หลังจากที่ยุ่งมาหลายวันชีวิตของหยางเฉินก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติเฉียงเวยยุ่งอยู่กับการปรับโครงสร้างกองกำลังฝ่ายตะวันตกใหม่เหมือนกับราชินีที่ยิ่งใหญ่ เธอกำจัดผู้นำและสมาชิกที่ไร้ประโยชน์และประเมินแผนใหม่ตามที่เธอวางแผนไว้ ในจุดอื่นๆตงซิ่งจากตะวันออกนั้นมีลูกสมุนค่อนข้างมากนอกจากความหวังดีที่แสดงออกกับเฉียงเวยแล้วการเคลื่อนไหวอย่างอื่นก็ไม่ได้มีอะไรมากราวกับว่าพวกเขายอมรับหัวหน้าคนใหม่ของฝั่งตะวันตกเรียบร้อยแล้ว
เธอส่งซีถูิซื่อไปในประเทศที่ไม่ค่อยโดดเด่นในฝั่งยุโรปเหนือที่นั่นมีคู่รักสูงวัยที่หูหนวกและเป็ใบ้ จะเป็คนดูแลเขาไปตลอดชีวิตพวกเขาไม่ได้มีเงินมากมายแต่ก็เพียงพอที่เขาจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปบ้านที่อยู่ไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็เพียงพอสำหรับเขาให้เขาวางโซฟาและโทรทัศน์
หลังออกจากจีนเขาได้ยินเสี่ยวจ้าว บอกว่าซีถูิซื่อขอร้องให้เฉียงเวยไม่ส่งเขาไปที่อื่นเขาบอกว่าถ้าเขาไป เขาต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่เฉียงเวยไม่ยอมใจอ่อนเธอรู้ว่าการตัดสินใจของเธอสำคัญแค่ไหน
ในที่สุดเื่นี้ก็จบลง
หลี่จิงจิงเชิญหยางเฉินไปหาเธอบอกกับหยางเฉินว่าหลังจากที่แม่เขี่ยตระกูลเจี่ยงออกไปแล้วหล่อนก็เริ่มมองหาผู้ชายคนใหม่สำหรับเธอ เื่นี้ทำให้จิงจิงปวดหัวเป็อย่างมาก
สำหรับเจี่ยงซั่วกับเจี่ยงเม้งพ่อของเขาั้แ่พวกเขาได้วิดีโอจากบุคคลลึกลับ พวกเขาก็ระแวงระวังตัวมากขึ้นทุกครั้งที่พวกเขาเห็นหลี่จิงจิงที่โรงเรียน เขา 2คนก็จะอมยิ้มเสมอเหมือนสัตว์เลี้ยงเชื่องๆและพยายามประจบแจงเธอ แต่หลี่จิงจิงก็แกล้งทำตัวเหมือนไม่รู้เื่อะไร
ถังถังเด็กสาวที่อยู่ปีสามของโรงเรียนนี้เธอชอบโทรมารบกวนหยางเฉินเป็ครั้งคราว เธอถูกควบคุมโดยแม่ของเธอและไม่สามารถออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนได้ สิ่งนี้ทำให้หยางเฉินรู้สึกอยากหัวเราะออกมาดังๆสำหรับผู้หญิงที่ทำตัวแก่แดดนั้น สุดท้ายเธอก็เรียนรู้ที่จะเชื่อฟังในที่สุด
บริษัทอวี้เหล่ยกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่หลินรั่วซีกลับมาพร้อมกับงานแฟชั่นฤดูใบไม้ร่วงพวกพนักงานต่างต้องรีบทำงานกันอย่างหนัก เพราะบริษัทแฟชั่นอันดับหนึ่งนี้ ไม่อาจผลิตผลงานชุ่ยๆออกมาได้
อย่างไรก็ตามท่ามกลางความวุ่นวายกลับมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ในแผนกประชาสัมพันธ์มีเพียงหยางเฉินเท่านั้นที่เป็ผู้ชายเฉินป๋อเพิ่งจะลาออกไปด้วยเพราะงานประชาสัมพันธ์นี้ไม่เหมาะกับเขาและเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปทำงานที่สำนักพิมพ์ งานบรรณาธิการดูจะเหมาะกับบุคลิกของเขามากกว่า
