หมี่หลันเยว่กลับถึงบ้านก็เกือบเที่ยงวันแล้ว เช้านี้เธอจัดการเื่ต่างๆ สำเร็จไปมากมาย ความสามารถของตัวเองทำให้เธอพึงพอใจมาก แต่คนที่เธอรู้สึกขอบคุณมากที่สุดคงหนีไม่พ้นหลินเผิงเฟย การที่เธอสามารถลงมือทำได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ก็เป็เพราะหลินเผิงเฟยพูดถึงบ้านของครอบครัวเขานั่นเอง
"หลันเยว่ คิดอะไรอยู่ กินข้าวสิ"
หมี่หลันเยว่ตักข้าวเข้าปากคำหนึ่ง แต่สมองก็เริ่มคิดถึงเื่ต่างๆ จนหวังหย่วนฉิงต้องดีดหน้าผากเตือน
"อ๋อ กินอยู่ กินอยู่ค่ะ"
หมี่จิ้งเฉิงมองหน้าลูกสาวด้วยความเป็ห่วง เขารู้จักลูกสาวตัวเองดี ถ้าไม่มีเื่อะไรที่ทำให้เธอเป็กังวลเป็พิเศษ เธอคงไม่เป็แบบนี้ เื่เล็กๆ น้อยๆ ทั่วไป ลูกสาวเขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจ คงจะแก้ไขไปนานแล้ว
"หลันเยว่ มีอะไรก็พูดออกมา มีพ่อกับแม่อยู่นี่ทั้งคน จะปล่อยให้ลูกลำบากได้ยังไง"
หมี่จิ้งเฉิงมองหน้าลูกสาวแล้วแสดงความจริงใจออกมา
"ไม่ต้องหรอกค่ะพ่อ ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร หนูจัดการเองได้ ถ้าไม่ได้จริงๆ หนูค่อยมาขอความช่วยเหลือจากพ่อค่ะ"
หมี่หลันเยว่ไม่อยากหลอกพ่อกับแม่ แต่เธออยากเก็บเื่นี้ไว้ก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ต่อให้สำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าจะได้กำไรทันทีหรือเปล่า ถ้าขาดทุนขึ้นมา เธอคงกลัวพ่อกับแม่เป็ห่วง เลยอยากรอให้เื่คืบหน้าก่อน ค่อยบอกให้พ่อแม่รู้
"ก็ได้ จำไว้นะว่ามีพ่อแม่อยู่ทั้งคน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็เป็กำลังใจสำคัญของลูก อย่าคิดแต่จะแบกรับไว้คนเดียว คิดถึงพวกเราบ้าง"
ลูกสาวโตเกินวัยไปมาก เขากลัวว่าถ้ามีเื่อะไรเกิดขึ้น เธอจะไม่ยอมมาขอความช่วยเหลือจากเขาและแม่
"หนูรู้แล้วค่ะพ่อ พ่อวางใจเถอะค่ะ ถ้ามีเื่ยากจริงๆ หนูต้องบอกพ่อกับแม่อยู่แล้ว ยังไงซะ พ่อกับแม่ก็คือคนที่หนูรักที่สุด ถ้ามีปัญหา หนูจะไม่หาพ่อกับแม่ได้ยังไง ตอนนี้แค่มีเื่ที่ต้องจัดการ แต่ไม่ใช่ปัญหาอะไร พ่อสบายใจได้เลย ไม่ใช่เื่ยาก"
เห็นลูกสาวไม่อยากพูดต่อ หมี่จิ้งเฉิงก็ไม่ถามอะไรอีก แค่กำชับอีกครั้งว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกเขา เขายอมไม่ถามต่อเพราะรู้ว่าลูกสาวเป็คนมีความคิดเป็ของตัวเอง เธอไม่อยากพูด ก็ต้องมีเหตุผลของเธอ ถ้าเซ้าซี้มากๆ พูดโกหกจะน่ากลัวและทำร้ายจิตใจมากกว่าการปิดบังเสียอีก
หมี่หลันหยางมองท่าทีที่แน่วแน่ของน้องสาวแล้วกลืนคำพูดที่กำลังจะพูดกลับลงไป
"เอ๊ะ คนในครอบครัวเรามาอยู่ที่นี่กันหมด แล้วใครเฝ้าร้านล่ะเนี่ย"
หมี่หลันเยว่เอาแต่คิดเื่ในหัว เลยไม่ได้สังเกตคนที่อยู่บนโต๊ะ
หลังจากได้คุยกับพ่อแล้ว ตอนนี้เธอเริ่มมีสติมากขึ้น และพบว่าคนในบ้านมากินข้าวกันหมด ่ปิดเทอม ร้านหนังสือของที่บ้านเปิดขายทั้งวัน เลยต้องสลับกันกินข้าวเที่ยงกับข้าวเย็น ไม่งั้นร้านจะไม่มีคนเฝ้า แต่ตอนนี้คนทั้งห้าคนในครอบครัวมาอยู่ที่นี่กันหมด
