บทที่ 67 หมู่บ้านหงอู้
“นี่คือัฉลามเงิน สัตว์ปีศาจระดับกลาง! ์! สัตว์ปีศาจที่ทรงพลังเช่นนี้กลับมาปรากฏตัวที่นี่เสียได้!”
“ครั้งสุดท้ายที่สัตว์ปีศาจปรากฏตัวคือ่กระแสสัตว์ปีศาจ หรือจะมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นในป่าสีเือีกครั้งหรือ?”
ผู้คนที่เฝ้ามองดูซากศพของสัตว์ปีศาจ ส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว
ัฉลามเงิน เป็สัตว์ปีศาจระดับกลาง ตามตำนานเล่าว่าวิวัฒนาการมาจากสัตว์ปีศาจที่มีลักษณะคล้ายงูหลาม อาศัยอยู่ใกล้ทะเลสาบและแอ่งน้ำที่ลึกเข้าไปในป่าสีเื ความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่ากับนักรบระดับห้าในขั้นมหาสมุทร มันทรงพลังมาก
แต่ัั์ตัวนี้กลับกลายเป็ซากศพที่ขาดวิ่น นอนกองอยู่ตรงทางเข้า เห็นได้ชัดว่ามันถูกสัตว์ปีศาจขั้นสูงกว่าทรมานจนตาย
“พูดตามหลักแล้ว สัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งพวกนี้จะมีถิ่นอาศัยเป็ของตนเอง แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว สัตว์ปีศาจกำลังต่อสู้กันเอง น่ากลัวว่า...” ฉู่อวิ๋นจ้องไปที่ศพของัด้วยท่าทางเคร่งเครียด “น่ากลัวว่า กระแสสัตว์ปีศาจจะกลับมาอีกครั้ง"
ในเวลานี้ มู่หรงซินก็แทรกตัวเข้าไปด้วย เมื่อนางเห็นศพที่น่าสะพรึงกลัวนี่ก็หลุดอุทานออกมา “อ๊ะ! นี่คืออะไร? ใหญ่มากเลย ทำคุณหนูเช่นข้าใเสียได้!”
“ซินเอ๋อร์ เ้าอยู่ในจวนเ้าเมืองมาั้แ่เด็ก เ้าน่าจะรู้ประวัติศาสตร์ที่นี่ดีที่สุด ข้าอยากจะถามเ้าหน่อย กระแสสัตว์ปีศาจในป่าสนธยาเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนหรือ?” ฉู่อวิ๋นถามอย่างจริงจัง เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กระแสสัตว์ปีศาจอาจเกิดขึ้นอีกครั้ง
หากกระแสสัตว์ปีศาจเกิดขึ้น การจะผ่านป่าสีเสือดไปให้ได้นั้น ยากยิ่งกว่ายาก
“เท่าที่ข้ารู้ เมื่อนานมาแล้ว กระแสสัตว์ปีศาจของที่นี่เกิดขึ้นทุกๆ สองสามปีหรือสิบปีเท่านั้น แต่ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่ากระแสสัตว์ปีศาจจะเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ” มู่หรงซินกล่าว
“เช่นนั้นก็ไม่ดีแล้ว ท่าทางกระแสสัตว์ปีศาจกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง พวกเราต้องรีบเดินทางแล้ว” ฉู่อวิ๋นพูดเตือนแล้วจับมือขาวหยกของมู่หรงซิน พากันปลีกตัวออกไปจากฝูงชน สิ่งนี้ทำให้นางหน้าแดง
“เ้าหนุ่มนี่ ก็มีน้ำใจดีนะ ฮิฮิ” มู่หรงซินเดินตามฉู่อวิ๋นอย่างใกล้ชิดพร้อมกับยิ้มหวานประดับริมฝีปาก
ครู่ต่อมา ฉู่อวิ๋นก็พามู่หรงซินเดินไปรอบๆ ศพัและกำลังจะออกไปจากวงล้อม
“จอมยุทธ์น้อยท่านนี้ รอสักครู่”
ทันใดนั้น ทหารหลายคนที่สวมชุดเกราะหนาก็เข้ามาขวางด้านหน้า “่นี้สัตว์ปีศาจกำลังอาละวาดอยู่ในป่าสีเื ตอนนี้ถูกกองกำลังของเราสกัดกั้นไว้แล้ว เพื่อความปลอดภัยจะไม่มีการอนุญาตให้เหล่านักรบผ่านเข้าไปในป่า”
“ข้ากำลังรีบ อย่ามาขวาง!” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและะโด้วยความโกรธ
ก่อนหน้านี้ ฉู่อวิ๋นถูกห้ามไว้ที่เมืองไป๋หยางรอบหนึ่งแล้ว และตอนนี้ก็มีคนมาบอกว่าเขาไม่สามารถผ่านเข้าไปได้อีก ย่อมทำให้สีหน้าของเขาบูดบึ้งมากขึ้น
ขณะเดียวกัน มีคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินมาจากด้านข้าง แต่พวกเขาเพียงมองหน้าหัวหน้าทหารเท่านั้น ก็ถูกปล่อยเข้าสู่ป่าสีเืทันทีโดยไม่มีการขัดขวางไว้
