หลงเซี่ยวเจ๋อกำลังก้าวเดินไปด้วยอารมณ์ตื่นเต้น แต่ในชั่วพริบตา เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง
เพียงครู่เดียว ใบหน้าที่กำลังยิ้มแย้มของหลงเซี่ยวเจ๋อก็กลายเป็สีแดงราวกับเื ความเ็ปที่แผดเผานั้น ท่วมท้นมากเสียจนเขาไม่สามารถทนได้ ก่อนที่เขาจะล้มลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังตุ้บ
“โอ๊ย เจ็บจะตายแล้ว” ความเ็ปที่พุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้หลงเซี่ยวเจ๋อร้องออกมาด้วยความเ็ป
หลงเซี่ยวเจ๋อตกอยู่ในความเ็ปอย่างแสนสาหัส มีเหงื่อหยดไหลออกมา ทั้งยังกลิ้งไปบนพื้นราวกับคนขาดสติ โดยไม่เสียเวลาครุ่นคิดเลยแม้แต่น้อย
ความปวดแสบปวดร้อนกำลังแผดเผาร่างของหลงเซี่ยวเจ๋อราวกับไฟที่โหมกระหน่ำ และความเ็ปนี่ทำให้เขาแทบจะหมดสติไป
ยังดีที่ความรู้สึกแสบร้อนนี้คงอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะหายไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หลงเซี่ยวเจ๋อจะลุกขึ้น และถอนหายใจด้วยความโล่งอก ร่างกายทั้งหมดของเขาดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่กำลังกัดกิน ซึ่งมันทำให้สมองของเขาขาดอากาศจนกลายเป็ความเฉื่อยชา
“ซี้ด หนาวจัง” หลงเซี่ยวเจ๋อสูดอากาศเย็นพร้อมตัวที่สั่นเทา
ในยามนี้หลงเซี่ยวเจ๋อกำลังขดตัวจนกลมอยู่บนพื้น และความหนาวเย็นที่เล็ดลอดออกมาจากภายในทำให้เขาตัวสั่น ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป
ท้องฟ้าเข้าสู่ยามรุ่งอรุณแล้ว และแสงของท้องฟ้ายามรุ่งสางที่ส่องมาจากทางทิศตะวันออกปรากฏขึ้น แสงสีส้มแดงจางๆ สว่างไสว
ในที่สุด ความเย็นที่เย็นะเืบนร่างกายของหลงเซี่ยวเจ๋อก็ค่อยๆ จางหายไป และหายลับไปหลังจากนั้นไม่นานนัก
“เชี่ย! นี่มันเื่บ้าอะไรกัน? เจ็บแทบตาย...” ความทรมานจากความเหน็บหนาวและเร่าร้อน มันอึดอัดมากจนหลงเซี่ยวเจ๋อต้องสาปแช่งใครบางคนด้วยคำหยาบคาย [1]
ทำได้อย่างไรกัน ถึงทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังถูกไฟเผาไหม้ทั้งยังถูกแช่แข็งเช่นนี้ได้
แต่...ก่อนที่หลงเซี่ยวเจ๋อจะสาปแช่งต่อไป ก่อนที่เขาจะคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก็มีกลิ่นที่ฉุนเฉียวและน่าขยะแขยงพุ่งออกมาจากท้องของเขา และมันเข้าเติมเต็มทุกความรู้สึกที่เฉียบแหลมของเขา
“ไม่นะ? มาอีกแล้ว?” หลงเซี่ยวเจ๋อตัวสั่นอย่างรุนแรง ทั้งยังเกือบจะร้องไห้
ท้ายที่สุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ต้องทำกันถึงเพียงนี้เลยหรือ?
