“เ้าไม่รู้เสียแล้วว่า เฉินเจ๋อิคืออันธพาลที่เลื่องชื่อในเมืองหลวง นอกจากเวยหวู่โหวซื่อจื่อ [1] ที่เขาหวาดกลัวแล้ว เขาก็ไม่กลัวผู้ใดอีก” ตอนที่หลิงชางไห่เอ่ยถึงเวยหวู่โหว มือของจ้าวจือชิงที่กำลังดื่มน้ำก็ชะงักทันใด เพียงแต่ทุกคนกำลังมุ่งความสนใจไปที่หลิงชางไห่ จึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
“นอกจากนั้น คนผู้นี้เกิดมาละโมบโลภมาก ก่อเื่แย่งชิงการค้าขายมานักต่อนัก ตอนนี้การค้าขายของเ้ากำลังดีและเป็่เริ่มต้น เขามีหรือจะไม่หวั่นไหว”
หลิงชางไห่พูดกล่าวเกี่ยวกับเื่ของเฉินเจ๋อิ ส่วนจ้าวจือชิงกลับรู้สึกว่าอาจจะยังมีสาเหตุอื่นอีก
“ผู้เฒ่าหลิงพูดถูกต้อง เฉินเจ๋อิมีใจอยากได้การค้าขายของชีเหนียงจริง โดยเฉพาะเมื่อตู้ิเจวียนได้ส่งข่าวสถานการณ์การค้าขายในอำเภอเฉาไปยังเมืองหลวง รวมถึงปีนี้ภายใต้การดูแลของใต้เท้าหยาง อำเภอหยางค่อนข้างมีภาพรวมที่ดี ตอนนี้การค้าขายของชีเหนียงนำพาผลประโยชน์มาให้แก่อำเภอเฉาได้มากมาย มีความเป็ไปได้อย่างมากว่าใต้เท้าหยางจะถูกโยกย้ายกลับไปยังเมืองหลวง”
“หากตระกูลหยางจากไป แม้การค้าขายนี้จะมีตระกูลตู้เข้ามาร่วมด้วย เกรงว่าคงไม่มีทางทำให้เฉินเจ๋อิตัดใจได้เด็ดขาด อีกทั้งข้าคิดว่าเขายังมีจุดประสงค์อื่นอีก”
จ้าวจือชิงแยกแยะได้อย่างมีเหตุผล กระทั่งลั่วจิ่งเฉินก็ไม่อาจปฏิเสธ เขาเองก็รู้สึกว่าหากเป็แค่ปัญหาเื่ค้าขาย จากนิสัยของท่านแม่ หากเฉินเจ๋อิมาคุยกันแบบตรงไปตรงมา ท่านแม่ไม่มีทางไม่แบ่งปันให้ อีกทั้งแต่ละเื่ที่เกิดขึ้น เกรงว่าคงต้องมีความแค้นใหญ่หลวง จึงได้ทำถึงขั้นนี้
“ดังนั้นข้าคิดว่าจะเข้าหาเฉินเจ๋อิ”
จ้าวจือชิงเรียนรู้อย่างชาญฉลาดจากสถานการณ์ครั้งนี้ จึงไม่ปิดบังพวกเขาอีก นอกจากนี้ยังบอกกล่าวแผนการของตนอีกด้วย
“เพียงแต่เฉินเจ๋อิเคยพบเ้าและรู้ว่าเ้าเกี่ยวข้องกับครอบครัวข้า เขาจะเชื่อเ้าหรือ?” ชีเหนียงไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของจ้าวจือชิงนัก เขาเสี่ยงอันตรายเพื่อครอบครัวของนางเช่นนี้ หากเกิดเื่ขึ้นจริงจะทำอย่างไร
นางเองก็เข้าใจว่าเฉินเจ๋อิเห็นค่าชีวิตคนเป็แค่ผักปลา มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเล่นงานนางถึงชีวิตอยู่เรื่อยๆ เช่นนี้
“ในเมื่อข้าตัดสินใจแล้ว ย่อมมีหนทางทำให้พวกเขาเชื่อ เพียงแต่เมื่อถึงเวลานั้นหวังว่าชีเหนียงจะให้ความร่วมมือ”
ชีเหนียงเห็นเขาตัดสินใจแน่วแน่ จึงรู้ว่าแม้ตนเองจะไม่เห็นด้วย จ้าวจือชิงก็ยังคงจะทำ เมื่อเป็เช่นนี้ มิสู้นางร่วมมือด้วยเลยดีกว่า
“วางใจได้ ข้าจะให้ความร่วมมือแน่”
ชีเหนียงไม่ได้ตระหนักถึงแผนการที่จ้าวจือชิงพูดถึงแม้แต่น้อย จนกระทั่งนางได้รู้ว่าอะไรคือการให้ความร่วมมือที่จ้าวจือชิงได้กล่าวเอาไว้ ก็ได้แต่พร่ำบ่นกับตนเองว่าตอบตกลงเร็วเกินไป
หลังจากวางแผนการกันเรียบร้อย จ้าวจือชิงก็อาศัยโจรูเาที่อยู่ในคุกเข้าหาเฉินเจ๋อิได้สำเร็จ
......