เมื่อฉู่อวิ๋นเห็น ใบหน้าของเขาก็เย็นเยียบ แลดูเกรี้ยวโกรธ เขาชี้ไปที่กลุ่มคนพวกนั้นแล้วถามว่า “แล้วเหตุใดพวกเขาถึงผ่านไปได้ง่ายๆ แต่ข้ากลับไม่ได้!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารหลายคนก็มองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น
ทหารยามคนหนึ่งพูดกับฉู่อวิ๋น "น้องชาย คนเขาเป็ถึงคาราวานที่มีชื่อเสียง มีนักรบรับจ้างขั้นมหาสมุทรที่ทรงพลังห้อมล้อม ต่อให้เราอยากหยุดก็หยุดไม่ได้”
“คาราวาน?” ฉู่อวิ๋นใเล็กน้อย เขารู้ว่าถึงแม้ป่าสีเืจะอันตราย แต่ก็มีพื้นที่กว้างใหญ่ ประชากรเบาบาง นับเป็ทางลัดที่เชื่อมระหว่างเหนือใต้
บางครั้งก็จะมีการแลกเปลี่ยนค้าขายที่อันตรายกันที่นี่ เพื่อประหยัดเวลาและสร้างกำไรให้มากขึ้น พวกเขาจะรับสมัครนักรบรับจ้างในหมู่บ้านหงอู้ เพื่อปกป้องตนเองในระหว่างที่เดินทางผ่านป่าสีเื
“หากข้าเข้าร่วมคาราวานแล้วก็สามารถผ่านเข้าไปได้ใช่หรือไม่?” ฉู่อวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม
"แน่นอนอยู่แล้ว" ทหารพยักหน้าและกล่าวว่า "แต่ข้าขอเตือนเ้าไว้นะน้องชาย เ้าควรไปรวมกลุ่มกับผู้แข็งแกร่งที่หมู่บ้านหงอู้จะดีกว่า ่นี้เหตุการณ์ในป่าสีเืไม่สงบเลย กลุ่มคาราวานที่เข้าไปก่อนหน้าก็ถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซากศพ”
“ขอรับ” ฉู่อวิ๋นยกมือคำนับให้กับทหารนายนั้น จากนั้นก็จากมาโดยไม่พูดอะไรพร้อมดึงมู่หรงซินมาด้วย
“นี่ เ้าเมฆอันธพาล เราจะไปเป็นักรบรับจ้างที่หมู่บ้านหงอู้จริงๆ หรือ? ฟังดูน่าตื่นเต้นมากเลย” ดวงตาคู่งามของมู่หรงซินเป็ประกาย นางรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ เริ่มน่าสนใจมากขึ้น
“ไม่ เราจะไปเข้าร่วมกลุ่มนักรบรับจ้างที่มีกลุ่มใหญ่พอควรในหมู่บ้านหงอู้ชั่วคราว แบบนี้จะปลอดภัยกว่า” ฉู่อวิ๋นเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและตอบคำถาม
ความจริงแล้ว เมื่อครู่ฉู่อวิ๋นวางแผนที่จะฝืนบุกเข้าไป ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ เขาสามารถล้มทหารยามหลายคนได้อย่างแน่นอน
แต่เขาเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าป่าสีเืนั้นอันตรายกว่าที่คิด หากพวกเขาทั้งคู่รีบเข้าเกินไป อาจถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวก่อนจะได้ออกจากป่าด้วยซ้ำ
หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว ฉู่อวิ๋นก็ตัดสินใจที่จะหากลุ่มนับรบรับจ้างที่มีพลังเหมาะสมที่จะเข้าร่วมเป็การชั่วคราว
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็กลับไปที่หมู่บ้านหงอู้อีกครั้ง เมื่อเดินเข้าไปในหมู่บ้านก็เห็นว่าหมู่บ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึม อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ทรุดโทรม อีกทั้งยังมีนักรบรับจ้างที่ดูโฉดชั่วเ็า ต่างแลบลิ้นเลียเืจากมีดให้พองขนเล่น
แน่นอนว่าเมื่อมู่หรงซินผู้งดงามปรากฏตัวขึ้น นางก็กลายเป็จุดเด่นดึงดูดสายตาลานลามนับไม่ถ้วนมาสู่ตัวทันที มู่หรงซินเลิกคิ้วแล้วจ้องมองกลับ
“หึ! พวกนักรบรับจ้างไร้มารยาทพวกนี้ กล้ามองคุณหนูเช่นข้าด้วยสายตาแทะโลมเช่นนั้น ไร้ยางอายเสียจริง!” มู่หรงซินพูดเสียงดุอย่างรังเกียจ
“คนพวกนี้เป็คนสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีที่อยู่อาศัย และหมู่บ้านหงอู้ก็มีผู้หญิงน้อยมาก หญิงงามเช่นซินเอ๋อร์เดินเข้ามาก็ต้องถูกจับตามองเป็ธรรมดา” ฉู่อวิ๋นพูดเบาๆ
เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ ใบหน้าของมู่หรงซินก็แช่มชื่นและหัวเราะ “นี่ เ้าอันธพาลอวิ๋น เ้าชมข้าหรือ?”