หลงเซี่ยวเจ๋อกำลังร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
“อ้วก——”
กลิ่นที่น่าขยะแขยงและคลื่นไส้พุ่งเข้ามาในหัวใจของเขาทีละน้อย เมื่อหลงเซี่ยวเจ๋อเปิดปากของเขา เขาก็ไม่สามารถทนต่ออาการคลื่นไส้ได้ และอาเจียนออกมาทันที
สิ่งที่อาเจียนออกมา ดูเหมือนจะเป็อาหารเย็นที่เขากินเข้าไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่มันกลับไม่เป็เช่นนั้น
เพราะอาเจียนที่ออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำนั้นมันเป็สีดำ ไม่เพียงส่งกลิ่นที่น่าขยะแขยงออกมาเท่านั้น แต่ยังมีจุดสีขาวหนาแน่นที่กำลังดิ้นไปมา
ดิ้น? จู่ๆ หลงเซี่ยวเจ๋อก็รู้สึกแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก
“กู่...หนอนกู่?” หลงเซี่ยวเจ๋อลืมตากว้างขึ้นในทันที มองดูสิ่งที่น่าขยะแขยงที่เขาคายออกมาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“แหวะ——”
ไม่ต้องดมกลิ่นนั้น แค่มองไปที่จุดสีขาวเล็กๆ ที่ดิ้นพล่านไปมา หลงเซี่ยวเจ๋อก็อาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยงอีกครั้งในทันที
หลงเซี่ยวเจ๋อทรุดตัวลงกับพื้นและอาเจียนออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาแทบจะคายอวัยวะภายในออกมาทั้งหมด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดหลงเซี่ยวเจ๋อก็อาเจียนสิ่งที่อยู่ภายในท้องของตนออกมาจนหมด
ในเวลานี้เขาเป็เหมือนมะเขือยาวที่ต้องน้ำค้าง [2] ทั้งร่างของเขาเหี่ยวเฉาร่วงโรย
เห็นเพียงเขาที่ทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง เหงื่อออกเป็จำนวนมาก หอบหายใจโดยที่ยังพูดอะไรไม่ออก เขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว
แสงแรกของรุ่งอรุณตกลงมา แสงยามเช้าอันเงียบสงบนำพาดวงตะวันอันรุ่งโรจน์
ดวงตาของหลงเซี่ยวเจ๋อแทบจะลืมไม่ขึ้น เขามองดูพระอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยไม่กะพริบตา ก่อนที่สติของเขาจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น
เมื่อนึกถึงความทรมานอันแสนเ็ปที่เขาประสบเมื่อไม่นานมานี้ ความเ็ปจากการอาเจียนจนท้องไส้ปั่นป่วน
จะมีหนอนกู่ที่น่าขยะแขยงอยู่ภายในท้องของคนได้อย่างไร?
ทันใดนั้นสมองของหลงเซี่ยวเจ๋อก็ะเิออก มื้ออาหาร อาหารเมื่อคืนนี้?
มีบางอย่างผิดปกติบนโต๊ะนั่น!
พี่สะใภ้สาม! พี่สะใภ้สามยังคงอยู่ในห้องอาหาร
หลงเซี่ยวเจ๋อลืมตาขึ้นในทันใด กระแทกขาของเขาให้ยืนตัวตรง แล้วออกวิ่งไปที่ห้องอาหาร
เมื่อเข้าใกล้ห้องอาหาร หลงเซี่ยวเจ๋อก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านใน
ทันใดนั้นหลงเซี่ยวเจ๋อก็กังวลมากขึ้น เป็ไปได้ไหมว่าพี่สะใภ้สามก็ทนทุกข์ทรมานจากความเ็ปเช่นเดียวกับเขาที่กินอาหารเ่าั้เข้าไป?
การทรมานจากการเผาไหม้และการเยือกแข็งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะทนได้จริงๆ!
เมื่อคิดถึงเื่นี้ หลงเซี่ยวเจ๋อก็รีบไปที่ห้องอาหารราวกับเขาถูกฉีดเืไก่เข้าไป......
-
มู่จื่อหลิงยกมือของนางไขว้ไปข้างหลัง ฮัมเพลงเล็กน้อยอย่างมีชัย และเดินออกจากห้องอาหารด้วยฝีเท้าที่เบิกบานใจ
ทันใดนั้น ในทางเดินยาวตรงหัวมุม ร่างสีขาวที่รวดเร็วดุจสายฟ้าก็พุ่งเข้าหามู่จื่อหลิง
ร่างนั้นรวดเร็วจนไม่มีใครเทียบได้
มู่จื่อหลิงผู้น่าสงสารยังคงอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุขจากการชนะการต่อสู้ ในยามนั้น ปฏิกิริยาของนางจึงไม่อาจตอบสนองได้ทัน
'ปั้ก!'
