หลังจากที่เขาเข้าใจในเคล็ดวิชาหยินหยางไร้เทียมทานแล้ว ิอวี่ก็มีสะพานแห่งหยินหยางที่เชื่อมโยงพลังงานระหว่างบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์กับเทวะ เพื่อเพิ่มความเร็วในการพัฒนา แต่มันก็แค่ทำให้พลังฝีมือของเขาก้าวหน้าขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สะพานแห่งหยินหยางก็เป็วิธีการเร่งการฝึกอย่างหนึ่ง ในระยะยาว ิอวี่จะได้รับประโยชน์มากมายจากมัน แต่ใน่ระยะเวลาสั้นๆ นี้ ระดับการฝึกของเขาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแน่นอน
เมื่อฝึกสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานสำเร็จ ิอวี่ก็น่าจะมีไพ่ไม้ตายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง
ถึงแม้เขาจะรู้วิธีการฝึกสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทาน แต่ก็ไม่รู้ว่าสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานจะมีหน้าตาอย่างไร ไม่รู้ว่าสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทานมันจะน่ากลัวแค่ไหน
“เ้าจะชิงอันดับอย่างนั้นหรือ?”
ซ่งหยวนหยวนเหมือนจะมองเห็นจิตต่อสู้ของิอวี่ นางเห็นความคิดในใจของเขาเลยถามแบบนี้ออกมา
ิอวี่ตะลึง เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถึงแม้หนึ่งในสามข้าอาจจะไม่มั่นใจว่าจะทำได้ แต่ว่าหนึ่งในสิบ ข้ารู้สึกว่าข้ายังพอมีโอกาสขอรับ”
เดิมทีนางควรที่จะให้กำลังใจ แต่หลังจากที่ซ่งหยวนหยวนได้ยินแล้วก็กลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ศึกหอคอยเลี่ยนถ่าหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน ถึงแม้จะเป็การเข้าร่วมของศิษย์ที่เข้ามาก่อนกำหนด แต่คิดอยากจะได้อันดับหนึ่งในสิบ มันก็ไม่ใช่เื่ง่าย”
“สายเลี่ยนหยียนของเรามีผู้าุโใหญ่ทั้งหมดสิบคน และศิษย์ของผู้าุโใหญ่แต่ละคนนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดาเลย อีกอย่าง นอกจากข้าแล้ว ยังมีผู้าุโใหญ่ที่แข็งแกร่งมากอยู่อีกสองคน ศิษย์ของพวกเขาสองคนนั้นก็จะประมาทไม่ได้เลย พลังฝีมือแต่ละคนล้วนแต่คือขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง ผู้มีความสามารถขอบเขตอมฤตขั้นที่สองล้วนแต่ติดหนึ่งในสิบทั้งนั้น แต่พวกเ้าสามคนเป็เพียงคนที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งเท่านั้นนะ”
พูดจบ ซ่งหยวนหยวนก็ทำได้แค่ยิ้มอย่างข่มขื่น
ที่ผ่านมา ศิษย์ของซ่งหยวนหยวนที่เข้าร่วมศึกหอคอยเลี่ยนถ่าไม่เคยได้อันดับดีๆ กับเขาเลย อย่างพวกหลิวฉี่หลิงที่อยู่ในตำหนักเมฆาเพลิงก่อนหน้านี้ ตอนที่เข้าร่วมศึกหอคอยเลี่ยนถ่า ยังได้อันดับแปดถึงสิบ
แต่พอเวลานานไป พวกหลิวฉี่หลิงที่อยู่กับซ่งหยวนหยวนกลับไม่ก้าวหน้าอีก จนหลุดออกจากสิบอันดับแรก และไม่มีใครติดหนึ่งในสิบเลย