“นี่! พวกเ้าสองคน!”
ในตอนที่มู่หรงซินและฉู่อวิ๋นกำลังคุยเล่นกันอยู่นั้น ก็มีเสียงหยาบกระด้างดังขึ้น
ใบหน้าของฉู่อวิ๋นนิ่งไป เขาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อกวาดสายตาดูคร่าวๆ เหล่านักรบที่ร่างกายกำยำสูงใหญ่เหล่านี้เดินตรงมาด้านหน้าเขา สายตาโลมเลียกวาดมองมู่หรงซินไม่กะพริบ น้ำลายไหลหยดลงมาจากมุมปาก
“หืม? ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ราบรื่นนัก” ฉู่อวิ๋นก้มหน้าแล้วหันไปสังเกต ก่อนจะเห็นพวกตนถูกนักรบหลายคนล้อมรอบไปทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง
"ฮ่าๆ! สหายเอ๋ย พวกเราเดินทางจากทางใต้ขึ้นเหนือ ดูเหมือนว่าไม่เคยเจอคนที่งามเช่นนี้มานานแล้วกระมัง?” ชายที่หยาบคายคนนี้คือว่านหลง เขาหัวเราะพลางเดินเข้าหามู่หรงซิน
“ใช่แล้ว! ไม่คิดว่าหมู่บ้านหงอู้ที่อยู่ไกลลิบเช่นนี้จะมีคนงามมาอยู่! ช่างเป็พรจาก์จริงๆ!”
“ฮิฮิ พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้เอาออกมานานแล้ว ไม่เช่นนั้น... ฮิฮิ... " นักรบหลายคนรอบตัวหัวเราะ
ในเวลานี้ ว่านหลงไม่ได้สนใจ เขายกยิ้มยิงฟันสีเหลืองแล้วถามมู่หรงซินว่า “น้องสาวคนงาม เ้าชื่ออะไร?”
“เหอะ! คนอย่างเ้าน่ะหรือที่อยากจะรู้ชื่อของข้า ไม่มีทาง!” มู่หรงซินตอบกลับอย่างเ็า
“ฮ่าๆๆ อารมณ์ร้อนพอตัว ข้าชอบ!”
หลังจากได้ยินการตอบกลับของมู่หรงซิน ว่านหลงก็หัวเราะอีกสองสามครั้งแล้วพูดว่า "น้องสาว เ้าพอจะมาเล่นกับพี่หน่อยได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของมู่หรงซินก็เหยียดออกและพูดด้วยความโมโห “หุบปากต่ำๆ ของเ้าเสีย! เชื่อหรือไม่ว่าคุณหนูเช่นข้าจะกำหนดโทษให้พวกเ้าเสีย เ้าพวกต่ำทราม!”
“นี่! พี่น้องเอ๋ย พวกเ้าได้ยินหรือไม่? น้องสาวคนงามผู้นี้บอกว่าพวกเรามันต่ำทราม ฮ่าๆๆ!” ว่านหลงหัวเราะ ทำให้คนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินพลอยหัวเราะไปด้วย
ว่างหลงพูดพลางหัวเราะอีกครั้ง “น้องสาวคงออกจากบ้านครั้งแรกกระมัง? ท่านพ่อของเ้าไม่ได้สอนหรือว่าจะทำการใดให้ประเมินสถานการณ์?”
