินรีบโบกมือ พลางยิ้มอย่างขุ่นเคือง “ไม่มีปัญหาเลย ดีจะตายที่ผมมีสาวสวยขนาดนั้นไปด้วย”
หลินรั่วซีไม่มีทางเลือกอื่นแม้ว่าโม่เชี่ยนนีจะสารภาพทางอ้อมว่าเธอมีความรู้สึกที่ดีต่อหยางเฉิน
แต่หลินรั่วซีก็ยังคงเชื่อว่าโม่เชี่ยนนีต้องไม่ทำให้เธอผิดหวัง นอกจากนี้การร่วมมือกันครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมาก เธอต้องส่งคนที่เธอไว้วางใจดังนั้นการส่งหยางเฉินที่มีความชำนาญด้านภาษา และโม่เชี่ยนนีจึงเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว วิธีของหลินรั่วซีย่อมเป็วิธีที่ดีกว่าของหยางเฉิน
“ด้วยความหยาบคายและต่ำตมของนายแล้วถ้าเชี่ยนนีชอบนายจริงๆ ฉันก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดไปมากกว่านี้”
หลินรั่วซีรู้สึกอ่อนแรง เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในที่สุดเธอก็เหลือบมองไปที่หยางเฉินครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เดินกลับขึ้นไปที่ห้องของเธออย่างเงียบงัน