"อ๋อ เผิงเฟยมา เขาช่วยพี่ชายลูกเฝ้าร้านอยู่ เขากินข้าวมาแล้ว แม่เลยไม่ได้เรียกเขามากินด้วย"
หวังหย่วนฉิงคีบกับข้าวให้ลูกสาว
"ลูกไม่ต้องเป็ห่วงเื่นั้นเื่นี้ทั้งวันหรอก กินข้าวเร็วๆ เถอะ อย่าทำให้พวกเราเป็ห่วงก็พอ"
คำพูดที่ฟังดูเหมือนตำหนิแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย ทำให้หมี่หลันเยว่อารมณ์ดีขึ้นมา รีบเก็บเื่ต่างๆ ไว้ก่อน แล้วตักข้าวกินอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็วางชามลง
"หนูไปดูร้านแล้วนะคะ เดี๋ยวพี่ชายช่วยพ่อแม่เก็บโต๊ะนะ"
รู้ว่าน้องสาวรีบร้อนอยากไปฟังข่าว หมี่หลันหยางรีบตอบรับ กลัวน้องสาวใจร้อนจริงๆ พอเขาพูดจบ น้องสาวก็วิ่งออกไปนอกบ้านแล้ว เขารีบะโสั่ง
"วิ่งช้าๆ หน่อย"
หมี่หลันเยว่จะยอมวิ่งช้าๆ ได้ยังไง ตอนนี้เธออยากก้าวไปอยู่ตรงหน้าหลินเผิงเฟยเลย
"พี่เผิงเฟย มาแล้วเหรอ เมื่อกี้ตอนฉันกลับมา ทำไมไม่เรียกฉันล่ะคะ"
หมี่หลันเยว่วิ่งเข้าไปในร้านหนังสือ คว้าเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งตรงหน้าหลินเผิงเฟย
"พี่เรียกแล้ว แต่เธอมัวแต่คิดอะไรก็ไม่รู้ ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปเลย หลันหยางเป็ห่วงก็เลยตามเข้าไปในบ้าน หลันหยางไม่ได้ถามเหรอ"
ที่แท้พี่ชายตามเข้าไปในบ้านใหญ่นี่เอง เธอเอาแต่คิดเื่ต่างๆ จนไม่ได้สังเกตจริงๆ
"อ๋อ เมื่อกี้เข้ามาแล้วฉันเอาแต่คิดเื่อื่น เลยไม่ได้ยินพี่พูด พี่เผิงเฟย รีบเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ เื่ที่คุยกันเป็ยังไงบ้าง คุณป้าต้องตกลงแล้วแน่ๆ ฉันรู้ว่าคุณป้าใจดีที่สุด ต้องตกลงแน่ๆ"
ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบ หมี่หลันเยว่ก็พูดคำตอบออกมาแล้ว ทำให้หลินเผิงเฟยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
"ทำไมเธอรู้ว่าแม่พี่ตกลงแล้วล่ะ พี่ก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ"
นี่มันน่าเบื่อเกินไป เขาอยากจะสร้างความประหลาดใจให้หลันเยว่แท้ๆ
"ก็พี่รีบร้อนมาั้แ่เช้าขนาดนี้ แถมตอนเห็นฉันสีหน้าก็ไม่ได้ดูเศร้าสร้อยอะไร ก็ต้องสำเร็จแล้วสิ ถ้าไม่สำเร็จ พี่คงดึงฉันไว้ั้แ่ตอนเข้าประตูแล้ว ไม่ปล่อยให้ฉันถามอะไรพี่หรอก"
โดนหมี่หลันเยว่พูดจนเกาหัวแกรก เด็กคนนี้นี่ฉลาดเกินไป ทำให้เขารู้สึกอ่อนแรง เพราะต่อหน้าเธอ เขารู้สึกโปร่งใสราวกับไม่มีความลับอะไรเลย
เห็นหลินเผิงเฟยทำหน้าหงอย หมี่หลันเยว่จึงรินน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง แล้วยื่นให้
"ดูพี่สิ เป็พี่ชายแล้วแท้ๆ ยังไม่รู้จักอดทน การจะเดาความคิดของพี่มันยากตรงไหน พวกเราสนิทกันมาห้าหกปีแล้ว ถ้าฉันเดาความคิดพี่ไม่ได้ พี่ควรจะร้องไห้มากกว่านะ เพราะนั่นแสดงว่าพวกเราไม่สนิทกัน"
