“นี่...” ซูจิ้งเซียงคิดจะพูดบางอย่าง แต่ถูกซูเฟยซื่อใช้สายตาปรามไว้
ในสมองเหลือเพียงประโยคหนึ่งที่ซูเฟยซื่อเพิ่งพูดกับนาง แสวงหาความมั่งมีศรีสุขในยามวิกฤติ
แสวงหาความมั่งมีศรีสุขในยามวิกฤติ สถานการณ์นี้ย่อมต้องเป็เช่นนั้น ไม่ว่าอวี้เสวียนจีจะน่ากลัวมากเพียงไร นางก็ต้องติดตาม
“ไป” อวี้เสวียนจีโบกมือสั่งทันที พาซูจิ้งเซียงกับเหล่าขันทีกลับไปอย่างอลังการ
เห็นอวี้เสวียนจีจากไป นางแซ่หลี่จึงกล้าพูดจา “นายท่าน ข้า...”
“ลากนางออกไป” ซูเต๋อเหยียนเพียงเหลือบมองนางแซ่หลี่เพียงครู่ ก็คิดถึงความอัปยศที่แสดงออกต่อหน้า จนถูกอวี้เสวียนจีลบหลู่ ไหนเลยจะอารมณ์ดีได้อีก
“นายท่าน ข้ารับใช้ท่านมานานหลายปีขนาดนี้ ผลงานน้อยใหญ่ไม่เคยบกพร่อง นายท่าน...” นางแซ่หลี่ถูกคนยิ่งลากยิ่งไกล น้ำเสียงเศร้าสลดเรียกจนผู้คนใจแตกสลาย
ซูเฟยซื่อเพียงยิ้มเ็าโดยพลัน อย่าคิดว่าจะจบลงแค่นี้ คราวหน้าต้องทำให้นางแซ่หลี่กระทั่งไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
ในระยะเวลาสั้นๆ จวนอัครมหาเสนาบดีเกิดเื่มากมายขนาดนี้ ทำเอาซูเต๋อเหยียนรู้สึกเหมือนแก่ตัวลงไปมาก สายตาที่มองซูเฟยซื่อก็ยิ่งอ่อนโยนตามไป “เอ้อ เฟยซื่อ หลายปีมานี้พ่อมัวแต่ยุ่งเื่ประชุมการปกครองบ้านเมืองจนละเลยเ้าไป หวังว่าเ้าจะไม่ถือโทษโกรธ”
“ท่านพ่อพูดอะไร เฟยซื่อเป็บุตรสาวของท่านพ่อตลอดไป” ซูเฟยซื่อลอบยิ้มเ้าเล่ห์ทำตัวเชื่อฟัง
วาจารอบนี้ของซูเต๋อเหยียนได้เพ่งเล็งนางแล้ว ทิ้งซูจิ้งเซียงไปหนึ่งคน แล้วเพิ่มซูเฟยซื่อเข้ามา สำหรับเขาแล้ว ก็นับว่าไม่ขาดทุน
“อืม เ้าวางใจได้ ภายหน้าพ่อต้องดูแลเ้าเป็อย่างดี ตอนนี้จวนอัครมหาเสนาบดีเหลือเพียงเ้ากับเถียนเอ๋อร์ หาก้าอะไรก็บอกบิดาคนนี้ แล้วข้าจะจัดหามาให้” ซูเต๋อเหยียนกุมมือซูเฟยซื่อกล่าวอย่างจริงใจ
ซูเฟยซื่อเพียงฟังก็แทบอยากอาเจียน
หากกล่าวว่าแสร้งทำ ในจวนอัครมหาเสนาบดีนี้ ผู้ที่เสแสร้งได้แเีที่สุด เห็นจะมีเพียงซูเต๋อเหยียนแล้ว ช่างน่าชื่นชมสุดพรรณนา
“ข้าอาศัยอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างสุขสบาย ท่านพ่ออย่าได้กังวลใจ กลับเป็ท่านพ่อเสียอีก หากมีอะไรให้ช่วยในภายหน้า ขอเพียงเอ่ยปากมา เฟยซื่อเติบโตขึ้นแล้วย่อมสามารถแบ่งปันความกังวลของท่านได้เ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อยิ้มหวาน
สิ่งที่ซูเต๋อเหยียน้าก็เป็ประโยคนี้ อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยความพอใจ “วันนี้เ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“ถ้าเช่นนั้นเฟยซื่อก็ขอตัวลาเ้าค่ะ” กล่าวจบ ซูเฟยซื่อรีบหันจากไป
เพิ่งก้าวเข้ามาในเรือนก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆ นางจำกลิ่นหอมนี้ได้ นี่เป็ของอวี้เสวียนจี
นางรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นอวี้เสวียนจีนั่งพิงเก้าอี้ที่นางนั่งประจำกำลังดื่มชาตามที่คาด ซางจื่อคอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ อย่างระมัดระวัง
“ท่านอ๋องเก้าพันปีลดตัวลงมาดื่มชาในเรือนซอมซ่อของข้า นี่ช่างบั่นทอนชีวิตข้าจริงๆ” ซูเฟยซื่อหาที่นั่งลง สั่งชาสักถ้วย “ซีอ๋องล่ะ? ไม่เข้ามาดื่มสักถ้วยหรือ?”