ส่วนผู้าุโคนอื่นที่พลังฝีมือสู้ซ่งหยวนหยวนไม่ได้ ศิษย์ของพวกเขานั้นกลับเด่นดังขึ้นมาติดอันดับเ่าั้กันได้หมด และยึดอันดับมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ตัวของซ่งหยวนหยวนนั้นมีความสามารถสูงมาก เป็หนึ่งในสามผู้าุโที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ว่าศิษย์ของนางนั้นกลับไม่เป็หน้าเป็ตา ไม่สามารถ่ชิงผลประโยชน์อะไรให้กับนางได้เลย
พูดแล้วก็เหมือนโดนแกล้ง ผู้าุโใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง แต่กลับมีสายตา “ต่ำต้อย” รับศิษย์แต่ละคนไม่เอาไหน เื่การรับศิษย์ของซ่งหยวนหยวนนั้น นางแทบจะเงยหน้ามองใครไม่ได้เลย
ปีนี้พวกของหลิวฉี่หลิงนั้นมีขอบเขตอมฤตขั้นที่สามแล้ว ไม่สามารถเข้าร่วมศึกหอคอยเลี่ยนถ่าได้อีก เด็กเืใหม่ที่จะขึ้นมาแทนก็คือเิหยูเยียน ถังเฉิน แล้วก็ิอวี่
ซ่งหยวนหยวนให้ความสำคัญกับเิหยูเยียนที่สุด ถึงแม้นางจะมีอาณาจักรพลังแค่ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง แต่ว่านางมีพลังเวทและความเร็วในการฝึกฝน และยังมีวิธีการโจมตีที่แข็งแกร่งอีก มีจุดเด่นมากมายเต็มไปหมด
ต่อมาก็คือถังเฉิน ถึงแม้ความเร็วในการฝึกของถังเฉินจะไม่ได้เร็วเท่าเิหยูเยียน แต่เขามาจากตระกูลถังที่เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธลับ เขาฝึกการใช้อาวุธลับมาั้แ่เล็ก มีพลังสมาธิที่ว่องไวและเฉียบแหลม รูปแบบการต่อสู้ที่ละเอียดอ่อน มีพลังการใช้อาวุธลับที่เฉียบคม ถือเป็ผู้มีความสามารถที่หาได้ยาก
ส่วนคนสุดท้ายิอวี่ เขามีร่างนักรบที่สามารถควบคุมไฟแห่งเปลวเพลิงและความหนาวเหน็บแห่งน้ำแข็งได้ อยู่ในหมู่คนทั่วไปก็ถือว่าแข็งแกร่งมากที่สุดแล้ว แต่ว่าสำหรับซ่งหยวนหยวนแล้ว ต่อให้มีเปลวเพลิงและน้ำแข็งมันก็ยังไม่เชี่ยวชาญมากพอ พูดให้ตรงกว่านี้ก็คือ ทั้งสองอย่างมันยังไปไม่ถึงจุดที่เรียกว่า “พิสดาร”
ถึงแม้ิอวี่จะไม่ได้มีพร์และมีพลังเวทช่วยอย่างกับเิหยูเยียน และก็ไม่ได้มีพลังในการควบคุมอาวุธลับอย่างถังเฉิน แต่ก็ถือว่าเป็ผู้กล้าที่ผ่านเกณฑ์คนหนึ่ง
อีกทั้งจุดเด่นของิอวี่ที่แข็งแกร่งที่สุดคือความใจเด็ด นกที่โง่งุ่มง่ามก็ต้องบินก่อนเพื่อป้องกันความล่าช้า ไม่อย่างนั้นไม่มีทางบินไปได้ไกล
ซ่งหยวนหยวนประเมินเอาไว้ในใจแบบนี้ เิหยูเยียนนั้นน่าจะสามารถติดหนึ่งในสิบได้ หากเิหยูเยียนทำให้นางมีหน้ามีตากลับมาได้ นางจะตบรางวัลให้อย่างงามเลย
ิอวี่จับสังเกตสีหน้าท่าทางของซ่งหยวนหยวนอยู่ตลอด พูดตามตรงเลย เขาเหมือนจะมองอะไรออก
เหมือนว่าซ่งหยวนหยวนจะไม่มั่นใจในศิษย์ของตัวเองเท่าไรเลย แต่ศิษย์ของผู้าุโใหญ่คนอื่นกลับแข็งแกร่งมากกว่า ...