ใช่แล้ว หลันเยว่ฉลาดอยู่แล้ว แถมยังเป็เพื่อนเล่นกับเขามาตั้งหลายปี การจะเดาความคิดของเขาได้ก็ไม่แปลกอะไร เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนหมด
"พี่ไม่ได้ไม่อดทน เธอแค่เดาออกหมดต่างหาก ก็เลยไม่แปลกใจอะไรเลย"
"จะไม่แปลกใจได้ยังไงกันคะ แค่เื่มันสำเร็จก็เป็เื่แปลกใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว พี่เผิงเฟยก็รู้ว่าตอนนี้เื่บ้านเป็เื่สำคัญ ถ้าบ้านของพี่คุยกันลงตัว ร้านของฉันก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว นี่ไม่ใช่เื่น่าแปลกใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหรอ"
ได้ยินหมี่หลันเยว่พูดแบบนั้น หลินเผิงเฟยก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที
"ใช่ๆ นี่เป็เื่ที่น่าแปลกใจจริงๆ การได้ช่วยเหลือเธอมันดีจริงๆ พี่หวังว่าร้านของเธอจะเปิดเร็วๆ นะ ถึงตอนนั้น พี่จะไปช่วยเธอที่ร้านด้วย"
เขาอาสาจะมาช่วยอย่างเต็มใจแบบนี้ มันดีเกินไปแล้ว เธอขาดคนจริงๆ
"ถ้าพี่เผิงเฟยอยากช่วยฉัน มันก็ดีเกินไปแล้ว หลังจากเปิดร้านแล้ว ยังไงก็ต้องมีพี่กับหย่งจิ้นช่วยอยู่ดี พี่วางใจได้เลยนะ เดี๋ยวถึงตอนนั้นฉันจะจ่ายค่าแรงให้พี่สองคนแน่นอน จะไม่ให้พวกพี่ทำงานเปล่าๆ เด็ดขาด"
"หลันเยว่พูดอะไรอย่างนั้น พี่ช่วยเธอก็เพราะอยากได้เงินเหรอ พวกเราเป็เพื่อนกัน เธอเป็น้องสาวของหลันหยาง พี่ก็ถือว่าเธอเป็น้องสาวตัวเองเหมือนกัน น้องสาวมีเื่อะไรให้ช่วย พี่จะยื่นมือให้แล้วต้องเก็บเงินด้วยเหรอ เธอก็มองพี่ใจแคบเกินไปแล้ว"
ไม่คิดว่าหมี่หลันเยว่จะพูดเื่เงินกับเขา ทำให้หลินเผิงเฟยรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย หรือเป็เพราะบ้านของเขาต้องเสียค่าเช่า หมี่หลันเยว่ถึงได้ตีตัวออกห่างจากเขากันนะ แต่ว่า นั่นมันบ้านที่คุณตาเหลือไว้ให้ ถึงแม้แม่จะบอกว่าอนาคตจะยกให้เขา แต่ตอนนี้เขายังพูดอะไรไม่ได้
"หลันเยว่ เธอคิดว่าหลังจากนี้พวกเราก็จะเป็แค่เ้าของบ้านกับผู้เช่า เธอจะต้องแบ่งทุกอย่างให้ชัดเจนกับพี่เหรอ"
หลินเผิงเฟยรู้สึกน้อยใจ เขาอยากจะช่วยหมี่หลันเยว่จริงๆ ไม่งั้นคงไม่พูดเื่ที่บ้านเขามีบ้านว่างออกมา
"พี่เผิงเฟย พี่คิดมากเกินไปแล้ว พวกเราเป็อะไรกัน พี่ให้ฉันเช่าบ้าน นั่นคือถือว่าช่วยฉันมากแล้ว พวกเราจะยิ่งสนิทกันมากกว่าเดิม ส่วนเื่ค่าแรง มันไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ แต่ว่า นั่นมันเื่ในอนาคต พวกเราค่อยคุยกันทีหลัง ไม่ใช่แค่พี่ แม้แต่พี่ชาย ฉันเองก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้เขาเหมือนกัน"
ได้ยินว่าเขาได้รับการปฏิบัติเหมือนกับหมี่หลันหยาง อารมณ์ของหลินเผิงเฟยก็ดีขึ้นมาบ้าง ไม่งั้นเขาจะรู้สึกเหมือนถูกกีดกันออกไป ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่ดีเอาเสียเลย เหมือนเพื่อนที่คบกันมาหลายปี จู่ๆ ก็กลายเป็คนแปลกหน้า
