หลังจากที่ซุนเฟยออกมาจากสถานที่รับรองของคณะทูตเซนิท เขาก็ให้สุนัขั์สีดำ ‘ลมกรดทมิฬ’ มุ่งไปที่ ‘โรงเรียนแซมบอร์ด’ อย่างเร่งรีบ โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนที่เดินอยู่บนท้องถนนและกำลังมองมาด้วยความตกตะลึง เขา้าไปหาเกอเทอ บรู๊ค ผู้มีอำนาจทางการทหารของเมืองแซมบอร์ดที่ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับการเรียนการสอนในโรงเรียน
มีบรรยากาศกดดันบางอย่างที่ซุนเฟยค้นพบในสถานที่รับรองเมื่อครู่
มันทำให้ซุนเฟยรู้สึกได้ถึงอันตราย ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่อะไรก็ตามที่ทำให้องค์หญิงแห่งราชอาณาจักรเซนิทต้องเตรียมพร้อมป้องกันขนาดนี้ มันจะต้องไม่ใช่เื่เล็กแน่ๆ
ซุนเฟยจำเป็ต้องเตรียมพร้อม
‘โรงเรียนแซมบอร์ด’ ตั้งอยู่ที่คฤหาสน์ของอดีตเลขานุการบาร์เซิล นอกจากพระราชวังแล้ว ที่นี่เป็คฤหาสน์ที่โอ่อ่าและมีพื้นที่กว้างขวางครอบคลุมเมืองแซมบอร์ดที่สุด และยังมีสิ่งก่อสร้างมากมายคล้ายในเมือง คฤหาสน์หลังนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็มาหลายร้อยปีแล้ว ในซอกกำแพงหินสีขาวมีตะไคร่น้ำขึ้นในนั้น และยังมีเถาวัลย์เหี่ยวๆ สีเหลืองกระจายไปตามกำแพง มองไกลๆ ก็สวยงามไปอีกแบบ
ซุนเฟยได้ยินเสียงร้องของพวกเด็กๆ ดังลอดออกมานอกโรงเรียน
หลังจากที่เดินเข้าไปในโรงเรียนก็เห็นเด็กๆ มากกว่าหนึ่งร้อยคนที่เปลือยท่อนบนและกำลังฝึกมวยแบบง่ายๆ ตามแฟรงก์ แลมพาร์ด เด็กๆ ฝึกท่านั่งม้า ท่านั่งม้านี้เป็ความคิดของซุนเฟยและถูกนำมาเป็หนึ่งในหลักสูตรพื้นฐานของโรงเรียนแซมบอร์ด
พวกเด็กๆ ฝึกฝนด้วยท่าทางจริงจังมาก
หยาดเหงื่อไหลท่วมใบหน้าอ่อนเยาว์และทั่วร่างของพวกเขา มีบางคนที่ยืนขาสั่นแต่พวกเขาก็กัดฟันยืนหยัดเอาไว้ พวกเขาเป็เพียงลูกของชาวบ้านธรรมดา จึงเข้าใจถึงความเศร้าของชีวิตและสถานะทางสังคมที่ต่ำต้อยของพวกเขา การที่ได้รับโอกาสเล่าเรียนแบบนี้ถือว่าเป็สิ่งที่โชคดีที่สุดแล้ว ดังนั้น หาก้าเปลี่ยนโชคชะตาของครอบครัวและตัวเอง พวกเขาจะต้องพยายามมุ่งมั่นอย่างหนัก จะเกียจคร้านไม่ได้
แลมพาร์ดสะพายดาบั์ไว้ที่หลังของตัวเอง คอยกวาดสายตามองไปที่ร่างของเด็กๆ ทีละคน เมื่อไรก็ตามที่การเคลื่อนไหวของพวกเขาผิด แลมพาร์ดก็จะคอยปรับแก้ให้ถูกต้อง อดีตยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองแซมบอร์ดผู้เงียบขรึมคนนี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ชอบเื่ของการเมืองและเื่ของการทหาร ดูเหมือนไม่มีอะไรที่น่าสนใจ แต่สำหรับการสอนเด็กเล็กๆ เหล่านี้ เขากลับมีท่าทีสนใจเอามากๆ บวกกับเขามีเวลาว่างมากมาย ดังนั้นจึงกลายเป็หัวหน้าผู้สอนของโรงเรียนแซมบอร์ด รับหน้าที่ฝึกสอนแทบจะเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ด้วยชื่อเสียงของอดีตยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองแซมบอร์ดและพลังของนักรบสามดาว ทำให้เขากลายเป็อาจารย์ที่ได้รับความนิยมที่สุดของโรงเรียนนอกเหนือจากซุนเฟย
“ครูใหญ่ สวัสดี!”