มันเลยทำให้ิอวี่อดไม่ได้ที่จะเริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง
“อย่าได้คิดมาก ชัยชนะที่แท้จริงคือคนที่เดินไปได้จนสุดทางเท่านั้น หากภายในห้าปี เ้าสามารถไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่สี่ได้ ข้าจะมอบอาวุธแห่งเทพที่เหมาะสมกับเ้าให้หนึ่งชุด” ซ่งหยวนหยวนพูดให้กำลังใจ
“มันแข็งแกร่งกว่ากระบี่อาวุธแห่งเทพของผู้าุโซูเยวี่ยหรือไม่ขอรับ?”
ิอวี่เหมือนถูกความแข็งแกร่งของอาวุธแห่งเทพดึงดูดไป
ซ่งหยวนหยวนกลับส่ายหน้า “เ้าคิดเยอะไปแล้ว ระดับไม่ได้แตกต่างจากของที่ซูเยวี่ยจะให้กับเ้านักหรอก แต่หากเ้าใช้อาวุธเทพของข้า จะทำให้เ้าปล่อยพลังอานุภาพออกมาได้ดีมากกว่า”
“เพราะอะไรหรือขอรับ?” ิอวี่พูดด้วยความสงสัย
“เพราะถึงแม้กระบี่เงาลวงตาของซูเยวี่ยจะแข็งแกร่ง แต่มันไม่เหมาะกับเ้าเลย”
น้ำเสียงของซ่งหยวนหยวนเริ่มจริงจัง “จุดเด่นของกระบี่เงาลวงตาคือความว่องไวและสง่างาม เน้นการพลิกแพลงเป็หลัก ถือว่าเป็อาวุธแห่งเทพที่ดีมากชิ้นหนึ่ง แต่ว่า การรุกโจมตีมันคือจุดเด่นของเ้า รูปแบบการต่อสู้ของเ้าคือการใช้รุกเพื่อรับ เป็รูปแบบการต่อสู้ที่แข็งกร้าว ดุดัน หากซูเยวี่ยมอบกระบี่เงาลวงตาให้กับเ้า ไม่เพียงไม่สามารถดึงจุดเด่นของเ้าออกมาได้ แต่มันยังเป็การทำร้ายเ้าอีกด้วย”
“อะไรนะ?”
ิอวี่ตะลึงมาก ก่อนหน้านี้เขาแค่นึกถึงความแข็งแกร่งของกระบี่เงาลวงตา แต่เขากลับไม่ได้นึกถึงปัญหาพื้นฐานเลย
แต่ซ่งหยวนหยวนกลับพูดออกมาได้อย่างตรงจุด แค่คำไม่กี่คำก็สามารถวิเคราะห์จุดแข็งของเขาออกมาได้แล้ว และยังวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งด้วย!
