“กรี๊ด!—”
“โอย—”
“เชี่ย! เจ็บจะตายอยู่แล้ว…”
“…”
คืนแรกที่บริษัทรักษาความปลอดภัยหยวนผิงทำการฝึก ในสนามฝึกมีเสียงร้องโอดโอยขึ้นดังระงม
ผู้เข้ารับการฝึกพวกนี้เจอกับการฝึกแบบซาตานวันแรก ก็เ็ประบมๆ ไปทั้งตัวแล้ว ถึงขั้นกระดูกแทบจะแหลกออกจากกันแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันที่สองจะต้องถูก ‘ทรมานครั้งที่สอง’ เพราะว่าน้ำที่ทางบริษัทเตรียมไว้ให้ผู้ฝึกอาบนั้น ใส่น้ำที่เผ็ดราวกับน้ำพริก ขนาดอาบน้ำยังไม่ให้ได้อาบอย่างมีความสุข ทันทีที่เข้าไปแช่ผู้ฝึกพวกนี้ต่างก็ร้องระงมขึ้น
แต่เมื่อผ่านไปสักครู่ เสียงบ่นและเสียงร้องโอดโอยก็เงียบไป
เพราะคนที่เพิ่งแช่เสร็จพบว่า หลังจากความเ็ปผ่านไปแล้ว ทั้งร่างกายรู้สึกสบายตัว ความเหนื่อยล้า ปวดเมื่อยจากตอนกลางวันก็หายไปจนหมดแล้ว ขนาดาแบนร่างกายยังรู้สึกไม่เจ็บเท่าไรแล้ว
เพราะความสงสัยทำให้คนอีกชุดหนึ่งมุดลงไปในถังน้ำ ปรากฏว่าเหมือนคนชุดแรก ทันทีที่เข้าไปก็บ่นด่าขึ้นอีก แต่หลังจากเสียงบ่นด่าหมดไป ก็กลายเป็เสียงตกตะลึงเข้ามาแทน
จากนั้นเป็เสียงด่าและเสียงตกตะลึงอีกครั้ง…
จนถึงหลังเที่ยงคืน เสียงด่า และเสียงตกตะลึงต่างก็เงียบไป กลายเป็ความเงียบสงัดเข้ามาแทน
ชั้นบนสุดของที่พักรับรอง เหล่าครูฝึกต่างก็งงไปตามๆ กัน การฝึกในวันนี้ พวกเขาตั้งใจจะขู่ผู้ฝึกทุกคน ทำให้ทุกคนรู้ว่าการฝึกครึ่งเดือนนี้จะผ่านไปอย่างยากลำบาก เพราะฉะนั้นพวกเขาเชื่อว่าคืนนี้ผู้เข้ารับการฝึกทุกคน จะต้องนอนไม่หลับไปตามๆ กันแน่ เพราะทันทีที่นอนลงบนเตียงพวกเขาจะต้องรู้สึกเจ็บ แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า หลังจากร้องโอดโอยประมาณสองชั่วโมงแล้ว กลับนอนหลับกันหมด
“หรือว่า การฝึกวันนี้ยังไม่หนักพอ—ไม่ได้ พรุ่งนี้จะต้องฝึกให้หนักขึ้นกว่านี้อีก!” เวลานี้ เหล่าครูฝึกต่างก็คิดเหมือนกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
※※※
ป่าช้าที่ไฟไม่มีวันดับ ตอนนี้ยังคงสว่างไสวเหมือนเดิม
ฉินหลางดูเวลาตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ดังนั้นจึงส่งเถารั่วเซียงกลับหอพัก
หลังจากครั้งก่อนที่เคี่ยวยาในคืนฝนตกให้เธอแล้ว ฉินหลางกับเถารั่วเซียงก็กลับไปสนิทสนมกันเหมือนเดิม—ใกล้ชิดบ้าง ห่างเหินบ้าง ฉินหลางสามารถมองเห็นความหวังขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าความหวังนั้นค่อนข้างริบหรี่มาก
ทว่าคืนนี้ฝนไม่ตก กลับเป็คืนที่จันทร์กระจ่างมาก
“น้าเถา ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยติวให้ผม” ออกมาห้องสมุดแล้ว ฉินหลางเดินไปด้วยพูดไปด้วย
“ทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้? ใครให้ฉันเป็น้าเถาของนายล่ะ” เถารั่วเซียงยิ้มจางๆ รอยยิ้มของเถารั่วเซียงงดงามราวกับดอกไป่เฮอที่อยู่ใต้แสงจันทร์
“เพียงแต่ ให้น้าเถาอดหลับอดนอนเป็เพื่อนผมทุกคืน ผมเกรงใจจริงๆ ครับ” ฉินหลางกล่าว “การนอนหลับไม่เพียงพอเป็มือสังหารต่อความงามก็ผู้หญิง ผมปวดใจจริงๆ ครับ”
“ถ้านายรู้สึกปวดใจจริงๆ ก็รีบทำให้ผลการเรียนของตัวเองดีขึ้นสิ ใกล้ถึงการสอบวัดผลทุกสิ้นเดือนแล้ว นายสู้ๆ นะ!”