เมื่อเห็นซุนเฟยเข้ามา สายตาของพวกเด็กๆ ก็พากันเป็ประกายด้วยความตื่นเต้นดีใจก่อนจะหยุดฝึก จากนั้นก็ยืดกายตรงอย่างสง่างาม ก่อนจะทำความเคารพด้วยการวันทยหัตถ์
“อืม สวัสดีนักเรียน!”
ซุนเฟยทักทายกลับ
เขาพยายามทำให้ตัวเองดูน่าเกรงขามขึ้น นอกจากนี้ยังมีการวันทยหัตถ์กลับไปอีกด้วย
การกระทำของทุกคนตรงหน้าต่างเป็กฎที่ซุนเฟยกำหนดให้กับโรงเรียนแซมบอร์ด เขาหน้าหนาพอที่จะขโมยความคิดของการฝึกทหารของมหาวิทยาลัยโลกเก่ามาใช้ การทำความเคารพแบบนี้มันไม่ซับซ้อนและยังเรียบง่าย เมื่อประกาศใช้แล้วก็ได้รับความนิยมจากเด็กๆ อย่างมาก ซึ่งทำให้ซุนเฟยรู้สึกพึงพอใจอย่างมากอีกครั้ง
แม้กระทั่งให้พวกเด็กๆ เรียกซุนเฟยว่าครูใหญ่ นี่ก็คือกฎเช่นกัน เมื่อก้าวเข้ามาในโรงเรียนแซมบอร์ดแล้ว ไม่ว่าจะเป็ใคร มีฐานะโดดเด่นนอกโรงเรียนอย่างไร แต่เมื่ออยู่ที่นี่ ฐานะทุกคนจะเหมือนกัน นั่นคือนักเรียนและครู
“ฝึกกันต่อเถอะ!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของซุนเฟย พวกเด็กๆ ก็เริ่มฝึกท่านั่งม้าที่เป็ท่าพื้นฐานการฝึกต่อมวยแบบง่ายๆ บนใบหน้าเล็กๆ ของเด็กทุกคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะะโออกมาเสียงดังขณะที่ฝึกฝน พวกเขาก็แค่อยากแสดงท่าทางต่อหน้าครูใหญ่สักท่าเท่านั้น หากจะบอกว่าแฟรงก์ แลมพาร์ดเป็ครูที่พวกเขาชื่นชอบที่สุด ถ้าอย่างนั้นซุนเฟยคงเป็วีรบุรุษในใจของพวกเขาทุกคน เป็องค์าาที่สูงส่งและเป็ผู้แข็งแกร่งที่น่าเคารพในโลกนี้ ซุนเฟยเห็นการแสดงท่าทางตรงหน้า เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองได้ชนะใจพวกเด็กๆ และกลายเป็วีรบุรุษในความฝันของเด็กๆ หลายคนไปแล้ว
“ท่านอาแลมพาร์ด ลำบากท่านแล้ว”
ต่อหน้าแฟรงก์ แลมพาร์ด ซุนเฟยจะแสดงท่าทางเคารพนับถือ นักรบสามดาวคนนี้เป็พี่น้องร่วมสาบานของาาองค์ก่อน และยังดูแลใส่ใจอเล็กซานเดอร์มาตลอดเหมือนกับเบสท์ ซุนเฟยจึงถือว่าทั้งสองคนคือญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง
“ฝ่าา!” แลมพาร์ดพยักหน้า บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นออกมา
เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ความแข็งแกร่งของซุนเฟยเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เขาไม่สามารถคาดการณ์ระดับความแข็งแกร่งของซุนเฟยว่าเขาอยู่ในระดับไหน แต่อย่างน้อยที่พอจะแน่ใจได้คือ ความแข็งแกร่งของเขาต้องมากกว่าสามดาว ไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองก็คงจะล่วงรู้ได้แล้ว
“ท่านอาแลมพาร์ด เด็กพวกนี้เป็อนาคตของเมืองแซมบอร์ด ถ้าโรงเรียน้าอะไรก็ส่งคนไปแจ้งท่านอาเบสท์ได้เลย
ถือเป็คำสั่งของข้า...” ซุนเฟยมองไปยังเด็กๆ ที่อยู่ด้านหลังประตูเหมือนกระต่ายที่กำลังมองแครอท เขาพูดพลางหัวเราะว่า “ข้าอยากให้พวกเด็กๆ โตขึ้นเร็วๆ”
แลมพาร์ดยิ้มพลางพยักหน้า ก่อนจะนึกบางอย่างได้แล้วพูดออกมา “ฝ่าา ตอนนี้โรงเรียนไม่ขาดเหลืออะไร หากจะขาดก็คงเป็อาจารย์และคัมภีร์ฝึกวิชา ในบรรดาเด็กพวกนี้มีบางคนที่มีพร์ไม่เลวเลยจริงๆ พร์ด้านคุณสมบัตินักรบก็ครบถ้วน โดยพื้นฐานแล้ว คุณสมบัติของคลื่นพลังจะมีอยู่ห้าประเภท นั่นคือ ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน อีกทั้งยังมีต้นกล้าชั้นดีที่เหมาะแก่การฝึกเวทมนตร์ แต่น่าเสียดายที่คัมภีร์คลื่นพลังของราชวงศ์ในเมืองแซมบอร์ดตอนนี้มีจำกัด มีเพียงคัมภีร์คลื่นพลังระดับหนึ่งดาวอยู่สี่ห้าเล่ม และคัมภีร์คลื่นพลังระดับสองดาวก็มีเพียงสองสายนั่นคือ น้ำและไฟ แต่ทั้งข้าและบรู๊คต่างเป็นักรบคลื่นพลังธาตุน้ำ ดังนั้น...”
ซุนเฟยเข้าใจแล้ว
จำนวนบุคคลากรอาจารย์มันเป็ปัญหาจริงๆ
บนแผ่นดินอาเซรอทมีอาชีพมากมายและวิธีการฝึกฝนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกคนต่างมีพร์ที่ไม่เหมือนกัน พรสรรค์และแนวทางการฝึกจะต้องมีทิศทางไปทางเดียวกันไม่ว่าจะเป็การฝึกคลื่นพลังหรือเวทมนตร์ ถึงจะประสบความสำเร็จในการฝึก ไม่อย่างนั้น หากแนวทางการฝึกฝนไม่สอดคล้องกับพร์ ไม่เพียงแต่ไม่อาจเพิ่มความแข็งแรงได้ ในทางตรงกันข้าม อาจทำให้ร่างกายเสียหายหรือเจ็บป่วยเรื้อรังด้วย
“ข้าจะคิดหาแนวทางเื่นี้อีกที!”