เห็นเพียงมู่จื่อหลิงที่ถูกกระแทกขึ้นไปในอากาศโดยร่างที่รวดเร็วนั่น
จากนั้น...เกิดเสียง ‘โครม’ อีกเสียงหนึ่งขึ้น
ร่างเรียวของมู่จื่อหลิงกระดอนออกไป ด้านหลังศีรษะของนางกระแทกเข้ากับเสาไม้แดง [3] ที่อยู่ตรงโถงทางเดิน
“ซี้ด!” มู่จื่อหลิงร้องออกมาด้วยความเ็ป
เพียงครู่เดียวมู่จื่อหลิงรู้สึกว่าหัวของนางชาไปหมดทั้งยังมึนงง
สิ่งนี้กระแทกเข้ามาอย่างแรง ชนอย่างหนัก จนเกือบจะทุบเอาิญญาของมู่จื่อหลิงออกจากร่าง ทั้งยังทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน
ตรงกันข้ามกับร่างสีขาว ซึ่งก็คือหลงเซี่ยวเจ๋อที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะแข็งแรงและสูง แต่เขาก็ถูกแรงสะท้อนดีดกลับจนต้องถอยหลังไปสองสามก้าว ในท้ายที่สุด เขาก็ยังล้มลงกับพื้นด้วยท่าทางน่าอาย
มู่จื่อหลิงจับศีรษะที่ชาของนาง นางแสยะปากออกมาด้วยความเ็ป ใบหน้าบิดเบี้ยว แล้วหันมามองอย่างโกรธจัด “สมควรตาย [4] ! โอ้์ นี่พวกไม่...”
คำว่า ‘ไม่มีตา’ ยังไม่ทันได้พูดออกไป เมื่อเห็นหลงเซี่ยวเจ๋อนั่งบนพื้นด้วยท่าทางน่าอายอยู่ไม่ไกล มู่จื่อหลิงรู้สึกเพียงว่าน้ำตาของนางกำลังจะไหลออกมาเพราะหัวของนางเจ็บมากขึ้น
“หลงเซี่ยวเจ๋อ! เ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรือ?” มู่จื่อหลิงกัดฟันด้วยความโกรธ
ทันทีที่เขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หลงเซี่ยวเจ๋อก็ลืมความเ็ปที่ก้นของตนในทันที เขาเงยหน้าขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืน ะโเรียกอย่างกังวลและตื่นเต้น “พี่สะใภ้สาม! พี่สะใภ้สาม! ท่านไม่เป็ไรใช่ไหม!"
มู่จื่อหลิงจับรอยปูดบวมที่ด้านหลังศีรษะของนาง หายใจเข้าลึกๆ และจ้องไปที่หลงเซี่ยวเจ๋ออย่างอุกอาจ “ตาข้างไหนที่ทำให้เ้าเห็นว่าข้าสบายดี?”
ควรตายจริงๆ ได้รับการกระทบกระเทือนจากการถูกชน จะไม่เป็อะไรได้หรือ?
เหตุใดนางจึงโชคร้ายเมื่อได้พบเจอกับเด็กที่โชคร้ายผู้นี้ ต่อให้เดินดีๆ ก็ยังโดนได้ มู่จื่อหลิงอยากจะร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา และอยากจะกรีดร้องขึ้นไปบนฟ้า!
การชนที่ไม่คาดคิดเมื่อครู่นี้ เกิดเสียงดังปึงปัง หลงเซี่ยวเจ๋อเป็ผู้ก่อเหตุ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจโดยธรรมชาติว่ามู่จื่อหลิงกำลังหมายถึงสิ่งใด
หลงเซี่ยวเจ๋อรู้สึกมีความผิดเล็กน้อยเมื่อถูกมู่จื่อหลิงจ้องมอง เขาหดคอชี้ไปที่หัวของมู่จื่อหลิง และถามอย่างอ่อนแรงว่า “นั่น พี่...พี่สะใภ้สาม ท่านไม่เป็อะไรใช่ไหม?”
มู่จื่อหลิงยกมือข้างหนึ่งปิดหลังศีรษะของนาง มืออีกข้างกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกระทบกันของแหวนดัง ‘แกร๊กแกร๊ก’ หน้าของนางเต็มไปด้วยความมืดมน นางมองไปที่หลงเซี่ยวเจ๋ออย่างเศร้าโศก “เ้ามาลองดูเองว่าเป็อะไรหรือไม่?”