แค่คิดก็รู้ทันทีว่าที่ซูเยวี่ยทำก็เพื่อดึงดูดใจของิอวี่เท่านั้น ดังนั้นถึงได้ตั้งใจทิ้งะเิแบบนั้น แต่ซ่งหยวนหยวนนั้นดึงิอวี่กลับมาจากทางที่ผิด ดึงตัวเขามาอยู่กับนาง
“แต่ว่าตอนที่ผู้าุโใหญ่เลือกข้า ทำไมท่านถึงไม่บอกเหตุผลนี้ออกมาล่ะ แต่กลับพาตัวข้า ... ” ิอวี่เหมือนจะหลุดปากออกมา แต่พอพูดถึง่ท้ายๆ น้ำเสียงของเขาก็เบาลง
ซ่งหยวนหยวนแย่งตัวิอวี่มาเลย วิธีการของนางดูบ้าอำนาจมากและดูเสียมารยาท แล้วยังทำให้คนอื่นว่านางลับหลังด้วย
เมื่อเจอคำถามนี้ของิอวี่เข้าไป สีหน้าท่าทางของซ่งหยวนหยวนกลับนิ่งเงียบมาก นางเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ที่อยู่บนแท่นสูง ระหว่างเดินไปก็พูดอย่างเรียบง่ายว่า
“คนฉลาดอย่างไรก็ต้องมองออก และข้าก็ไม่ชอบอธิบายอะไรมาก”
หลังจากที่นางพูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้และโบกมือให้กับิอวี่ “เอาล่ะ อะไรที่ควรพูด ข้าได้พูดไปหมดแล้ว ข้ายังต้องฝึกวิชาต่อ เ้าไปเถอะ หากมีปัญหาหรือไม่เข้าใจตรงไหนค่อยมาถามข้าแล้วกันนะ”
ิอวี่มองไปที่ซ่งหยวนหยวน จากนั้นก็ยกมือคำนับแล้วก็ขอตัวลา
หลังจากออกมาจากตำหนักเมฆาเพลิง ในใจของิอวี่นั้นกลับไม่สามารถสงบได้เลยครู่ใหญ่
เขานั่งอยู่บนคอของเ้าวิหคัปีกมืด แล้วปล่อยให้ลมซัดเข้าหน้าและขบคิดอยู่นาน
ก่อนหน้านี้ิอวี่คิดมาตลอดว่า ซ่งหยวนหยวนเป็ผู้หญิงที่เร่าร้อน อารมณ์ขี้ฉุนเฉียว แต่พอลองได้ใกล้ชิดและััอย่างละเอียดแล้ว ลางสังหรณ์มันบอกกับเขาว่า ซ่งหยวนหยวนก็เหมือนตัวเม่น นางมีกำแพงมีความระวังตัวที่สูงมาก เปลือกนอกมีหนามอันแหลมคม แต่หากเอาหนามเ่าั้ออกมา ภายในจิตใจของนางนั้นกลับอ่อนโยนอย่างมาก
ซ่งหยวนหยวน เป็อาจารย์แบบไหนกันนะ?
ิอวี่ยิ้มแล้วส่ายหน้า เขากับซ่งหยวนหยวนยังรู้จักกันน้อยเกินไป คงต้องค่อยๆ เรียนรู้กันไปมากกว่านี้ล่ะมั้งถึงจะเข้าใจมากขึ้น?
เื่ที่เกิดขึ้นตอนเที่ยงของวันนี้มันลอยอยู่ในหัวของิอวี่ตลอดเวลา จนเขานั่งเ้าวิหคัปีกมืดกลับมาที่หอจิ้งโม่โดยไม่รู้ตัว
เ้าวิหคัปีกมืดพาิอวี่กลับมาถึงกลางเขาแล้วส่งเสียงพูดคุยกับิอวี่อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็ออกไปหาอาหารกิน
เ้านี่ ั้แ่มาถึงสายเลี่ยนเหยี่ยนก็ตื่นเต้นดีใจใหญ่ ความอยากอาหารของมันก็เพิ่มมากขึ้น ส่วนเื่ที่ว่ามันไปกินอะไรนั้น ิอวี่ไม่รู้เลย
ในเวลานี้ เหลือแค่ิอวี่เพียงคนเดียวเท่านั้น
เขายืนอยู่กลางเขา มองออกไปยังยอดเขาที่อยู่อีกด้านหนึ่ง และเห็นอาคารสีแดงที่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม อาคารหลังนั้นก็เหมือนเ้าของของมันอย่างเิหยูเยียน ดูลึกลับ ดูโดดเด่น เหมือนความฝัน ดูลำพองจนเอื้อมไม่ถึง
ได้ยินมาว่า เ้าแข็งแกร่งมาก เ้ามีพร์ในการฝึกวิชาที่สูงมากเลย
ิอวี่ยิ้มแสยะที่มุมปาก ทันใดนั้นเอง เขาก็พลิกข้อมือ แล้วกระบี่หวงฉวนก็ปรากฏออกมาในมือของเขา จิตสำนึกของกระบี่ที่น่าเกรงขามพุ่งออกมาจากดวงตาของิอวี่
จากนั้น ก็มีเคล็ดวิชากระบี่ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ตัวอักษรมันแวบเข้ามาในความคิดของิอวี่ทีละตัว
และเคล็ดวิชากระบี่ที่ว่านี้ก็คือ “กระบี่เจ็ดมรณา”!