ซุนเฟยกล่าวลาแลมพาร์ด จากนั้นก็เดินไปหาเกอเทอ บรู๊คที่กำลังฝึกเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป ร่างกายของเด็กผู้หญิงอ่อนแอกว่าเล็กน้อย ซุนเฟยไม่ได้้าให้พวกเด็กผู้หญิงต้องมาฝึกหนักอย่างเข้มงวดแบบเด็กผู้ชาย ดังนั้นจึงให้บรู๊คสอนความรู้ด้านทฤษฎีทางการทหารที่เรียบง่าย นี่คือสิ่งที่บรู๊คมีความเชี่ยวชาญเป็พิเศษ แม้ว่าตัวเขาไม่ได้มีพลังร้ายกาจอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมอบความรู้พื้นฐานแก่พวกเด็กๆ ได้อยู่
แต่สถานการณ์นี้ก็ทำให้ซุนเฟยตระหนักถึงความสำคัญของการหาอาจารย์
ในระหว่างที่เด็กผู้หญิงกำลังเรียก ซุนเฟยก็เห็นหลุยส์ลูกสาวของเพียร์ซกำลังเรียนอยู่ เมื่อเด็กคนนี้สลัดคราบเปื้อนฝุ่นมอมแมมออก ก็เผยให้เห็นอารมณ์ความเยือกเย็นของนางออกมา ทำให้ซุนเฟยสังเกตเห็นนางที่อยู่ในบรรดาเด็กสาวสี่สิบกว่าคนได้ ซุนเฟยถูกเด็กสาวล้อมรอบเพื่อสอบถามเื่เล็กๆ น้อยๆ จากนั้นซุนเฟยหาโอกาสเรียกบรู๊คให้มาจัดการเื่บางอย่าง
เมื่อได้ยินซุนเฟยพูดจบ สีหน้าของบรู๊คก็เปลี่ยนไปทันที
“ฝ่าา จริงๆ แล้ว...”
“ไม่ว่าจะเป็ความจริงหรือไม่ก็ตาม นับจากวันนี้เป็ต้นไป เ้าต้องสั่งการให้ทหารเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่ต้องสงสัย คนที่กล้าก่อความไม่สงบ ไม่ว่ามันจะเป็ใคร ก็ต้องพามันไปขังไว้ใน ‘ห้องมืด’ ก่อน...จำไว้ โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งเดินทางมาที่เมืองแซมบอร์ดเร็วๆ นี้ เ้าจะต้องตรวจสอบภูมิหลังของมันให้อย่างชัดเจน ถ้ามันไม่เชื่อฟัง ให้ไล่มันออกจากเมืองไปเสีย”
คราวนี้ซุนเฟยเลือกที่จะใช้วิธีรุนแรง
บรรยากาศกดดันเคร่งเครียดที่เขาได้พบในสถานที่รับรองของคณะทูตเซนิทมันทำให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างมาก บางทีเมืองแซมบอร์ดอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันตรายใหญ่หลวงอีกครั้ง และอันตรายในคราวนี้อาศัยแค่ความแข็งแกร่งของเมืองแซมบอร์ดตอนนี้คงไม่อาจรับมือได้ บางทีมันอาจจะอันตรายมากกว่าตอนที่พวกเกราะดำยกทัพมาล้อมเมืองก่อนหน้านี้เสียอีก
บรู๊ครับคำ เขาหันหลังจะเดินออกไปทำตามคำสั่ง
“รอเดี๋ยว...” ซุนเฟยพลันเรียกให้เขาหยุด ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ยังมีอีกเื่ สั่งการให้ทหารเพิ่มความระมัดระวังตัวใน่นี้ เข้าเวรทั้งกลางวันและกลางคืน ในขณะเดียวกันก็แจ้งให้ชาวบ้านในเมืองเตรียมตัวไว้ให้ดี หากสถานการณ์ไม่ดี รีบให้พวกเขาหลบหนีออกจากเมืองชั่วคราว”