“นายน้อย คนที่เราจ้างไม่อาจกำจัดคนสกุลลั่วได้หมดสิ้น ครั้งนี้ข้ามีแผนที่สามารถทำได้สำเร็จแน่” บ่าวที่รับหน้าที่ครั้งที่แล้วทำไม่สำเร็จ พอกลับมาก็ถูกเฉินเจ๋อิจับไปสับและนำไปโยนให้เป็อาหารสุนัข ครั้งนี้เขาจึงทดสอบจ้าวจือชิงอยู่นานมาก
“ครั้งก่อน เราล้มเหลวก็เพราะว่าผู้น้อยคิดผิดไป อันที่จริงหาก้าทำลายสกุลลั่วให้หมดสิ้นจริงๆ คงต้องลงมือกับคนของพวกเขาเอง” ขณะพูด บ่าวก็ชี้ไปด้านนอกประตู “ครั้งนี้ผู้น้อยขอแนะนำคนผู้หนึ่งให้นายน้อย หากมีคนผู้นี้อยู่ รับรองว่านายน้อยจะต้องสมปรารถนาแน่ขอรับ”
เมื่อเห็นเฉินเจ๋อิไม่พูดอะไร บ่าวคนนั้นก็ปรบมือและะโเรียกคนเข้ามา “เข้ามาได้”
เฉินเจ๋อิมองดูชายร่างโตที่เดินเข้ามา ฉับพลันสีหน้าก็เปลี่ยนเป็บึ้งตึงก่อนจะตบหน้าบ่าวคนนั้น “เ้าโง่! กล้าพาคนผู้นี้เข้ามา เ้าคิดรนหาที่ตายหรือ!”
บ่าวคนนั้นรีบคุกเข่าอธิบาย “นายน้อย ไม่ใช่นะขอรับนายน้อย ท่านฟังบ่าวอธิบายก่อน คนผู้นี้…”
“ไสหัวไป เ้าโง่!” เฉินเจ๋อิไม่อยากฟังแม้คำอธิบายด้วยซ้ำ ทั้งยังถีบเขาออกห่างจากตัว
“นายท่านเฉิน ช้าก่อน!” จ้าวจือชิงห้ามปรามและเอ่ย “แม้ว่าผู้น้อยจะติดตามข้างกายลั่วชีเหนียง แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่มุ่งหวังสิ่งใด”
เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวจือชิง เฉินเจ๋อิก็ชักเท้ากลับมาและมองอย่างระแวดระวัง “เ้าหมายความเช่นไร?”
“เรียนนายท่านเฉิน เดาว่าท่านคงทราบสถานการณ์ของผู้น้อยอยู่แล้ว”
เมื่อจ้าวจือชิงพูดจบ บ่าวที่หมอบกับพื้นจึงเข้าไปกระซิบข้างหูเฉินเจ๋อิ สักพักแววตาของเฉินเจ๋อิก็เปลี่ยนแวววาวด้วยความตื่นเต้น
“อ้อ เป็คนสติไม่ดีเช่นนั้นหรือ?” เฉินเจ๋อิเดินวนเวียนสำรวจตัวจ้าวจือชิงอยู่หลายรอบ “เหตุใดข้าจึงดูไม่ออกว่าเขาสติไม่ดี?”
บ่าวผู้นั้นยิ้มและอธิบาย “นายน้อย คนผู้นี้ไม่ได้โง่เขลาแต่อย่างใด เขากำลังคิดจะสยบหญิงม่ายสามีทอดทิ้งอย่างลั่วชีเหนียง และสมบัติทั้งหมดของนางต่างหาก”
สายตาของเฉินเจ๋อิที่มองจ้าวจือชิงนั้นต่างออกไป “เ้าทึ่มอย่างเ้ามีความคิดเช่นนี้ด้วยหรือ? บอกมาสิว่าเ้าคิดได้อย่างไร?”
จ้าวจือชิงที่เคยถูกคนดูแคลนก็แสดงความแข็งกร้าวออกมา เขาส่งเสียงฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ “ยังต้องคิดอย่างไรได้อีก ผู้หญิงเป็ของข้า สมบัติก็ต้องตกเป็ของข้าแน่นอนอยู่แล้ว”
“ตอนนั้นข้าเพียงแค่เดินผ่านหน้าประตูบ้านสกุลลั่วไม่กี่ครั้งก็ถูกจี้ฉงเหวินจับจ้อง นับั้แ่นั้นเขาก็ใช้อำนาจของตนสั่งให้ครอบครัวทรมานข้า ไม่ง่ายดายกว่าข้าจะคิดแผนการที่ดีเช่นนี้ได้ ในเมื่อเขาอยากให้ข้าทรมาน เช่นนั้นข้าก็จะคิดหาทางทรมานภรรยาของเขา ทรมานลูกชายของเขา ดูสิว่าเขาจะเ็ปใจหรือไม่!”