หยางเฉินเข้าใจดีน้องสาวเฉินป๋อ เฉินหรง เธอเป็ผู้สืบทอดของเฉียงเวยและเป็คนรับ่ต่อจากเฉียงเวยในอนาคตเวลานี้ปัญหาของครอบครัวนั้นได้รับการแก้ไขแล้วและเขาก็ไม่จำเป็ต้องทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อนอีก
ก่อนที่เขาจะลาออกเฉินป๋อแสดงความขอบคุณกับหยางเฉินด้วยคำพูดมากมายทั้งน้ำตาในตอนสุดท้ายเขายังมอบคำอวยพรให้กับหยางเฉิน
การจากไปของเฉินป๋อไม่ได้ทำให้บรรยากาศในออฟฟิศโศกเศร้ามากนักอาจเป็เพราะเขาไม่ค่อยมีตัวตนสักเท่าไหร่ั้แ่หลิวิอวี้ขึ้นมาเป็หัวหน้าของแผนกประชาสัมพันธ์เธอก็กลายเป็คนบ้างานและไม่ค่อยได้มาตั้งวงพูดคุยกับเพื่อนคนๆ อื่นในแผนกพวกผู้บริหารก็ต้องวางมาดแบบนี้แหละ
สำหรับโม่เชี่ยนนีที่ไปทำงานที่แผนกการเงินแล้วมีโอกาสน้อยมากที่หยางเฉินจะพบกับเธอ พวกเขาบังเอิญเจอกันที่ลิฟต์บ้างแต่พวกเขาก็ไม่ได้ทักทายกัน
ความเ็าของโม่เชี่ยนนีทำให้หยางเฉินรู้สึกเสียศูนย์เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ไปใส่ใจอะไรมันมาก
เมื่อหญิงสาวแสนสวย้าความช่วยเหลือชายหนุ่มผู้หล่อเหลาก็ได้เข้ามาช่วยเหลือเธอ เขาต้องเตรียมหน้าอกเอาไว้ให้เธอซบและทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเธออยู่กับเขา เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วต่างคนก็ต้องกลับไปในที่ของตัวเอง นั่นคือความสัมพันธ์ที่หยางเฉินรู้สึก
หยางเฉินไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกับภรรยาที่แสนดีของเขาตอนที่อยู่ภายในบริษัทซีอีโอสาวแสนเ็านั้น ปฏิเสธการมีอยู่ของเขาโดยสิ้นเชิง
คืนนั้นหลินรั่วซีพูดออกมาเองว่าเธอ้าเป็ภรรยาที่ดีซึ่งหยางเฉินจะต้องไม่หนีไปจากเธอ แต่ไม่คาดคิดหลังจากหยางเฉินกระตุ้นเธอด้วยคำพูดที่ว่า “อยู่ข้างในตัวคุณ”แต่เธอกลับเปลี่ยนไป
เธอซึ่งมีความคิดที่ใสบริสุทธิ์ดูเหมือนจะโกรธเกรี้ยวเป็อย่างมาก จากมุมมองของเธอ ความคิดของหยางเฉินสกปรกเกินทนดังนั้นหลินรั่วซีจึงกลับมารักษาระยะห่างอีกครั้ง ถ้าหยางเฉินไม่พูดอะไรหลินรั่วซีก็จะไม่สนใจเขาดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงกิจกรรมที่จะทำให้พวกเขาใกล้ชิดกัน
เธอยังคงนิ่งเฉยทั้งวันและทุกวันเธอคลุกตัวอยู่แต่ที่ทำงาน หนังสือเรียน 2 เล่มที่หลินรั่วซีซื้อมาก็ยังคงถูกวางทิ้งไว้ที่ชั้นหนังสืออย่างไม่ไยดี
“คุณยัง้าให้เราเป็คู่รักที่หวานชื่นอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
หลินรั่วซีตอบอย่างตรงไปตรงมา “ใช่”
“แล้วทำไมคุณต้องทำาเย็นกับผมด้วย?”