สีหน้าของบรู๊คเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำสั่งแบบนี้ เขาตระหนักได้ถึงความจริงจังของเื่นี้
“ไปเถอะ ข้าหวังว่าข้าแค่คิดมากไปเท่านั้น”
……
……
ในตอนที่ออกมาจากโรงเรียนเมืองแซมบอร์ด
มีผู้คนเดินบนท้องถนนน้อยมาก
ซุนเฟยขี่หลัง ‘ลมกรดทมิฬ’ ให้มันพาเดินกลับไปที่พระราชวังอย่างช้าๆ สุนัขั์สีดำตัวนี้ไหวพริบดี มันเดินช้าๆ ปล่อยให้ซุนเฟยที่นั่งขมวดคิ้วอยู่บนหลังของมันได้ครุ่นคิดถึงเื่ราวที่ได้พบในวันนี้เพื่อหาเงื่อนงำสักเล็กน้อย ทว่าเขาก็ไม่อาจหาเบาะแสพบ เพียงรู้สึกว่าเมืองแซมบอร์ดมีเงามืดปกคลุมอยู่ แต่อันตรายมาจากที่ไหน แล้วทำไมถึงมา คิดจนหัวแทบแตกก็ไม่พบเบาะแสเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่กำลังเดิน ซุนเฟยก็พลันคิ้วกระตุก
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันตรายบางอย่าง ดูเหมือนว่าตัวเองจะถูกสัตว์ร้ายที่อยู่ในเงามืดจับตามองอยู่ ความหนาวเย็นพุ่งเป้ามาที่เขา
“มีบางคนสะกดรอยตาม?”
ในใจของซุนเฟยพลันกระตุกเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร เพียงตบสะโพกสุนัขั์สีดำเบาๆ
เ้าสัตว์เลี้ยงตัวนี้มันฉลาดมาก เพียงชั่วครู่มันก็เข้าใจความหมายของซุนเฟย แม้ว่ามันจะไม่แสดงท่าทางอะไร แต่ก็แอบเปลี่ยนทิศทางไปยังซอยคับแคบที่ลับตาคน
ซอยแคบนี้อยู่ใกล้กับที่ทิ้งขยะของเมืองแซมบอร์ด กลิ่นเน่าเหม็นอบอวลไปทั่ว ทุกที่เต็มไปด้วยแมลงสาบและหนู ซุนเฟยขี่ ‘ลมกรดทมิฬ’ ให้เดินลึกเข้าไปในซอยคับแคบนั้นอีกสามสิบกว่าเมตร จากนั้นก็ะโลงจากสุนัขั์สีดำแล้วตบศีรษะของมันเพื่อบอกให้เดินไปข้างๆ และยืนอยู่ที่นั่น
สิบวินาทีต่อมา
แสงสีส้มกะพริบอยู่ในซอยที่มืดเล็กน้อย ทุกที่ที่เปลวไฟผ่าน โคลน กำแพง ก้อนหินก็จะเปลี่ยนไป กลายเป็สิ่งที่เหนียวหนืด
จากนั้นก็มีเื่มหัศจรรย์เกิดขึ้น เมื่อเขาเห็นโคลนสีเหลืองรูปร่างเหมือนคนเดินออกมาจากกำแพง เปลวไฟกระจายตัว โคลนสีเหลืองก็พลันเปลี่ยนรูปร่างเป็บุรุษที่มีรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งตรงหน้าซุนเฟย
“เ้าจงใจพาข้ามาที่นี่?”
ใบหน้าของบุรุษคนนั้นแสดงท่าทางหยอกล้อ ท่ามกลางซอยมืดมิด ร่างของเขาเหมือนกั้นขวางซุนเฟยจากโลกภายนอก เขาแผ่กลิ่นอายที่แข็งแกร่งออกมาอย่างไม่ปิดบัง ขณะที่ดวงตาจ้องมองมาที่ซุนเฟย รังสีฆ่าฟันกระจายออกมาประหนึ่งเขื่อนทะลัก
---------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้