มันกะทันหันเกินไป!
หมากก้าวนี้กะทันหันเกินไปจริงๆ!
ขณะที่ทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่าหมดสิ้นหนทาง ขณะที่ทุกคนคิดเหมือนกันว่าเฟิ่งเฉี่ยนต้องพ่ายแพ้แน่แล้ว เมื่อหมากก้าวนี้วางลงไป พลิกสถานการณ์จากพ่ายแพ้มาเป็ผู้ชนะ!
ภาพเหตุการณ์ราวกับโลกของละครเช่นนี้ ทำให้ทุกคนตื่นตะลึง!
มิใช่บอกว่าพ่ายแพ้แล้วหรอกหรือ
นี่มีอะไรผิดพลาดหรือไม่
ผู้ชมหมากล้อมแคว้นหนานเยียนถึงกับทึ่มทื่อ!
หมากขาวมิใช่จนตรอกแล้วหรือ
แม่นางเฟิงมิใช่จะพ่ายแพ้แล้วหรือ
เหตุใดจึงกลับมาเอาชนะได้
ล้อเล่นกระมัง
ในวังหลวง เซวียนหยวนเช่อตบโต๊ะดังปังๆ เขาพูดอย่างตื่นเต้น “ชนะแล้ว! หมากขาวชนะแล้ว!”
ขุนนางทั้งหลายไม่กระจ่างแจ้ง หลี่หรงเต๋อยังคิดว่าเขาพูดผิดจากหมากดำเป็หมากขาว จึงเป็ฝ่ายทักท้วง “ฝ่าา พระองค์ตรัสผิดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ควรจะเป็หมากดำชนะ!”
ั์ตาดำขลับของเซวียนหยวนเช่อทอประกายแรงกล้าน่าตื่นตะลึง เขาพูดเสียงหนักแน่น “ไม่ เป็หมากขาวที่ชนะแล้ว!”
“หมากขาวชนะแล้ว”
ขุนนางทั้งหลายต่างสบตากัน
กระทั่งเฟิ่งชังพบความผิดปกติบนกระดานหมากเป็คนที่สอง เขาลุกพรวดขึ้นชี้ไปที่กระดานหมาก “ถูกต้อง! เป็หมากขาวที่ชนะแล้ว! เป็หมากขาวชนะ! นี่เป็ค่ายกลอายุยืน! ค่ายกลอายุยืนที่ถูกบันทึกไว้ในตำราหมากล้อมโบราณ! เมื่อค่ายกลอายุยืนปรากฏ ทำลายล้างแปดทิศ! หมากขาวชนะแล้วจริงๆ! หมากขาวชนะแล้ว!”
เฟิ่งชังดีใจจนเสียงสั่น!
“ค่ายกลอายุยืนหรือ ค่ายกลอายุยืนที่ตำนานกล่าวว่าเป็ค่ายกลประหลาดที่สุด” หลี่หรงเต๋อจ้องกระดานหมากเขม็ง เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง!
นักเดินหมากคนอื่นๆ ที่มีทักษะค่อนข้างสูงพลันกระจ่างแจ้ง แต่ละคนลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น!
“เป็ค่ายกลอายุยืน! เป็ค่ายกลอายุยืนไม่ผิด!”
“์! แม่นางเฟิงถึงกับโยนค่ายกลประหลาดเช่นนี้ออกมาได้!”
“แม่นางเฟิง นาง...”
“นางได้รับเืใหม่หรือไร!”
“ตอบโต้ได้อย่างดุดัน!”
“ช่างเหนือความคาดหมายโดยแท้!”
“ชนะแล้ว! หมากขาวชนะแล้ว!”
“พวกเราชนะแล้ว!”
“แคว้นเป่ยเยียนชนะแล้ว!”
“ทรงพระเจริญ!”
“แคว้นเป่ยเยียนทรงพระเจริญ!”
“...”
เซวียนหยวนเช่อหยิบกาสุรา รินเองดื่มเอง เขาดื่มสุราติดๆ กันสามจอก มุมปาก ในแววตาและคิ้วตาล้วนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ชนะแล้ว!
นางชนะแล้วจริงๆ!
เขาไม่ได้มองนางผิด!
นางสร้างความประหลาดใจให้กับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า!
อยากจะเหินกายไปชุมนุมหมากล้อมในตอนนี้จริงๆ...
อยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าหลังจากนางได้ชัยชนะจากการเดินหมากแล้ว คิ้วตา ริมฝีปากที่โค้งขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ ยังมีรอยยิ้มของนางอีก รอยยิ้มที่สว่างไสวเจิดจ้าราวกับแสงตะวัน เขาเพิ่งพบว่า ที่แท้รอยยิ้มของนางได้สลักลึกลงในหัวของเขาแล้ว มันค่อยๆ สลักลึกลงไปในหัวใจของเขา ลบอย่างไรก็ลบไม่ออก!