หลินรั่วซีตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันกำลังเร้าอารมณ์อยู่”
“...”
หยางเฉินรู้สึกว่าถ้าเขา้าตอบสนองความ้าทางเพศของเขา ด้วยร่างกายของหลินรั่วซีเขาคงเหลือความหวังอยู่น้อยนิดใน่ชีวิตนี้
ในระหว่างวันนี้การทำงานค่อนข้างเป็ไปอย่างสบายมาก นอกจากการหยอกเล่นกับสาวๆกับทำเื่ตลกไร้สาระแล้ว หยางเฉินก็เล่นเกมทั้งวัน เขาเริ่มหัดเล่นเกมวอร์คราฟต์และรู้จักกับหยวนเย่ และมันก็ไม่ใช่แค่การเล่นเกมอีกต่อไปแล้ว
หยวนเย่นั้นมีความพยายามอย่างน่าเหลือเชื่อเขาฝึกต่อสู้กับหยางเฉินในเกมออนไลน์ทุกวัน
ด้วยข้อได้เปรียบของหยางเฉินมันเป็อะไรที่ง่ายมากที่หยางเฉินจะเอาชนะหยวนเย่ อย่างไรก็ตามหยางเฉินมักจะวางกลยุทธ์ไว้ตามจุดต่างๆซึ่งนั้นก็ทำให้เกมสนุกมากยิ่งขึ้น และมันทำให้หยวนเย่มีโอกาสชนะมากขึ้นด้วย
หยวนเย่ชื่นชมทักษะที่ยอดเยี่ยมของหยางเฉินจากใจจริงเขาคิดถึงคำพูดของหยางเฉินที่คอยแนะนำเขาในอดีต ในตลอดการต่อสู้หยวนเย่ก็ตอบโต้อย่างกล้าหาญเขา้าเป็เพื่อนกับหยางเฉินอย่างแท้จริงเขามักจะมีเด็กมีปัญหาที่ร่ำรวยอยู่รอบตัวแต่ถ้าพูดถึงเพื่อนแท้นั้นมียิ่งกว่าน้อย
หยางเฉินเริ่มรู้สึกว่า หยวนเย่ก็ไม่ได้เป็ตัวสร้างปัญหาเหมือนลูกเศรษฐีคนอื่นๆ หยวนเย่อาจจะทำอะไรบ้าๆไปบ้าง แต่ั้แ่หยวนเย่แสดงทัศนคติที่เป็มิตรออกมาเขาก็ยอมรับหยวนเย่เป็เพื่อนไปแล้ว และทั้งคู่ก็สนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น
เมื่อถึง่เวลาสุดท้ายของการทำงานในวันศุกร์หยางเฉินก็แค่จบเกมสุดท้ายของวันกับหยวนเย่
หยางเฉินกล่าวคำอำลากับหยวนเย่ทางMSN
“พี่หยางวันที่ 9 เดือนหน้าเป็วันเกิดของผมผมอยากจะเชิญพี่มาปาร์ตี้กันที่บ้าน”
หยางเฉินลังเลจากที่เขารู้มาเื้ัของหยวนเย่เป็ตระกูลที่ร่ำรวยมากแม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกกดดันกับเื่นี้แต่เขาเองก็ไม่อยากมีปัญหากับใครสุ่มสี่สุ่มห้า
หยวนเย่ดูเหมือนจะเข้าใจในความกังวลของหยางเฉินดังนั้นเขาจึงส่งข้อความมาว่า
“อย่ากังวลไปเลยพี่หยางผมเชิญแค่เพื่อนสนิทกับคนในครอบครัวบางคนมาเท่านั้น ไม่ใช่คนที่พี่ไม่ชอบหรอก”
ั้แ่เขาพูดเื่นี้ขึ้นมามันก็ไม่ใช่เื่ดีที่หยางเฉินจะปฏิเสธเขา ดังนั้นหยางเฉินจึงรับปากและจากนั้นจึงกล่าวลากับหยวนเย่
หยางเฉินปิดคอมและในขณะที่กำลังจะเดินออกจาออฟฟิศจ้าวหงเยี่ยนที่นั่งใกล้กับหยางเฉินก็เอ่ยถามเขาขึ้นมาทันทีว่า
“หยางเฉินนายมีแผนจะทำอะไรหลังเลิกงานหรือเปล่า?”