“สบายใจได้ น้าเถาตั้งใจสอนผมขนาดนี้ ผมอยากเกรดไม่ดียังไม่ได้เลย แน่นอนว่า ถ้าจะให้เทียบกับ ‘เซียนเครื่องทำข้อสอบ’ อย่างรั่วปินน่ะคงไม่ไหว”
“เซียนเครื่องทำข้อสอบ…คิกๆ นายกับรั่วปินน่ะเทียบกันไม่ได้หรอก!” เถารั่วเซียงประชดอย่างอดไม่ได้ จากนั้นเหมือนว่าเธอจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “อืม…ฉินหลาง นายกับรั่วปินรู้จักกันได้ยังไงกันแน่?”
“อาจารย์เถา ผมคิดว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบเม้าท์เื่คนอื่นซะอีก”
“ฉันก็แค่สงสัย” เถารั่วเซียงกล่าว “ในความทรงจำของฉัน รั่วปินไม่เคยมองว่าผู้ชายเป็เพื่อน แน่นอนว่า เพื่อนผู้หญิงของเธอก็น้อยมากเช่นกัน นายกับเธอ…รู้จักกันั้แ่อนุบาลจริงๆ เหรอ?”
“จริงสิ” ฉินหลางตอบด้วยท่าทีจริงจัง “รั่วปินไม่เคยเห็นผู้ชายคนอื่นเป็เพื่อน เพราะคนพวกนั้นไม่มีสิทธิ์เป็เพื่อนเธอ แน่นอนว่า มีผมคนเดียวที่มีสิทธิ์นั้น”
“หยุดโม้เถอะ อย่าพูดให้ตัวเองดูดีไปหน่อยเลย ฉันว่านะ เพราะรั่วปินเห็นแก่ที่นายกับเธอรู้จักกันั้แ่อนุบาล ก็เลย ดีกับนายมากกว่าหน่อยเท่านั้นแหละ ไม่อย่างนั้น เกรดอย่างนาย หางตาเธอก็ยังไม่มองด้วยซ้ำ”
“น้าเถา คุณพูดจาทำร้ายจิตใจนักเรียนของตัวเองแบบนี้ได้ยังไง” ฉินหลางกล่าว “เสน่ห์ของผมไม่ได้อยู่ที่ผลการเรียนสักหน่อย ถึงแม้ผมจะเรียนไม่รู้เื่มากแค่ไหน ก็ยังคงมีเสน่ห์ความเป็ชายอยู่นะ”
“ไม่เห็นรู้สึกเลย”
“ถ้าคุณไม่รู้สึก คุณจะคุยกับผมเหรอ? มองผมต่างจากคนอื่น?” ฉินหลางถามเถารั่วเซียงกลับ
“เ้าหนู นายอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ใครเห็นนายต่างจากคนอื่นไม่ทราบ จริงสิ พูดถึงรั่วปิน เธอได้บอกนายไหมว่าทำไม่นี้เธอเปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไป? เปลี่ยนไปอะไร?” ฉินหลางถามด้วยความสงสัย
“ช่างเถอะ นี่เป็เื่ของเธอ เธออาจจะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะบอกนายเมื่อไหร่” จากนั้นเถารั่วเซียงก็เปลี่ยนเื่คุย
เช้าวันที่สอง ตอนทบทวนบทเรียนตอนเช้า ฉินหลางยังคงหลับตลอดคาบอีกตามเคย
แต่คาบแรกวันนี้ ถ้าเป็ปกติเขาคงจะหลับไปแล้ว แต่วันนี้เขาไม่ได้หลับ เพราะคาบแรกวันนี้ รั่วปินมานั่งโต๊ะเดียวกับเขา
แต่ก็เป็เพียงการมานั่งเรียนโต๊ะเดียวกันเท่านั้น