ยังดีที่เป็เสากลม หากเป็สี่เหลี่ยม หัวคงกระแทกเข้ามุมเต็มแรงจนแตกไปแล้ว
หัวของหลงเซี่ยวเจ๋อส่ายไปมา
เสียง ‘โครม’ เมื่อครู่นี้ แค่ฟังก็เจ็บแล้ว จะให้เขาเอาหัวโขกเสา เขาไม่ได้โง่นะ
หากมู่จื่อหลิงรู้ว่าหลงเซี่ยวเจ๋อกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้ ไม่รู้ว่านางจะทำให้อาเจียนเป็เืหรือไม่
มู่จื่อหลิงจ้องไปที่หลงเซี่ยวเจ๋อ “เหตุใดเ้าถึงวิ่งเร็วเช่นนี้? หนีเอาตัวรอด!”
“ไม่ใช่หนีเอาตัวรอดแต่ยิ่งกว่าหนี ท่านไม่รู้ว่าเมื่อครู่ข้าเพิ่งผ่านอะไรมา ข้าเกือบตายแล้ว และข้าพยายามอย่างสุดความสามารถถึงได้ฟื้นคืนชีพมาได้” หลงเซี่ยวเจ๋อพูดเกินจริง นึกถึงการทรมานเมื่อไม่นานนี้ เขายังคงมีความกลัวอยู่บ้าง
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงเซี่ยวเจ๋อพูด มู่จื่อหลิงก็เข้าใจในทันที
สำหรับความหมายของหลงเซี่ยวเจ๋อที่กล่าวว่าฟื้นคืนชีพ ไม่มีผู้ใดเข้าใจดีไปกว่านาง
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้ชีวิตกลับมา ช่างคุยโม้เกินจริง
อาหารที่เตรียมโดยฮองเฮานั้นมีไข่หนอนกู่แดงเย็น [5] ซึ่งหนอนกู่แดงเย็นเทียบเท่ากับพิษเรื้อรัง
มันจะค่อยๆ ฟักออกมาและก่อตัวเป็รูปเป็ร่างในร่างกายมนุษย์ หลังจากฟักออกมาแล้ว มันจะปล่อยสารพิษทั้งหมดในร่างกายออกมา คนที่ถูกพิษจะได้ัักับความเ็ปและการทรมานของความหนาวเหน็บของน้ำแข็งและความร้อนจากเปลวไฟทุกครั้งที่พิษกำเริบ ทำให้รู้สึกราวกับตายทั้งเป็
นั่นเป็สาเหตุที่มู่จื่อหลิง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชื่นชมความฉลาดของฮองเฮาเมื่อนางค้นพบอาหารมื้อนั้น นางทำทุกอย่างที่ทำได้จริงๆ
ยาที่นางใส่เข้าไปในปากของหลงเซี่ยวเจ๋อก่อนหน้านี้จะทำให้หนอนกู่แดงเย็นฟักออกมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อหนอนกู่แดงฟักออกมาแล้ว พิษก็จะถูกปลดปล่อยออกมาเช่นกัน และในท้ายที่สุด เนื่องจากผลของยา เขาจึงอ้วกออกมาทั้งหมด ทั้งหนอนกู่แดงและพิษในร่างกาย
อย่างไรก็ตาม ทั้งมู่จื่อหลิงและหลงเซี่ยวเจ๋อล้วนไม่รู้ว่าเนื่องจากการทรมานที่หลงเซี่ยวเจ๋อประสบโดยไม่ได้ตั้งใจในครั้งนี้ ในไม่ช้ามันได้ก่อให้เกิดความประหลาดใจและความใแบบใดต่อหลงเซี่ยวเจ๋อ
เมื่อเห็นท่าทางที่น่ากลัวของหลงเซี่ยวเจ๋อ ขณะที่เขาตบหน้าอกของตน มู่จื่อหลิงก็ถ่มน้ำลายออกมาสองคำโดยไม่มีความรู้สึกผิดว่า “สมควรแล้ว!”
หลงเซี่ยวเจ๋อไม่สนใจว่ามู่จื่อหลิงหมายถึงอะไร
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเขา ก่อนที่เขาจะถามอย่างจริงจังว่า “พี่สะใภ้สาม อาหารเ่าั้มีพิษมาก ท่านดื่มน้ำแกงเมล็ดบัวชามนั้นเข้าไปด้วย ไม่เป็อะไรเลยหรือ?”
มู่จื่อหลิงโบกมือด้วยความโกรธ “ไม่เป็ไร” ข้าไม่โง่เหมือนเ้านะ
มันจะไม่มีสิ่งใดได้อย่างไร? ร่องรอยของความสงสัยแวบเข้ามาในดวงตาของหลงเซี่ยวเจ๋อ “เช่นนั้นเสียงการเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้มันเกิดสิ่งใดขึ้น? ท่านกำลังต่อสู้กับฮองเฮาอยู่ข้างในใช่ไหม?”
จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกอยากจะทุบเสาอีกครั้ง นางแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ “เ้ามีจินตนาการที่สมบูรณ์ยิ่งกว่านี้ได้อีกไหม? ยังต้องต่อสู้อีกหรือ เป็ฮองเฮาเองที่โกรธมากจนคว่ำโต๊ะต่างหาก”
“คว่ำ...” หลงเซี่ยวเจ๋อพูดออกมาได้เพียงคำเดียว ก็เห็นอีกคนออกมาจากห้องอาหาร
หญิงผู้นั้นเหลือบมองพวกเขาอย่างคลุมเครือ จากนั้นจึงหันหลังเดินไปอีกทางหนึ่งด้วยความสง่างาม
ท่าทางของนางดูมีเกียรติและสง่างาม แต่เมื่อหลงเซี่ยวเจ๋อจ้องมองไปแล้ว เขาก็รู้สึกราวกับหนูเห็นแมว [6] รู้สึกอยากจะหลบหนีไป ยามจ้องมองแผ่นหลังอันสง่างามนั้นเขารู้สึกอึดอัดเป็อย่างมาก
เกิดอะไรขึ้น? เป็ไปได้ไหมว่าฮองเฮาก็ตกสู่่เลวร้ายด้วย หลงเซี่ยวเจ๋อััคางของเขาอย่างไม่เชื่อ
ดวงตาของหลงเซี่ยวเจ๋อหันไปหามู่จื่อหลิงอีกครั้ง และทันใดนั้นเขาก็เห็นรอยที่คอของนางซึ่งถูกบาดด้วยกระบี่ ก่อนจะร้องออกมาด้วยความใ “อ่า! พี่สะใภ้สาม เหตุใดคอของท่านถึงมีเืออก ท่าน...” สู้กับฮองเฮาจริงๆ
“เผลอขีดข่วนก็เท่านั้น ไม่เป็ไร” มู่จื่อหลิงโบกมืออย่างสบายๆ
อันที่จริง ยามที่องครักษ์ทั้งสองเอากระบี่มาจ่อที่คอของนาง นางก็รู้สึกกลัวเช่นกัน หากนางประมาทเลินเล่อเพียงเล็กน้อย และทำให้ฮองเฮารู้สึกได้ถึงเล่ห์เหลี่ยม ศีรษะของนางคงหลุดไปนานแล้ว
หลงเซี่ยวเจ๋อก้มหน้าเล็กน้อยและพูดอย่างเคร่งขรึม “พี่สะใภ้สาม เราต้องล้างคอรอ [7] ไหม?”
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] สาปแช่งใครบางคนด้วยคำหยาบคาย (骂娘) เป็คำที่มีความหมายว่า คำด่าที่ใช้วาจาลบหลู่ไปถึงมารดาของผู้อื่น หรือเป็การด่าพ่อล่อแม่นั่นเอง
[2] มะเขือยาวที่ต้องน้ำค้าง (霜打的茄子) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า คนที่ไร้พลังหลังจากประสบความล้มเหลว ประสบปัญหาหรือความพ่ายแพ้
[3] ไม้แดง (红木) คือไม้ที่มีเฉดสีเข้มประเภทหนึ่ง และมักมีสีน้ำตาลและมีเส้นที่ค่อนข้างเด่นชัด
[4] สมควรตาย (该死) เป็คำที่ค่อนข้างหยาบ มักใช้กับการสบถ เทียบกับคำไทยจะใกล้เคียงกับคำว่าไปตายซะ
[5] หนอนกู่แดงเย็น (赤寒虫) เป็กู่ปรสิตชนิดหนึ่งซึ่งปล่อยพิษเข้าสู่ร่างกาย และกินเืเนืุ้์เป็อาหาร
[6] หนูเห็นแมว (老鼠见到猫) เป็สำนวน มีความหมายว่า พบสิ่งที่น่ากลัว
[7] ล้างคอรอ (洗干净脖子) เป็วลี มีความหมายว่า รอสิ่งที่อาจเกิดขึ้น จะเป็การรอสิ่งที่ไม่ดีต่อตนเองนัก หรือรอที่จะแก้แค้น เป็คำที่มักใช้ในการยั่วยุ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้