ด้านนอกท้องพระโรง ไท่จื่อน้อยนั่งเท้าคางอยู่บนบันไดหิน กระบอกตาทั้งคู่แดงก่ำ ไม่พูดไม่จา
ลั่วเฟิงและซิงกู่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่รู้จะปลอบโยนเขาอย่างไร
“เ้าพูด!”
“เ้าพูดก่อน!”
“เ้าพูดก่อนดีกว่า!”
ทั้งสองคนเกี่ยงกันไปมา
ไท่จื่อน้อยเอ่ยปากขึ้นก่อนว่า “ข้าไม่เป็ไร ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว”
ทันใดนั้น มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากในท้องพระโรง ลั่วเฟิงและซิงกู่หันไปมองด้วยความประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
“หรือการเดินหมากสิ้นสุดลงแล้ว”
ไท่จื่อได้ยินเช่นนั้น น้ำตาไหลลงมาแหมะๆ อีก น้ำตาของเขาไหลลงมาเป็สาย
ลั่วเฟิงและซิงกู่เห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ร้อนใจ
ลั่วหยิ่งเดินออกมานอกท้องพระโรงในเวลานี้เอง เขาเดินเข้ามาหาเด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเร่งรีบ
ลั่วเฟิงเป็คนแรกที่เห็นเขา จึงวิ่งเข้าไปหาเขา “พี่ใหญ่ ท่านช่วยไท่จื่อขอร้องฝ่าาเถิด ให้ฝ่าาอนุญาตให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงรั้งอยู่ที่นี่! หาไม่แล้ว ไท่จื่อก็จะไม่ได้พบฮองเฮาเหนียงเหนียงอีก”
ลั่วหยิ่งยื่นมือออกไปลูบศีรษะของน้องชาย เขาพูดเสียงดัง “บอกข่าวดีกับพวกเ้าเื่หนึ่ง ฮองเฮาเหนียงเหนียงชนะแล้ว!”
ไม่มีเสียงกรีดร้องอย่างที่เขาคาดเอาไว้ เด็กน้อยทั้งสามพูดพร้อมกันว่า “ท่านโกหกใครกัน” สายตาที่มองมานั้นทำให้ลั่วหยิ่งหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาพูดเสียงหนักอีกครั้ง “ข้าพูดเื่จริง หมากขาวพลิกสถานการณ์! ฮองเฮาเหนียงเหนียงชนะ! ฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ต้องไปจากวังหลวงแล้ว!”
เด็กน้อยทั้งสามยังคงไม่เชื่อ
ลั่วเฟิงแบมือเล็กๆ ออกด้วยท่าทีของใต้เท้าตัวน้อย “พี่ใหญ่ พวกเราไม่ใช่เด็กอายุสามขวบซะหน่อย ท่านไม่ต้องโกหกพวกเราหรอก!”
ลั่วหยิ่งหน้ามืด เขายื่นมือออกไปดีดหน้าผากน้องชายครั้งหนึ่ง “ข้าจะโกหกพวกเ้าเพื่ออะไรกัน พวกเ้าไม่ได้ยินเสียงดีอกดีใจที่ดังออกมาจากท้องพระโรงหรือ หากฮองเฮาเหนียงเหนียงพ่ายแพ้จริงๆ พวกเขาจะดีใจเช่นนี้หรือ”
ไท่จื่อกระพริบตาปริบๆ เขากระพริบตาปริบๆ อีกครั้งแล้วลุกขึ้นจากบันไดหิน วิ่งกลับเข้าไปในท้องพระโรง!
ลั่วหยิ่งถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าว่างนักหรือไง เ้าเด็กตัวเหม็นนี่ ถึงกับกล้าสงสัยพี่ใหญ่ของเ้า”
ลั่วเฟิงร้องลั่น เขาะโขึ้นมาด้วยความดีใจ “ดีเหลือเกิน ไท่จื่อไม่ต้องแยกจากกับเสด็จแม่ของเขาแล้ว!”
ซิงกู่ร้องขึ้นอย่างดีใจเช่นกัน “พวกเรารีบเข้าไปหาไท่จื่อกันเถิด!”
คนทั้งสองเดินจับมือกันวิ่งเข้าไปในท้องพระโรง
ลั่วหยิ่งมองจากไกลๆ แล้วส่ายหน้าหัวเราะ น่าอิจฉาชีวิตในวัยเด็กที่ไม่ต้องกังวลอะไรจริงๆ!