ความหมายของวาจา แล้วซีอ๋องล่ะ ทำไมกลายเป็เ้ามาสู่ขอ?
อวี้เสวียนจีกลับไม่รังเกียจที่ซูเฟยซื่ออ้อมค้อมแบบนี้ “ข้าซึ่งเป็อุปราชกลับแปลกใจ ถ้าข้าไม่ได้ปรากฏขึ้น เ้าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร”
มือของซูเฟยซื่อที่ถือถ้วยชากลายเป็แข็งทื่อ อวี้เสวียนจีกลัวว่าซีอ๋องจะทำให้สถานการณ์มีแต่จะแย่ลง เขาจึงออกโรงเอง? เพื่อนางหรือ?
นางเงียบไปสักพัก “เป็เฟยซื่อที่โง่เขลาเอง”
“เป็ความจริงที่ผลลัพธ์นี้ไม่ขัดใจทั้งสองฝ่าย แต่เ้าลองคิดดูว่า หากซูจิ้งเซียงได้ยินบทสนทนานี้ นางจะคิดอย่างไร?” อวี้เสวียนจีจิบชาทีละคำๆ นัยตาหงส์มีเสน่ห์ราวกับปีศาจ
เดิมซูจิ้งเซียงก็ไม่ไว้ใจนาง บวกกับสถานการณ์ในตอนนั้น ถ้านางได้ยินที่พวกนางกำลังคุยกันอยู่นี้ ซูจิ้งเซียงต้องรู้สึกว่าซูเฟยซื่อกำลังวางแผนให้ร้ายนางแน่
เมื่อถึงเวลานั้นนางคงออกมาพูดประจานเหมือนที่ทำกับนางแซ่หลี่ ทว่าซูเฟยซื่อไม่เหมือนนางแซ่หลี่ที่มีซูจิ้งโหยวเป็ที่พึ่ง หากนางทำความผิดสักครั้ง ความดีทั้งหมดที่สั่งสมมาก็ล้วนเป็โมฆะ
คิดถึงตรงนี้ ซูเฟยซื่อพลันรู้สึกสันหลังเย็นวาบ ไม่คิดว่าตนเองเพิ่งเฉียดตายจากริมผามาเมื่อครู่ เป็อวี้เสวียนจีที่ช่วยนางอีกครั้ง
อวี้เสวียนจี คนที่บอกว่าจะไม่ช่วยนาง แต่กลับช่วยเหลือนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความรู้สึกอบอุ่นใจเช่นนี้ กระทั่งชาติที่แล้วนางก็ไม่เคยมีมาก่อน
เพราะมีคนคอยช่วยเหลือแบกรับอยู่เื้ั ไม่ว่าจะทำสิ่งใด ก็ล้วนไม่ต้องกลัวหรือกังวลใจ
ไม่ต้องกลัวหรือ? วาจาแบบนี้ ั้แ่ไหนแต่ไรล้วนเป็นางที่คอยพูดกับคนอื่น
“ซูเฟยซื่อขอบคุณท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อกล่าวด้วยความจริงใจ
อวี้เสวียนจีกลับหยักมุมปากขึ้นอย่างดูถูก “ข้าเป็ขุนนางทรราชตัวเอ้ซึ่งไม่ชอบฟังคำสรรเสริญและขอบคุณเป็ที่สุด ถ้าคุณหนูสามไม่อยากเป็ดรุณงามชีวิตสั้น คราวหน้าก่อนช่วยผู้อื่นควรพิจารณาความสามารถของตนให้ถี่ถ้วนก่อน ข้าไม่ได้อารมณ์ดีแบบนี้เสียทุกครั้ง”
หลังจากกล่าวจบ อวี้เสวียนจีไม่ได้รั้งอยู่นาน วางถ้วยชาลง ก็หายตัวไปจากห้องแล้ว
“วิทยายุทธ์เป็เลิศ” ซูเฟยซื่อหรี่ตาพลางทอดถอนใจ “ซางจื่อ เื่วันนี้จำเป็ต้องปล่อยข่าวออกไป ให้ทุกคนรู้หมดก็ยิ่งดี แม้แต่ในตำหนัก หลังจากนั้นติดตามสถานการณ์ในตำหนักเป็พิเศษ ข้าอยากรู้จะนักว่าทั้งซูจิ้งโหยวและซ่งหลิงซิวจะเคลื่อนไหวอย่างไร”
หากซูจิ้งโหยวรู้เื่นี้เข้าต้องโกรธจนแทบะเิ แต่ที่นางอยากรู้มากกว่าคือ การตอบสนองของซ่งหลิงซิว