“ไม่มีนะมีอะไรหรือเปล่า?”
จ้าวหงเยี่ยนพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ั้แ่การเลื่อนขั้นของพี่ิอวี้ทุกคนก็ดูยุ่งอยู่ตลอด และพวกเราก็ยังไม่ได้จัดฉลองให้เธอ คืนนี้จางไช่และฉันวางแผนไว้ว่าจะไปที่บลูเบอร์รี่บาร์เพื่อไปฉลองให้พี่ิอวี้และพวกเราอยากชวนนายไปด้วย อีกอย่างพวกเราเป็กลุ่มผู้หญิงหมดเลยและมันดูน่าเบื่อถ้าหากไม่มีผู้ชาย นอกจากนี้มันจะปลอดภัยกว่าด้วยถ้ามีผู้ชายอยู่ในกลุ่ม”
ไม่เพียงแค่หยางเฉินจำได้ว่าพวกเขายังไม่ได้จัดฉลองให้กับการเลื่อนตำแหน่งของหลิวิอวี้แค่เห็นสายตาอ้อนวอนของสาวสวย รอบๆ ตัว เขาก็พบว่ามันยากมากที่จะบอกปฏิเสธดังนั้นเขาจึงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากโทรไปที่บ้านบอกป้าหวังหยางเฉินมองเห็นหลิวิอวี้เดินออกมาจากที่ทำงานด้วยชุดลำลอง เธอแต่งหน้าอ่อนๆใส่เสื้อคอกลมคอวีและกระโปรงขาว ดูอ่อนหวานและงดงาม
หลิวิอวี้สังเกตเห็นว่าหยางเฉินจ้องมาที่เธอเธอรู้สึกชอบใจกับสายตานั้นและถามออกไปว่า
“ฉันดูดีหรือเปล่า?”
“หัวหน้าแผนกหลิวสวยเป็อันดับ1 ของแผนกประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว”หยางเฉินพูดติดตลก
“อย่าเรียกฉันว่าหัวหน้านอกเวลางานนะฟังไม่เข้าหูเลย” หลิวิอวี้หรี่ตามองเขาจากนั้นก็เดินไปสมทบกับสาวๆ คนอื่นที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส
บลูเบอร์รี่บาร์จัดว่าเป็หนึ่งในบาร์ที่มีชื่อเสียงทุกสุดในเมืองจงไห่จากการตกแต่งอย่างหรูหราและราคาที่เหมาะสมจึงเป็ที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนทำงาน
นี้เป็ครั้งแรกที่หยางเฉินมาที่นี่เขาเดินตามเพื่อร่วมงานสาวทั้ง 7 คนเข้าไปข้างในมีแต่สายตาอิจฉาและไม่พอใจจากผู้ชายมองมาเป็เพราะเพื่อนร่วมงามของเขาแต่ละคนก็สวยสะดุดตาทั้งนั้นแต่ละคนแต่งตัวกันมาแบบจัดเต็มและสวยตามสไตล์ของพวกเธอ บางคนดูสาว สดใสมีชีวิตชีวาบางคนดูสวยแบบผู้ใหญ่ สง่างามพวกเธอจะไม่ใช่สาเหตุที่สายตาของหมาป่าทั้งหลายหันมาจับจ้องกันได้อย่างไร?