หลังจากก่อนหน้านี้ิอวี่เอาชนะจี้เฟิงอวินได้แล้ว เขาก็ชิงเอากระบี่เจ็ดมรณามา เวลาว่างก็เอาออกมาอ่านเล่น และใช้ความจำที่แข็งแกร่งจดจำเพลงกระบี่เอาไว้จนหมด เพียงแต่ยังไม่มีเวลาไปทำความเข้าใจเท่านั้น
แต่หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนมันมีเวลามากพอที่เขาจะฝึก กระบี่เจ็ดมรณา ก็ถึงเวลาที่จะต้องฝึกแล้ว!
ในเวลานั้น ิอวี่ต้องเปิดสถานะหยินสูงสุดขึ้นมาแล้วใช้กระบี่ยมโลกสังหาร ถึงสามารถเอาชนะจี้เฟิงอวินที่ใช้กระบี่ห้ามรณาได้ หากกระบี่ห้ามรณาเป็กระบี่เจ็ดมรณา พลังอานุภาพที่ปล่อยออกมานั้นจะเหนือกว่ากระบี่ยมโลกสังหารหลายเท่าตัวเลย
พูดได้เลยว่า กระบี่เจ็ดมรณา ถือเป็ทักษะการต่อสู้เสวียนระดับกลางที่สุดยอดมาก!
“กระบี่เจ็ดมรณา ตัดขาดจากอารมณ์ทั้งเจ็ดในการสังหาร ไร้ยินดี ไร้ความโกรธ ไร้ความโศก ไร้ความกลัว ไร้ความรัก ไร้ความชั่ว ไร้ความปรารถนา! วิถีแห่งกระบี่มรณา คือกระบี่เดียวต้องหลั่งโลหิตได้!”
ความทรงจำจำนวนมากปรากฏอยู่ในหัวของิอวี่ เขาจับกระบี่หวงฉวนในมือและร่ายรำกระบี่ไปตามกระบวนท่าที่อยู่ในความทรงจำของเขาออกมา รอบแล้วรอบเล่า โดยไม่มีความหงุดหงิด หลงใหลไปกับมัน และเริ่มทำความเข้าใจมันอย่างเงียบๆ
ถึงแม้ิอวี่ยังไม่รู้เลยว่าอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้จะมีอะไรรออยู่ในศึกหอคอยเลี่ยนถ่า แต่ว่าเขาจะต้องเพิ่มกำลังการต่อสู้ให้กับตัวเอง มีเพียงแบบนี้ เขาถึงจะมีโอกาสฝ่าวงล้อมสังหาร มีโอกาสเข้าไปแช่สระเลี่ยนเหยียน และฝึกสัจธรรมเพลิงไร้เทียมทาน!
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ฝึกเพลงกระบี่ั้แ่หลังเที่ยงจนถึงตะวันตกดิน ความมืดกำลังจะมาถึง เพลงกระบี่ยังกวัดแกว่งอยู่อย่างต่อเนื่อง ลืมวันลืมคืน ลืมกินลืมนอน