“เหอะ! เ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูเช่นข้าคือใคร?!” มู่หรงซินโกรธมาก มือดึงคันธนูตามจันทร์ออกมาด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว
“โอ๊ะ โอ๊ะ ชักอาวุธออกมาแล้ว?” เสียงร้องแปลกๆ ดังมาจากว่านหลง จากนั้นใบหน้าของเขาก็เ็าลงพร้ะโกน "พี่น้องเอ๋ย บอกน้องสาวคนนี้ไปว่าเราคือใคร!?”
“กลุ่มหมาป่า”
“กลุ่มหมาป่า”
ทันทีที่ว่านหลงพูดจบ นักรบเ่าั้ก็ะโขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงและภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของตัวเอง ทำให้ผู้คนต่างหลีกเลี่ยงราวกับกลัวชื่อของกลุ่มหมาป่านี้
ทันใดนั้นว่านหลงก็หัวเราะลั่นและสั่งการ “เอาล่ะ! เหล่าสหาย จับนางมาให้ข้า! ฮ่าๆๆ! อ้อใช่ เ้าหนุ่มที่อยู่ข้างนางก็ฆ่าทิ้งเสีย เกะกะลูกตา”
หลังจากพูดจบ นักรบหลายคนก็รีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลังที่ปล่อยออกมาน่าทึ่งไม่น้อย พวกเขาทั้งหมดเป็นักรบระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ”
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ——”
ทันใดนั้น เงากรงเล็บก็เต็มไปทั่วท้องฟ้า พุ่งเข้าโจมตีมู่หรงซิน ไม่ว่านางจะวางตัวสงบแค่ไหนก็อดอุทานไม่ได้ “ย๊า!”
ยามนี้เอง เสียงที่เ็าก็ดังขึ้น
“ข้าอารมณ์ไม่ดีอยู่ ไสหัวไป!”
“ควั่บ-”
ฉู่อวิ๋นเคลื่อนตัวไปด้านข้างทันที กระบี่ชื่อยวนออกจากฝัก พุ่งทะลุผ่านอากาศและตัดผ่านส่วนโค้งของกระบี่อีกหลายเล่ม รวดเร็วและรุนแรงมาก
“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง--”
ทันใดนั้น ปราณกระบี่ก็พุ่งทะยานไปทุกทิศทุกทาง ตัดแขนของนักรบจนขาด ทำให้พวกเขากรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
“อ๊าก! แขนข้าขาดแล้ว?!”
“โอ๊ย!... อ๊าก! เจ็บ...เจ็บมาก!!”
“ฮะ? กระบี่ของเ้าเด็กนี่เร็วมาก! ดูเหมือนว่าข้าจะหาเื่ผิดคนแล้ว!” เมื่อเห็นสิ่งนี้ ท่าทีของว่านหลงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เหงื่อกาฬไหลท่วมตัว จากนั้นเขาก็กัดฟันและชักดาบออกมาโดยหวังว่าจะโจมตีฉู่อวิ๋นขณะที่กำลังเผลอ
“ควั่บ!”
ดาบขนาดใหญ่พุ่งผ่านอากาศ รังสีความน่ากลัวพลุ่งพล่านและตรงไปยังหัวของฉู่อวิ๋น
"ของเด็กเล่น!"
ฉู่อวิ๋นยิ้มเบาๆ ยกกระบี่ขึ้นสกัดกั้น จากนั้น ปราณกระบี่อันทรงพลังทำให้ดาบใหญ่แตกเป็เสี่ยงๆ ในทันที ว่านหลงร้องอุทานอย่างใด้วยสีหน้าไม่เชื่อและะโว่า “ให้ตายเถอะ! ทำไมเ้าเด็กนี่ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!”
ฉู่อวิ๋นสะบัดข้อมือ ยืนขึ้น และแทงกระบี่ไปตรงหน้า ปรากฏหลุมแดงขนาดใหญ่ที่ท้องของว่านหลง เขากรีดร้องด้วยความเ็ป และล้มลงกับพื้น
"อ๊าก! เจ็บ! เ้า... เ้ามันชั่วช้า!” ว่านหลงทรุดลงบนพื้น ร่างกายสั่นเทาอย่างเ็ป ใบหน้าซีดเซียว
“หัวขโมยไร้ยางอาย สร้างอันตรายไม่รู้จบ ไสหัวไป!” ฉู่อวิ๋นดูเคร่งขรึม ดึงมู่หรงซินที่กำลังสับสนเข้ามาในอ้อมแขน จากนั้นก็เตะว่านหลงออกไป และเดินจากไปอย่างไม่แยแส
ผู้ชมที่มองดูเหตุการณ์อยู่ก็รู้สึกประหลาดใจที่เ้าหนุ่มคนนี้ แม้จะยังเด็กนักแต่ก็จัดการพวกนักรบรับจ้างกลุ่มหมาป่านี้ได้ด้วยพลังของเขาเอง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้