“คาดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะคิดไม่ซื่อต่อข้ามาเนิ่นนานแล้ว แล้วเหตุใดไม่รีบบอกเล่า ข้ากำลังขาดสาวใช้ข้างห้องที่จะมาช่วยอุ่นเตียงให้พอดี”
ความจริงได้เป็สาวใช้ข้างห้องของท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักอ๋องเป่ยเยียน ถือว่าเป็เกียรติอย่างสูงแล้ว
ทว่าหนิงมู่ฉือกลับไม่แยแสตำแหน่งนี้เลยแม้แต่น้อย ครั้งหนึ่งนางเคยเป็ถึงคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากชายาเอกของจวนแม่ทัพ ต่อให้ตอนนี้ตกอับกลายมาเป็บ่าว นางก็ไม่มีทางละทิ้งเกียรติของตนแน่
ไม่ใช่มีคำกล่าวไว้ว่า ประสบภัยอันตรายครั้งใหญ่แล้วยังไม่สิ้นชีพ ภายหลังย่อมประสบกับความสุขความสำเร็จหรือ
เ้าแม่อาหารบูชาอุตส่าห์ถ่ายทอดเคล็ดวิชาการทำอาหารให้นาง นางเชื่อว่านี่คือโอกาสให้นางได้ชำระแค้นและทวงคืนความยุติธรรมให้แก่สกุลหนิง
ไม่ว่าภายภาคหน้านางจะได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมหรือไม่ นางก็ไม่คิดจะประจบเอาใจซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องจอมเสเพลผู้นี้!
ขณะที่กำลังคิดจะเอาตัวออกห่างจากอันตราย จ้าวซีเหอกลับยื่นมือมาดึงแขนนาง จากเดิมที่นั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเขาก็เปลี่ยนมาเป็นั่งบนตัก
“ซื่อจื่อ โปรดสำรวมด้วยเ้าค่ะ”
แววตาดอกท้อของจ้าวซีเหอมองสำรวจหนิงมู่ฉือประหนึ่งสำรวจของหายากชนิดหนึ่ง
“เ้าเติบโตมาอย่างไรกันนะ อาหารที่ทำรสชาติดียิ่งกว่าอาหารที่พ่อครัวในวังหลวงทำเสียอีก ว่าอย่างไร สนใจจะมาติดตามข้าหรือไม่ เ้ามีแต่จะได้ดิบได้ดีแน่นอน แต่ว่าหน้าตาของเ้า… ฮึๆ หน้าตาดีเพียงเสี้ยวของนางโลมอันดับหนึ่งจากหอจุ้ยหงเท่านั้นเอง”
ถ้าในมือหนิงมู่ฉือตอนนี้มีช้อนเหล็กอยู่ นางคงใช้มันตีบุรุษผู้นี้แบบไม่ยั้ง!
กล้านำคุณหนูอย่างนางไปเปรียบเทียบกับสตรีในหอนางโลมเชียวหรือ เช่นนี้คือการดูถูกนางชัดๆ ทว่าความที่นางคือคนที่มีความผิดติดตัว จึงไม่อาจทำอันใดได้
“บ่าวแค่อยากเป็แม่ครัวและใช้ชีวิตเรียบง่ายเท่านั้นเ้าค่ะ”
“ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย แต่นิสัยไม่ยอมตามใจของเ้าเป็ที่ถูกใจข้ายิ่งนัก ไป ไปที่แห่งหนึ่งกับข้า”
ฤดูนี้คือฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอบอุ่น ดอกไม้เริ่มออกดอกชูช่อ แม้อากาศจะยังหนาวอยู่ แต่ไม่อาจขัดขวางผู้คนมากมายที่อยากออกมาเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบได้
หนิงมู่ฉือ้าจะลงจากรถม้าด้วยตนเอง แต่ผู้ใดจะรู้ว่า ท่านอ๋องน้อยที่มีนิสัยแปลกประหลาดกลับอุ้มนางลงมา
จ้าวซีเหอนับว่าเป็คนดังในเมืองหลวง ไม่ใช่แค่เพราะฐานะของเขา ยังเป็เพราะความเ้าชู้และความเสเพลด้วย
หนิงมู่ฉือรับรู้ได้ถึงสายตาอิจฉาริษยาและเกลียดชังที่ตกกระทบนาง มเพียง์เท่านั้นที่รู้ว่า ใจจริงแล้วนางไม่อยากเป็จุดสนใจของผู้ใดทั้งนั้น
“วันนี้พวกเราจะนั่งเรือลำนั้น”
จ้าวซีเหอวางหนิงมู่ฉือลง ก่อนจะลากนางขึ้นไปบนเรือ
คนขับเรือคือชายหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาเ็าผู้หนึ่ง สวมหมวกที่ทำจากหญ้าจึงดูไม่สะดุดตา ทว่าหนิงมู่ฉือมองเพียงแวบแรกก็จำได้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้นี้คือใคร
นางอยากจะเข้าไปพูดบางอย่างด้วย แต่ติดที่จ้าวซีเหอยังอยู่ตรงนี้ จึงได้แต่แลกเปลี่ยนสายตากับชายผู้นั้น จากนั้นนางก็นั่งคุกเข่าลงบนเบาะรองนั่งด้านหลังจ้าวซีเหอ
“มารินน้ำชาให้ข้าสิ”
