เสียงกรี๊ดยังคงดังก้องแม้ม่านหลังเวทีปิดลง พื้นยังสั่นะเืจากแรงเชียร์ที่กระจายออกนอกโดม กลิ่นกำยานเจือปนกับเหงื่อยังลอยอบอวล สมาชิกทั้งห้าเดินกลับเข้ามาในทางเดินแคบด้านหลัง พลังงานที่พวกเธอเปล่งออกไปเมื่อครู่ยังสะท้อนกลับเข้าหัวใจทุกคน
ทันทีที่ประตูปิด แสงไฟสว่างจ้าแทนที่แสงเวที เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังชัด ทุกคนหยุดหอบหายใจราวถูกดึงออกจากโลกอีกใบมาสู่ความจริง
โคโตะ ทรุดนั่งทันทีบนเก้าอี้ไม้กลองที่มีคนเตรียมไว้ เธอหัวเราะหอบ ร่างเปียกเหงื่อจนผมเปียคู่แนบแก้ม
“โอ๊ยยย สนุกชิบ… แทบตายเลยอะ!”
เสียงหัวเราะสดใสทำให้บรรยากาศคลายเกร็งลงนิดหนึ่ง
มิยู ก้าวตามมาเงียบ ๆ วางมือบนคีย์บอร์ดในเคสแล้วถอนหายใจยาว เธอกอดตุ๊กตาตัวเล็กที่ซ่อนในกระเป๋าเครื่องมือไว้แน่น ดวงตาลาเวนเดอร์ยังสั่นไหวจากความกังวล แต่รอยยิ้มบางก็ผุดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงโคโตะ
เซนะ วางกีตาร์ลงบนสแตนด์อย่างประณีต เธอยืดไหล่ตรง หายใจลึกครั้งเดียวก็กลับมาเรียบเฉยทันที
“จังหวะโดยรวมตรงอย่างที่ซ้อม ดี”
เสียงเธอเรียบเฉียบ แต่สายตาแฝงประกายความพอใจ
รินะ หอบเบสนั่งลงบนโซฟายาว ยิ้มอุ่นพลางดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อให้โคโตะที่ยังหัวเราะอยู่
“เก่งแล้วโคโตะ วันนี้ตีแรงจนแทบสั่นทั้งโดมเลยนะ”
เสียงอบอุ่นนั้นทำให้โคโตะยิ้มเขิน
ยูกะ เดินเข้ามาทีหลัง เธอยังคงสง่างามแม้เหงื่อชุ่ม ผมม่วงพลิ้วเล็กน้อย ดวงตาอำพันนิ่ง แต่ข้างในมีร่องรอยอ่อนล้า เธอวางไมค์ลงเงียบ ๆ แล้วนั่งพิงผนังหอบเบา ๆ ไม่พูดอะไร
ห้องพักศิลปินเต็มไปด้วยทีมงานที่วิ่งวุ่น ผู้จัดการะโบรีฟรอบหน้า ทีมสไตลิสต์ยื่นผ้าเช็ดหน้าและน้ำดื่ม บางคนถ่ายภาพเื้ั ทุกอย่างยังคงโกลาหล
แต่สำหรับสมาชิก Lunaria ตอนนี้ สิ่งที่ได้ยินชัดที่สุดคือเสียงหัวใจตัวเองที่ยังเต้นแรงจากโชว์
โคโตะดื่มน้ำแล้วเงยหน้าะโ
“พี่ ๆ เห็นป้ายไฟฉันตรงแถวสามไหม? เขียนว่า ‘Koto my star’ ด้วย! กรี๊ดดดด!”
เธอหัวเราะคิกจนทุกคนหลุดขำตาม
มิยูยิ้มอาย ๆ “ฉัน…ฉันก็เห็นป้าย ‘Miyu Angel’ ”
เธอพูดเสียงแ่ แต่ใบหน้าก็แดงเรื่อ
รินะหัวเราะเบา ลูบผมมิยู “ทุกคนรักเธอนะมิยู อย่าเก็บตัวมากเลย เห็นไหมว่าคนอยากได้ยินเสียงเธอขนาดไหน”
เซนะพยักหน้าเรียบ ๆ
“เสียงโซโล่เมื่อกี้ชัดมาก เสถียรกว่าตอนซ้อมอีก”
คำชมสั้นแต่จริงใจทำให้มิยูยิ้มกว้างขึ้น
ระหว่างที่บรรยากาศผ่อนคลาย รินะ ลุกขึ้นรวบรวมพวกเข้ามานั่งใกล้กัน “ฟังนะ วันนี้พวกเราผ่านไปได้ด้วยกัน มันยิ่งใหญ่จริง ๆ แต่ก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น”
โคโตะพยักพเยิด
“ใช่ ๆ รอบหน้าฉันจะตีให้แรงกว่านี้อีก!”
เซนะถอนหายใจเล็กน้อย
“ไม่ต้องแรงกว่า แค่เป๊ะเหมือนเดิมก็พอ”
โคโตะทำหน้าบูด แต่ก็หัวเราะตามทีหลัง
รินะหันไปมองยูกะที่นั่งเงียบอยู่มุมห้อง
“ยูกะ…เธอไหวไหม”
ยูกะเงยหน้าช้า ๆ ดวงตาอำพันสะท้อนแสงไฟ เธอยิ้มบาง
“ฉันโอเค แค่คิดว่ามันยังไม่สมบูรณ์แบบพอ”
เซนะชะงักไปนิด
“มันแทบไร้ที่ติแล้ว”
ยูกะส่ายหัวเบา ๆ
“ยังไม่พอ”
น้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น
รินะรู้ดีว่านี่คือด้านเพอร์เฟ็กชันนิสต์ของเพื่อน เธอยื่นมือวางบนไหล่ยูกะเบา ๆ
“เราจะไปด้วยกัน ทุกครั้งจะดีกว่าเดิม ไม่ใช่แค่เธอคนเดียว”
หลังจากทีมงานทยอยออกไป ห้องเหลือเพียงสมาชิกห้าคน ความเงียบอบอวล แต่เป็ความเงียบอบอุ่นมากกว่ากดดัน
โคโตะนั่งกอดหมอนแล้วพึมพำ
“ฉันดีใจที่ได้อยู่ตรงนี้จริง ๆ ต่อให้เหนื่อยแทบตายก็ตาม”
มิยูพยักหน้าเงียบ ๆ แต่รอยยิ้มเล็กบนใบหน้าสื่อความรู้สึกทั้งหมด
เซนะมองไปที่กีตาร์ในมุมห้อง
“นี่คือที่ของเรา”
รินะพยักหน้า
“ใช่ ที่ที่เราสร้างด้วยกัน”
ยูกะหันตามเพื่อน ๆ เสียงเธอเบาแต่ชัด
“คืนนี้…เราเริ่มตำนานแล้ว”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนยิ้มและหัวใจเต้นแรงอีกครั้ง
ภาพสุดท้ายก่อนไฟในห้องดับคือทั้งห้าคนนั่งล้อมกัน ร่างเปียกเหงื่อแต่ดวงตาส่องประกาย พวกเธอไม่ได้เป็เพียงเพื่อนร่วมงาน แต่เป็ครอบครัวเล็ก ๆ ที่จะเดินไปพร้อมกันภายใต้แสงจันทร์