เขาคิดจะสถาปนาซูจิ้งโหยวเป็ฮองเฮามาตลอด ทว่าหากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายในจวนอัครมหาเสนาบดีติดๆ กันเช่นนี้เล่า
สาวงามกับแผ่นดิน ตามความเข้าใจของนางที่มีต่อซ่งหลิงซิว เขาย่อมต้องไม่เลือกสาวงาม
ในตำหนักเสียนโหย่ว ซูจิ้งโหยวขมวดคิ้วแน่น กำลังรอนางกำนัลที่ส่งไปสืบข่าวด้วยความร้อนใจ
“พระสนม ไม่ดีแล้วเ้าค่ะ เช้าวันนี้ในที่ประชุมราชสำนัก มีขุนนางหลายคนถวายฎีกาว่านายหญิงมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ให้ฮ่องเต้ยกเลิกความคิดที่จะสถาปนาท่านเป็ฮองเฮา ไปโปรดปรานพระสนมหวินแทนเ้าค่ะ” นางกำนัลวิ่งรุดเข้ามา แม้แต่ถวายคำนับก็ไม่สนใจแล้ว
“แล้วฝ่าาทรงตรัสว่าอย่างไร?” ั้แ่ที่เื่นั้นแพร่ออกมา นางก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางระดับชั้นผู้ใหญ่ต้องมีปฏิกิริยาดังกล่าว จึงไม่แปลกใจเลย นางเพียงสนใจเพียงคำตอบของซ่งหลิงซิว
“ฝ่าา...” นางกำนัลก้มศีรษะลง อยากกล่าววาจาแต่ไม่พูดอีก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปฏิกิริยานี้เป็เหมือนสายฟ้าฟาดใส่กลางใจของซูจิ้งโหยวโดยตรง นางอดร้อนใจไม่ได้ “รีบบอกมา”
ขอบตาของนางกำนัลกลายเป็แดงก่ำ “เมื่อสักครู่ฝ่าาเสด็จไปหาพระสนมหวินแล้วเ้าค่ะ”
ฟังวาจาของเหล่าขุนนาง ยิ่งปฏิบัติตามเจตนาของเหล่าขุนนาง การกระทำเช่นนี้ของซ่งหลิงซิวบ่งบอกได้ชัดเจน
ซูจิ้งโหยวเข่าอ่อนล้มลงบนตั่งราวกับถูกสูบพลังลมปราณไปจนหมด ทั้งอนาคต ทั้งตำแหน่งฮองเฮา สิ่งที่นางพยายามมานานจะพังพินาศเช่นนี้หรือ?
น้องซูจิ้งเซียงคนหนึ่ง ตอนนี้เพิ่มมารดาอีกคน นาง ซูจิ้งโหยวได้ก่อกรรมอะไรไว้!
“พระสนมอย่าได้เสียใจไป ฝ่าาเพียงปฏิบัติตามขุนนางใหญ่ชั่วคราว ความรักที่ฝ่าามีต่อท่าน หรือว่าท่านไม่รู้? รอไม่กี่วัน ข่าวคราวไม่หนาหูขนาดนั้นแล้ว ฝ่าาต้องมาหาท่านอีกแน่ๆ เ้าค่ะ” นางกำนัลกระซิบปลอบใจ
ซูจิ้งโหยวกลับหลับตาลงแล้วส่ายหน้า “พระตำหนักเป็สถานที่แบบไหนกัน? แรกเริ่มรักกันก็หวานชื่น กาลเวลาผ่านไปกลายเป็ร้างรา เพียงเห็นรอยยิ้มของผู้ที่มาใหม่ ก็ไม่แลเห็นน้ำตาสหายเก่าที่ผ่านไป รอจนพระสนมหวินนังจิ้งจอกนั้นยั่วเย้าฝ่าาติดเบ็ด ฝ่าาไหนเลยยังจำข้าได้?”
เดี๋ยวก่อน เพียงเห็นรอยยิ้มของผู้ที่มาใหม่ ก็ไม่แลเห็นน้ำตาสหายเก่าที่ผ่านไป?
ผู้ที่มาใหม่
ซูจิ้งโหยวลืมตาขึ้นฉับพลัน ในดวงตาเต็มไปด้วยแผนการ “ซิ้วเอ๋อร์ เช้าวันนี้นายหญิงมีส่งคนมาขอเข้าพบหรือไม่?”