ภายในเมืองซานเซียน มีทั้งรถม้าทั้งม้าเต็มถนน ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ไปมา
เสี่ยวจิ่วเข็นจั๋วอวิ๋นเซียนไปตามถนน ฉินตงหวู่อุ้มเสี่ยวเนี่ยนเดินตามอยู่ด้านข้าง
เนื่องจากชื่อเสียงของ ‘ไป๋เฮ่อ’ ถูกเกาะสามเซียนซ่อนเอาไว้ ดังนั้นคนที่รู้จักจั๋วอวิ๋นเซียนจริงๆ มีไม่มากนัก ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็มาถึงตรงทางเข้าหอเจินเป่า
ถึงแม้ ‘หอเจินเป่า’ จะตั้งอยู่ในเมืองซานเซียน แต่กลับมิใช่กิจการของเมืองซานเซียน แต่เป็ร้านของหอการค้าต้าทง ถึงอย่างไรเื่เฉพาะทางก็ควรมอบให้ผู้เชี่ยวชาญเป็คนจัดการ…แน่นอนว่าการเก็บภาษีในอัตราสูงลิ่วก็เป็สิ่งที่ขาดมิได้
หลังจากแสดงเทียบเชิญแล้ว พวกจั๋วอวิ๋นเซียนก็เข้าไปในหอเจินเป่าอย่างราบรื่น มิได้เจอกับเื่ยุ่งยากใดๆ
เพียงแต่เมื่อพวกเขาเข้าไปแล้ว ก็ถูกสายตาประหลาดมองมาจากด้านหลังพวกเขา เป็สายตาที่แฝงด้วยความสงสัยและดูแคลน
งานประมูลที่หอเจินเป่าครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก มิใช่งานที่ทุกคนจะมีคุณสมบัติเข้าร่วม อย่างน้อยต้องเป็ยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณ
ฉินตงหวู่เป็เพียงระดับหลอมิญญา ส่วนจั๋วอวิ๋นเซียนปิดบังพลังจึงจงใจปล่อยให้พลังิญญาอัสนีกัดกร่อนร่างกาย ดังนั้นไม่มีผู้ใดที่จะััถึงความผันผวนของพลังิญญาจากเขาได้
แน่นอนว่าทุกคนในงานล้วนเป็ผู้มีหน้ามีตาจึงไม่เผยด้านจิตใจคับแคบออกมา อีกทั้งแค่คนธรรมดาคนหนึ่งยังไม่มีค่าให้พวกเขาไปลองเชิง
เกาะสามเซียน…ชายหนุ่มชุดขาว…
เหมือนทุกคนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงเริ่มเข้าใจขึ้นมาทันที
……
“ไม่ทราบว่าท่านใช่คุณชายไป๋เฮ่อเ้าหอหลางฮ้วนหรือไม่?”
ทันใดนั้นมีสตรีวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วน แต่งหน้าสะสวยเดินมาหาจั๋วอวิ๋นเซียน นางกล่าวแนะนำตัวเองว่า “ข้าน้อยมีนามว่าจูหยวนหยวน เป็เถ้าแก่ของหอเจินเป่าแห่งนี้ คิดไม่ถึงว่าเ้าหอหลางฮ้วนที่ชื่อเสียงโด่งดังคนนั้นจะเป็เพียงชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง ข้าเสียมารยาทแล้ว…ฮิฮิๆ!”
“อะแฮ่ม”
เสียงหัวเราะของจูหยวนหยวนไม่น่าฟังเท่าไร แต่ด้วยมารยาท จั๋วอวิ๋นเซียนกับฉินตงหวู่จึงตอบกลับด้วยความเกรงใจ สำหรับเสี่ยวจิ่วกับเสี่ยวเนี่ยน พวกเขามิได้สนใจอีกฝ่าย
แต่ในเวลานี้เอง ก็มีคนอีกกลุ่มล้อมวงเข้ามา ผู้นำก็คือศิษย์สืบทอดทั้งสามของเ้าเกาะสามเซียน ศิษย์เ้าเกาะใหญ่ จี้ไป๋อี้ ศิษย์เ้าเกาะรอง เหลยหง ยังมีศิษย์เ้าเกาะสาม ฮั้วจิ่งสือ
เมื่อหลายวันก่อนมีการแย่งชิงเหมืองแร่ระหว่างเกาะสามเซียนกับเกาะเซวียนิ ทำให้พวกเขาต้องรักษาการณ์อยู่ที่เหมืองแร่ตลอด บัดนี้ขั้วอำนาจทั้งสองร่วมมือเป็พันธมิตรกันแล้ว พวกเขาจึงไม่ต้องไปอยู่สถานที่ที่ลำบากเช่นนั้นอีกแล้ว
“สหายน้อยไป๋เฮ่อก็มาแล้ว หายากยิ่งนัก!”