ไท่จื่อน้อยวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในท้องพระโรง กระทั่งไปหยุดอยู่เบื้องหน้าเซวียนหยวนเช่อ “เสด็จพ่อ หมากขาวชนะแล้วจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เห็นกระบอกตาแดงก่ำของเขาและหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ เซวียนหยวนเช่อกวักมือเรียกเขามาข้างหน้า หลังจากใช้ท้องนิ้วเช็ดน้ำตาจนแห้งแล้ว เขาจึงพูดขึ้นช้าๆ ว่า “ใช่แล้ว หมากขาวชนะ! เย่เอ๋อร์ดีใจหรือไม่”
ไท่จื่อน้อยร้องลั่น เขากางแขนทั้งคู่ออกแล้วโถมกายเข้าไปในอ้อมกอดของเซวียนหยวนเช่อ “เสด็จแม่ทรงพระเจริญ! เสด็จพ่อทรงพระเจริญ!”
เซวียนหยวนเช่อยื่นมือออกไปตวัดร่างของบุตรขึ้นมานั่งบนเข่าทั้งคู่ของตน ในแววตาดำขลับนั้นปรากฏให้เห็นความอ่อนโยนและความรักอันมากมาย
ภายในห้องพิเศษ ตี้ เฟิ่งเฉี่ยนจ้องกระดานหมากเขม็ง นางใคร่ครวญครั้งแล้วครั้งเล่า นางยังคงไม่อยากเชื่ออยู่นั่นเอง ทั้งๆ ที่สถานการณ์ของตนอยู่ในขั้นที่เรียกว่ามิอาจแก้ไขได้ ถึงกับพลิกสถานการณ์กลับมาชนะ!
หมากก้าวนี้ ถึงขั้นเรียกได้ว่า หัตถ์เทพเ้า!
เวลาห้านาทีผ่านพ้นไป นางยังคงไม่เชื่อว่าตนเองถึงกับชนะแล้ว!
ที่แท้ยันต์โชคดีมีผลจริงๆ ด้วย!
ที่แท้แมลงวันน่ารำคาญตัวนั้น ถึงกับเป็ดาวนำโชคของนาง นางเกือบจะตบมันตายด้วยความวู่วาม!
หมากที่พลิกแพลงสถานการณ์ทุกอย่างก้าวนี้ ถึงกับเป็แมลงวันตัวหนึ่งที่ช่วยเหลือนาง นี่...นี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
นางได้แต่หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
ภายในห้องพิเศษ เทียน ซือคงเซิ่งเจี๋ยจ้องกระดานหมากเขม็งเช่นกัน เขาใคร่ครวญซ้ำไปซ้ำมา หมากก้าวนี้มาอย่างกะทันหัน และทำให้เขาพ่ายแพ้ยับเยิน!
ทั้งๆ ที่เขาชนะแน่แล้ว ไม่มีทางผิดพลาด ใครเลยจะรู้ว่าสถานการณ์จะพลิกกลับหมุนตาลปัตรหนึ่งร้อยแปดสิบองศา ชนะกลายเป็แพ้ นี่มันเหลือเชื่อ!
“ค่ายกลอายุยืนหรือ นางถึงกับสร้างค่ายกลอายุยืน! สตรีนางนี้ ทำให้คนประหลาดใจอย่างที่สุด!” ซือคงเซิ่งเจี๋ยตื่นตะลึง
ซือคงจวินเย่หน้าซีดเผือด “อาเซิ่ง เ้าแพ้แล้ว นี่ไม่ใช่เื่จริงกระมัง”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะเสียงขื่น “นี่เป็เื่จริง! ข้าแพ้จริงๆ! หากเป็การต่อสู้ที่อยู่ใน่กลางๆ ของเกม ข้ายังอาจจะยังมีวิธีทำลายค่ายกลอายุยืนของนางได้ แต่ตอนนี้ข้าทำอะไรไม่ได้แล้ว!”
ซือคงจวินเย่ไม่อาจยอมรับความจริงเื่นี้ได้ “เป็ไปได้อย่างไรกัน เหตุใดบนโลกนี้ยังมีคนที่ทำให้เ้าพ่ายแพ้ได้”
“ข้าไม่อยากเชื่อเช่นเดียวกัน แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า สตรีคนนี้อาจเป็ดาวหายนะในชีวิตของข้าก็เป็ได้! นางเป็คนแรกที่ทำให้ข้าพ่ายแพ้ และเป็คนแรกที่ทำให้ข้าแพ้โดยดุษฎี! หมากกระดานนี้ ข้าเล่นอย่างสะใจยิ่งยวด!” ซือคงเซิ่งเจี๋ยโยนหมากในมือทิ้ง แล้วหันไปบอกกับเด็กเดินหมาก “ประกาศผลเถิด ข้ายอมแพ้แล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้