หลังจากที่พวกเขานั่งลงที่โซฟาบริเวณหัวมุมของบาร์พวกเขาก็สั่งเครื่องดื่มมามากกว่า12ขวดโดยไม่กลัวเมากันเลยแม้แต่น้อย สาวๆถอดเสื้อโค้ตออกแล้วเริ่มเลือกเครื่องดื่มที่ตัวเองชอบทันที
เขาว่ากันว่าผู้หญิง 3 คนอยู่ด้วยกันมันก็มากพอแล้วที่จะพูดได้ทั้งคืน แต่นี่อยู่ด้วยกันถึงเจ็ดจนบทสนทนาของพวกเธอสามารถยาวนานได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดเลยทีเดียว พวกเธอทั้งดื่มทั้งกิน เพียงเวลาไม่กี่อึดใจ ใบหน้าพวกเธอก็แดงปลั่งกัน
หยางเฉินยกขวดวอดก้าขึ้นดื่มั้แ่เขาขาดสติเพราะดื่มมากเกินไป ั้แ่นั้นเป็ต้นมาเขาก็คอยระมัดระวังเื่การดื่มอยู่เสมอ
ในระหว่างที่สาวพูดคุยหัวเราะกันชายหนุ่มหน้าตาดี ใส่เสื้อเชิ้ตติดกระดุมบนและใส่ต่างหูก็เดินมาที่โต๊ะของพวกเขาเขาทักจ้าวหงเยี่ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ หยางเฉินว่า
“พี่สะใภ้บังเอิญจัง”
จ้าวหงเยี่ยนหัวเราะแห้งๆเธอมองไปที่ชายคนนั้นและพูดด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็ธรรมชาติว่า
“โอ้เสี่ยวฮุย บังเอิญจริงๆ เลย เธอมาดื่มที่นี่ด้วยเหรอ?”
“ผมนัดเจอกับแฟนที่นี่เธอดื่มไปมากและกำลังไปเข้าห้องน้ำ เธออาจจะต้องใช้เวลาสักครู่ไม่งั้นผมคงไม่กล้ามาทักพี่สะใภ้อย่างนี้หรอก เดี๋ยวแฟนผมหึงเอา”ผู้ชายคนนั้นยิ้มออกมาด้วยท่าทางซุกซน
จางไช่มองมาและถามขึ้นว่า “หงเยี่ยนนั่นใครน่ะ?”
จ้าวหงเยี่ยนแนะนำอย่างเชื่องช้าว่า
“คนนี้คือน้องชายของสามีของฉันเองชื่อ หยูฮุย”
หลังจากหยูฮุยกล่าวทักทายทุกคนอย่างอบอุ่นแล้วเขาก็หันไปถามจ้าวหงเยี่ยนว่า
“พี่สะใภ้พี่ได้บอกพี่ชายผมหรือยังว่าออกมาดื่มกันคืน?”
จ้าวหงเยี่ยนหน้าซีดเธอเม้มปาก พยายามยิ้มตอบออกมาว่า
“ดูเหมือนจะลืมโทรบอกเขาโชคดีจริงๆ ที่ได้เธอมาเตือน เดี๋ยวฉันไปโทรหาเขาก่อนนะ”หลังจากพูดจบเธอก็รีบลุกจากโซฟาออกไปอย่างรวดเร็วและเดินออกไปจากบลูเบอร์รี่บาร์อย่างว่องไว
หยูฮุยยิ้มอย่างชั่วร้ายในชั่วอึดใจหลังจากพูดคุยกับคนอื่นสักพัก เขาก็ขอตัวออกไปตามจ้าวหงเยี่ยนด้านนอก
หลิวิอวี้กับคนอื่นๆนั้นเริ่มที่จะเมากันแล้ว แต่ในเวลานี้พวกเธอก็มองหน้ากันเลิกลักและไม่คิดจะดื่มอีกต่อไป พวกเธอคิดว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแต่แต่มันคงจะเป็เพียงความเข้าใจผิดเล็กน้อย
หยางเฉินทำเสียงขึ้นจมูกเขาวางขวดเหล้าวอดก้าและพูดกับคนอื่นๆ ว่า "เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกไปสูดอากาศสักครู่นะครับดื่มกันต่อได้เลย"