จี้ไป๋อี้ทักทายด้วยรอยยิ้ม ท่าทางของเหลยหงกับฮั้วจิ่งสือก็ค่อนข้างเป็มิตร
ในสายตาของยอดฝีมืออย่างพวกเขา ไป๋เฮ่อไม่เพียงมีภูมิหลังขาวสะอาด อายุก็ยังน้อย แต่มากความสามารถ อีกทั้งไม่มีอันตรายต่อพวกเขา จึงเป็คนที่พวกเขา้าเป็มิตรด้วย
“ไป๋เฮ่อคารวะใต้เท้าทุกท่าน”
จั๋วอวิ๋นเซียนประสานมือด้วยความเกรงใจ ฉินตงหวู่รีบเดินไปคารวะ
เหลยหงกล่าวเสียงดัง “คนกันเองทั้งนั้น มิต้องเกรงใจเช่นนี้ มาๆ พวกเราเข้าไปด้วยกันเถอะ
“แคกๆ!”
ฮั้วจิ่งสือแกล้งไอสองครั้ง ส่งสัญญาณบอกเหลยหงมิให้ทำตัวเด่นเกินไป
ถึงแม้สถานะของไป๋เฮ่อจะมิใช่ความลับ ทว่าการปรากฏตัวอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก
จี้ไป๋อี้หัวเราะออกมา “ศิษย์น้องฉินไม่เป็ไร อาจารย์อยากรับเ้าเป็ศิษย์ ต่อไปเ้าก็เรียกข้าศิษย์พี่่ก็พอแล้ว”
“น้องหญิงคารวะศิษย์พี่ทั้งสาม”
ฉินตงหวู่รู้ความตั้งใจของอีกฝ่าย แต่จั๋วอวิ๋นเซียนมิได้คัดค้าน นางก็มิอาจต่อต้านได้ ถึงอย่างไรเหมยซิ้งหงก็ดูแลนางไม่เลวเลย
เนื่องจากสถานะของจั๋วอวิ๋นเซียนค่อนข้างอ่อนไหว ทุกคนจึงไม่กล้าเสียงดังเกินไป ดังนั้นหลังจากพูดคุยกันเล็กน้อยก็ต่างแยกย้ายกันไป
……
จั๋วอวิ๋นเซียนกับฉินตงหวู่มาถึงหอชั้นสองห้องหมายเลขเจ็ดด้วยการเตรียมการของจูหยวนหยวน จุดนี้ไม่เลวนัก สามารถมองเห็นสถานการณ์ด้านล่างได้อย่างชัดเจน
ผ่านไปไม่นาน คนจากขั้วอำนาจต่างๆ ทยอยกันเข้ามา บรรยากาศยิ่งคึกคัก
ทว่าหลังจากสตรีชุดดำกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในหอ หอประมูลเงียบเสียงลงทันที บรรยากาศค่อนข้างแปลกประหลาด
สตรีด้านหน้ามีท่าทางเ็าและหยิ่งทะนง นางกวาดสายตามองรอบด้านอย่างเ็า…ทุกสายตาที่มองไป บุรุษไม่น้อยที่ใรีบก้มศีรษะลงไม่กล้าส่งเสียง
“เหอะ!”
สตรีเ็าคนนั้นยกมุมปากด้วยความดูถูก นางกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “พวกขยะ! บุรุษล้วนเป็ขยะทุกคน!”
“……”
บุรุษในหอต่างสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กลับไม่มีใครกล้าโต้เถียง แม้แต่พวกจี้ไป๋อี้ก็ทำได้แค่ยิ้มขมขื่น
จั๋วอวิ๋นเซียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “พี่ฉิน คนเ่าั้เป็คนของตำหนักเซวียนหนี่ว์หรือ?”
“นายน้อยกล่าวได้ถูกต้อง”
ในเวลาปกติ ฉินตงหวู่จะช่วยจั๋วอวิ๋นเซียนเก็บรวบรวมข้อมูลจึงคุ้นเคยกับทะเลล่วนซิงเป็ธรรมดา นางกล่าวแนะนำว่า “สตรีผู้นำเมื่อครู่นี้นั้นเป็ศิษย์คนที่สิบสองของตำหนักเซวียนหนี่ว์ มีนามว่าเหลิ่งเฟิ่งเซียน เล่าขานกันว่านางเคยถูกคนรักทอดทิ้ง จึงรังเกียจผู้ชายมาก”
“หืม?”