"ตอนนี้บอกเื่เช่าบ้านให้ฉันฟังได้หรือยัง"
เห็นว่าอารมณ์ของหลินเผิงเฟยไม่ได้สับสนอีกต่อไป หมี่หลันเยว่ก็เริ่มถามเื่สำคัญ เธอรีบร้อนมาเพราะเื่นี้แท้ๆ สุดท้ายกลับต้องเป็จิตแพทย์ให้เขาไปครึ่งวัน เฮ้อ บอกว่าเป็หนุ่มแล้ว แต่ก็ยังไม่โตเต็มที่จริงๆ
"ได้ๆๆ แม่พี่บอกว่าบ้านว่างๆ ก็ว่างเปล่าไปอย่างนั้น ถึงอย่างไงก็ไม่ได้ใช้ ตอนเธอจะใช้ ขอยืมไปใช้ก็ได้เลย แต่พี่ไม่ยอม เพราะพี่คิดว่าเธอก็คงไม่ยอมเหมือนกัน"
เพราะได้คุยกับหมี่หลันเยว่บ่อยขึ้น ทำให้รู้ว่าเธอเป็คนแบบไหน เธอไม่มีวันเอาเปรียบใครแน่นอน
"พี่ทำถูกแล้ว พี่เผิงเฟย นี่เป็ธุรกิจที่ฉันใช้หาเงิน จะใช้บ้านของคุณป้าเปล่าๆ ได้ยังไง"
หมี่หลันเยว่พูดว่าบ้านของคุณป้า ไม่ใช่บ้านของพวกพี่ ทำให้ระยะห่างกับหลินเผิงเฟยแคบลงโดยไม่รู้ตัว หนุ่มน้อยก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
"พี่ก็รู้ว่าเธอต้องพูดแบบนี้ พี่เลยพูดแบบนี้กับแม่ แม่พี่ก็บอกว่า ค่าเช่าก็ไม่ต้องเก็บเยอะแยะอะไร ค่าเช่าคนอื่นเขาเก็บกันเท่าไหร่ บ้านเราก็เก็บเท่านั้น"
เื่ราคา หมี่หลันเยว่ไม่รู้จริงๆ เื่นี้ คนที่ให้เช่าบ้านมีน้อยเกินไป
"แล้วบ้านคนอื่นเขาเช่ากันเท่าไหร่"
ตอนที่หมี่หลันเยว่ถามคำถามนี้ หมี่หลันหยางก็กลับมาที่ร้านพอดี
"ตอนพี่กลับมา พี่ก็คิดถึงเื่นี้เหมือนกัน เลยไปถามแถวๆ นั้นมา บ้านแบบบ้านเผิงเฟย โดยทั่วไปแล้วค่าเช่ารายปีจะอยู่ที่หนึ่งร้อยยี่สิบหยวน ค่าเช่ารายเดือนคือสิบสองหยวน"
ฟังราคาแล้วมันถูกจริงๆ ถ้าเทียบกับยุคหลังๆ คงไม่พอค่าเช่าห้องรวมนอนค้างคืนด้วยซ้ำ แต่ว่า สิบสองหยวนในยุคนั้น เกือบจะครึ่งหนึ่งของเงินเดือนพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้ว ต่อให้เงินเดือนสูง ก็ยังโดนหักไปหนึ่งในสาม นี่ไม่ใช่ราคาถูกเลยนะ ถ้าแค่เช่าห้องเล็กๆ อยู่ อาจจะจ่ายแค่ห้าหกหยวนก็อยู่ได้
"ใช่ ตอนที่พี่มา พี่ก็อ้อมไปถามราคามาเหมือนกัน ราคาเดียวกับที่หลันหยางถามมา"
ไม่คิดว่าเด็กผู้ชายสองคนจะไปถามราคาค่าเช่ามาด้วย ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกตาสว่าง นี่มันผู้จัดการระดับชั้นเยี่ยมชัดๆ ความคิดใช้ได้เลย
"ได้ งั้นพวกเราก็คิดราคาตามนี้แหละ พี่เผิงเฟย กลับไปบอกคุณป้า… ช่างเถอะ พรุ่งนี้ฉันไปเองดีกว่า จะได้ดูเป็การให้เกียรติด้วย แล้วก็ต้องเซ็นสัญญาเช่าอะไรด้วย"
เดิมทีหลินเผิงเฟยอยากจัดการเื่นี้ให้เสร็จเอง แต่พอได้ยินหลันเยว่พูดถึงสัญญา เขาก็ยอมแพ้ทันที
"ก็ได้ พรุ่งนี้พวกเธอไปบ้านพี่แล้วกัน เดี๋ยวพี่รอพวกเธออยู่ที่บ้าน"
เื่ก็ตกลงกันได้แล้ว หลันเยว่ก็ถามพี่ชายถึงสถานการณ์ของเขา หมี่หลันหยางหยิบใบที่เขาตรวจสอบแล้วออกมาให้หลันเยว่ดู รายละเอียดข้างบนถูกระบุไว้อย่างละเอียด หลันเยว่มองแล้วเข้าใจได้ทันที เธอไม่คิดจริงๆ ว่าเื่ราวจะราบรื่นได้ขนาดนี้