เฉินเจ๋อิในตอนแรกไม่คิดว่าจ้าวจือชิงคือคนสติไม่ดี หากแต่เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวจือชิงเช่นนี้ พลันก็รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้คือคนสติไม่ปกติจริงๆ ในเมื่อจี้ฉงเหวินทอดทิ้งลั่วชีเหนียง แน่นอนว่าคงไม่มีทางสนใจความเป็ตายร้ายดีของนางอีก ส่วนลูกๆ นั้น ตอนที่เขาอยู่เมืองหลวงไม่เคยได้ยินว่าจี้ฉงเหวินมีลูกมาก่อน เห็นทีจี้ฉงเหวินคงปิดบังเื่ราวไว้ไม่น้อยจริงๆ
จ้าวจือชิงเห็นว่าเมื่อเอ่ยถึงจี้ฉงเหวิน เฉินเจ๋อิก็ไม่ได้มีท่าทีใอันใด ในสมองจึงมีแผนการบางอย่างแล่นเข้ามา เมื่อเขาเห็นเฉินเจ๋อิเริ่มที่จะเชื่อ จึงเอ่ยตัดพ้อเสียงค่อย “นายน้อย ท่านนั้นเล่นงานลั่วชีเหนียงจนเกือบตาย แผนการดิบดีของข้าที่เพิ่งเริ่มก็เกือบจะไปต่อไม่ได้ อย่างน้อยท่านน่าจะรอให้ข้าแต่งงานกับลั่วชีเหนียงก่อนแล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย”
เฉินเจ๋อิไม่ได้โกรธเคืองกับการตัดพ้อของเขา ใช่แล้ว! เหตุใดตนเองจึงคิดแผนการล้ำเลิศเช่นนี้ไม่ออก การให้เ้าทึ่มแต่งงานกับลั่วชีเหนียง ต่อไปลั่วชีเหนียงก็คือภรรยาของเ้าทึ่ม นอกจากนี้จ้าวจือชิงยังสามารถช่วยเขาจับตาสอดส่องการเคลื่อนไหวของคนสกุลลั่วได้ ตนเองก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองสมอง หากคิดอยากจัดการพวกนาง จ้าวจือชิงก็คือมีดเล่มที่เหมาะสมที่สุดมิใช่หรือ
“เื่นี้ต้องโทษข้า ทว่าเ้าก็ควรมาหาข้าเร็วกว่านี้ถึงจะถูก มานี่ บอกกับข้าทีว่าแผนการของเ้าไปถึงขั้นไหนแล้ว”
เฉินเจ๋อิไม่รังเกียจที่เขาสติไม่ดีอีกต่อไป จากนั้นดึงเขามานั่งบนตั่งด้วยกันและฟังเขาบอกเล่าแผนการของตนเอง บ่าวผู้นั้นเห็นว่าหมดเื่ของตนจึงรีบออกไปเฝ้าด้านนอก ทว่าวันนี้โชคดีที่จ้าวจือชิงออกปากเร็ว มิเช่นนั้นคาดว่านายน้อยคงไม่มีทางปล่อยตนเองไปง่ายดายเช่นนี้
……
จ้าวจือชิงติดตามอยู่ด้านหลังเฉินเจ๋อินานวันเข้า คนของโรงพนันสือวานก็ทราบว่าจ้าวจือชิงมีประโยชน์ในสายตาของผู้เป็นาย จึงให้ความเคารพเขา ทำให้จ้าวจือชิงได้รู้จากจางเฉียงว่า เหตุใดตอนนั้นลั่วจิ่งซีจึงยืมเงินกับโรงพนันสือวาน เื่นี้ก็เป็ฝีมือของเฉินเจ๋อิเช่นกัน ชัดเจนว่าตอนนั้นเขามีแผนอยากให้ลั่วจิ่งซีติดหนี้ จากนั้นค่อยอบรมสั่งสอนให้ลั่วจิ่งซีกลายเป็นักเลงขี้เรื้อน สุดท้ายค่อยทำลายสกุลลั่ว
เพียงแต่ไม่ว่าจ้าวจือชิงจะวางแผนหลอกถามอย่างไร สุดท้ายก็ไม่สามารถสืบเหตุผลที่เฉินเจ๋อิคิดร้ายกับสกุลลั่วได้
-----
[1] ซื่อจื่อ เป็ตำแหน่งที่สืบทอดต่อจากชินอ๋อง