ตอนเรียนรั่วปินตั้งใจมาก แต่กลับไม่ใช่การตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน แต่เป็การตั้งใจทบทวนตามที่เธอวางแผนเอาไว้ สำหรับนักเรียนที่เรียนเก่งมากๆ แบบนี้ อาจารย์ก็ทำเป็มองไม่เห็น ไม่เคยเข้าไปรบกวนการทบทวนในแบบของเธอ เพราะอาจารย์ส่วนใหญ่ต่างก็รู้ ว่านักเรียนที่เก่งมากขนาดนี้ไม่ได้เกิดจากการสอนของอาจารย์ แต่เกิดจากการฝึกฝนของตัวเธอเองล้วนๆ
เพราะรั่วปินตั้งใจมาก ฉินหลางจึงเกรงใจที่จะชวนเธอคุย หรือสร้างโอกาสคุยกับเธอ
เพียงแต่ว่าฉากนี้เหมือนเคยเห็นมาก่อน
ฉินหลางจำได้ตอนที่เรียนอนุบาล ตอนเรียนรั่วปินก็ตั้งใจแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็เป็เพราะแบบนี้ เธอได้รับการชื่นชมจากอาจารย์อยู่ตลอด ทำให้เธอกลายเป็หนามตำตาของนักเรียนจำนวนมาก ผู้ชายจำนวนมากมักจะหาโอกาสไปรังแกรั่วปิน อย่างแอบไปดึงผมเธอ เอาของเล่นของเธอไปซ่อนเป็ต้น เพียงแต่ ั้แ่มีเด็กผู้ชายที่นำหน้าสองคนโดน ‘เสี่ยวจินกัง’ ต่อยแล้ว คนที่กล้าไปรังแกรั่วปินก็น้อยลง
และตอนนั้น รั่วปินก็นั่งโต๊ะเดียวกันกับฉินหลางทุกวัน จนถึงวันที่พวกเขาถูกแยกออกจากกัน
พูดตามตรง ถึงแม้ว่ารั่วปินจะเป็คนสวยมากๆ แต่นั่งอยู่ข้างๆ ฉินหลาง ฉินหลางกลับไม่เคยคิดอกุศลกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ต่างจากตอนที่ฉินหลางอยู่กับเถารั่วเซียงโดยสิ้นเชิง ตอนที่อยู่กับเถารั่วเซียง ในสมองของฉินหลางกลับเต็มไปด้วยความคิด‘อกุศล’
ต่อจากนั้น คาบที่สอง คาบที่สาม คาบที่สี่ รั่วปินก็นั่งข้างฉินหลางตลอด
แต่ว่านอกจากตอนเข้าเรียนแล้ว รั่วปินก็ไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่ทำอะไรเลยด้วย ไม่ต่างอะไรกับทุกวัน
สิ่งเดียวที่ต่างก็คือ เมื่อก่อนเธอนั่งอยู่แถวหน้า แต่ตอนนี้เธอนั่งโต๊ะเดียวกับฉินหลางอยู่แถวหลังสุดเท่านั้นเอง
จนถึงตอนใกล้หมดคาบที่สี่ รั่วปินฉีกกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง เขียนอะไรบางอย่างแล้วยื่นให้ฉินหลาง
ฉินหลางเปิดกระดาษแผ่นนั้นออก รู้สึกดีใจทันที
“ตอนเที่ยงกินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร”
อันนี้ถือว่าเป็การเดทหรือเปล่า?
อย่ามีความสุขเกินไปนะ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้