สายตาเ็าของเหลิ่งเฟิ่งเซียนหันไปมองทางห้องของจั๋วอวิ๋นเซียน
ถึงแม้เสียงของฉินตงหวู่จะไม่ดังมาก แต่ภายในหอเงียบกริบเช่นนี้ เสียงเบาเพียงใดก็สามารถได้ยิน ยิ่งไปกว่านั้นเหลิ่งเฟิ่งเซียนมีระดับพลังกำเนิดปราณขั้นสูงสุด
“นางสารเลว! รนหาที่ตาย!”
เหลิ่งเฟิ่งเซียนะโเสียงดัง นางใช้วิชากระบี่ฟันแสงเยือกเย็นไปทางฉินตงหวู่
“แย่แล้ว!”
ฉินตงหวู่สีหน้าเปลี่ยนไป ผู้คนรอบด้านล้วนตอบสนองไม่ทัน
“โครม!”
เกิดเสียงะเิดังขึ้น หน้าต่างห้องของจั๋วอวิ๋นเซียนะเิออกกลายเป็ฝุ่นควัน!
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า เหลิ่งเฟิ่งเซียนจะบ้าบิ่นเช่นนี้ ถึงกับกล้าลงมือในหอเจินเป่า
“บัดซบ…”
จี้ไป๋อี้โมโหมาก เหลยหงกับฮั้วจิ่งสือก็ลุกขึ้นมา
ความเป็ตายของฉินตงหวู่ไม่น่ากังวลเท่าไร แต่ไป๋เฮ่อมิอาจให้มีเื่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นพวกเขายากจะหลีกหนีความรับผิดชอบได้ หากเป็เช่นนั้นงานประมูลครั้งนี้คงไม่จำเป็ต้องจัดต่อแล้ว
น่าเสียดายที่พวกเขาสามคนอยู่ห้องอื่น จึงเตรียมตัวไม่ทันการณ์ คิดจะลงมือขัดขวางก็ไม่ทันแล้ว
……
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฝุ่นควันกระจายหายไป
เมื่อทุกคนหันไปมองจึงเห็นฉินตงหวู่ยังยืนสบายดีอยู่ที่เดิม เสี่ยวจิ่วกับเสี่ยวเนี่ยนหลบอยู่ด้านหลังของนาง ส่วนจั๋วอวิ๋นเซียนที่อยู่ด้านข้างถือโล่ทมิฬสีดำอันหนึ่ง
ที่แท้ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ จั๋วอวิ๋นเซียนกระตุ้นเกราะป้องกันของเกราะทมิฬปกป้องฉินตงหวู่เอาไว้ มิเช่นนั้นผลลัพธ์คงมิอาจคาดคิด
“หืม?”
สายตาของเหลิ่งเฟิ่งเซียนเผยความโกรธอีกครั้ง นางยังคิดจะลงมือต่อ…กลับคาดไม่ถึงว่ามีเงาหลายเงาขวางทางนางเอาไว้
จูหยวนหยวนเป็ฝ่ายเอ่ยปากก่อน นางกล่าวเตือนด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเหลิ่ง ที่นี่คือเกาะสามเซียน และที่แห่งนี้คือหอเจินเป่า เ้าคงมิได้คิดจะลงมือสังหารคนที่นี่กระมัง? พวกเราหอการค้าต้าทงมิใช่คนที่จะรังแกได้ง่ายๆ หรอกนะ!”
ถึงแม้ตำหนักเซวียนหนี่ว์จะแข็งแกร่ง แต่หากเกาะสามเซียนกับหอการค้าต้าถงคิดจะจัดการกับเหลิ่งเฟิ่งเซียน ซือเต้าหานก็ช่วยนางไว้มิได้
“เหอะ!”
เหลิ่งเฟิ่งเซียนไม่สนใจสิ่งใด ยังคงกล่าวด้วยท่าทางแข็งกร้าว “นางสารเลวคนนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าพูดจาสามหาว ข้าต้องสั่งสอนนาง!”
ขณะกล่าวจบเหลิ่งเฟิ่งเซียนก็ะเิพลังพุ่งไปทางฉินตงหวู่