ในใจหนิงมู่ฉือรู้สึกไม่ยินดีอย่างยิ่ง นางเป็แม่ครัว ไม่ใช่สาวใช้ เหตุใดต้องรับใช้เอาอกเอาใจเขาด้วย ทว่าความที่อีกฝ่ายมีฐานะสูงกว่า นางจึงไม่อาจขัดคำสั่งได้
“ข้าหิวแล้ว บนเรือลำนี้มีที่สำหรับทานข้าว เ้าไปทำอาหารดีๆ มาสักสามสี่อย่างสิ”
หนิงมู่ฉือมิได้กล่าวอันใด อีกฝ่ายให้นางทำอันใดนางก็ทำ ทำตามอย่างเชื่อฟัง
เห็นหนิงมู่ฉือเชื่อฟังแต่โดยดี จ้าวซีเหอกลับรู้สึกไม่พอใจ
อาศัยตอนที่นางลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปจับข้อมือนางแล้วดึงลงมา ทำให้ตัวหนิงมู่ฉือล้มลงมาในอ้อมกอดของเขาพอดี
หนิงมู่ฉือออกอาการดิ้นรน จ้าวซีเหอกลับยิ้มอย่างชอบใจ
“เ้าห้ามขัดขืน ยิ่งเ้าขัดขืน ข้ายิ่งอยากแกล้ง”
สี่คำสุดท้าย จ้าวซีเหอจงใจกระซิบใกล้กับหูของหนิงมู่ฉือ
ในใจหนิงมู่ฉือรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่ง นางดิ้นรนจนหลุดจากอ้อมกอดของจ้าวซีเหอได้ในที่สุด นางไม่อยากให้คนที่คุ้นเคยกับนางมาเห็นนางในสภาพไม่ดี แม้นางจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับจ้าวซีเหอก็ตาม
ขณะที่นางกำลังยุ่งกับการทำอาหารอยู่นั้น นางรับรู้ได้ว่ามีคนเดินมาที่ท้ายเรือ อีกฝ่ายแค่มาหยิบของแล้วก็จากไป
เมื่อนางหันหลังก็พบว่าใต้ถ้วยกระเบื้องเคลือบชั้นดีมีจี้หยกวางอยู่ นางรีบหยิบมันขึ้นมาแล้วยัดลงไปที่เอวโดยมิให้ผู้ใดสังเกตเห็น ก่อนจะตั้งใจทำอาหารต่อ
หนิงมู่ฉือนำอาหารไปวางไว้บนโต๊ะ จ้าวซีเหอดึงนางให้นั่งลงดื่มเป็เพื่อน นางมิอาจปฏิเสธได้ ได้แต่ต้องคล้อยตาม ขณะที่ในใจก่นด่าจ้าวซีเหอและบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเขาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ!
“ทิวทัศน์ของทะเลสาบที่สวยงามราวกับภาพวาดนี้ยังไม่เข้าตาเ้าอีกหรือ”
ประโยคนี้ของจ้าวซีเหอทำให้นางที่กำลังเหม่อก็ใได้สติ
“ซื่อจื่อล้อเล่นแล้ว บ่าวคือคนที่มีความผิดติดตัว ต้องทำหน้าที่รับใช้เ้านาย ทิวทัศน์พวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่บ่าวจะชื่นชมได้เ้าค่ะ”
“เดิมข้านึกว่าเ้าจะพิเศษแตกต่างจากคนอื่น แต่…หรือข้ามองผิดไป”
จ้าวซีเหอจ้องมองหนิงมู่ฉืออย่างพินิจพิเคราะห์ ทำให้หนิงมู่ฉือที่ถูกจ้องขนลุกตั้งชัน ด้วยนึกว่าอีกฝ่ายรู้บางอย่างเข้าแล้ว
โชคดีที่ต่อมาจ้าวซีเหอกลับมามีท่าทีไม่จริงจังเช่นเดิม
“ดูไป หน้าตาเ้าก็ไม่เท่าไหร่ ไม่แน่รูปร่างเ้าอาจจะดีก็เป็ได้”
นางรับรู้ได้ถึงสายตาเขาที่จ้องหน้าอกที่โดดเด่นขึ้นมาจากส่วนอื่น ในใจนางสบถด่าอีกฝ่ายว่า เ้าลามกเอ้ย
“น่าเบื่อจริง พวกเรากลับกันเถิด”
นางบ่นในใจอย่างเหนื่อยใจ : ซื่อจื่อ แล้วท่านออกมาล่องทะเลสาบเพื่ออันใดเล่า?
วันที่สองหลังจากกลับจากไปล่องทะเลสาบ หนิงมู่ฉือเดินออกมาจากห้องครัวก็พบแม่บ้านที่กำลังพาชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเสื้อผ้าหยาบๆ เดินตรงมา
“หนิงมู่ฉือ นี่คือคนรับใช้ที่ตำหนักอ๋องเพิ่งรับเข้ามาใหม่ เขาเป็ใบ้ ข้าจะให้มาช่วยงานห้องครัว ให้เ้าจัดการก็แล้วกัน ห้องเก็บฟืนไม่ใช่ว่ากำลังขาดคนอยู่หรอกหรือ”
ถึงจะกล่าวว่าให้นางจัดการเอง หากแต่ความจริงก็ไม่ให้นางได้มีสิทธิ์ตัดสินใจอยู่ดี หมู่นี้แม่บ้านมีท่าทีไม่ค่อยชอบใจนางสักเท่าใด จริงๆ ก็ไม่ใช่เื่แปลก ห้องครัวกำลังจะถูกเปลี่ยนคนรับผิดชอบอยู่รอมร่อ แม่บ้านย่อมไม่มีทางชอบนางอยู่แล้ว
นางไม่สนใจ แล้วหันไปเอ่ยกับชายหนุ่มผู้นั้น “ตามข้ามา”
ชายหนุ่มผู้นั้นเดินตามหลังนางมาเงียบๆ จนมาถึงหน้าบ้านที่หลังคามุงด้วยหญ้าคาซึ่งตั้งอยู่ในมุมทางทิศเหนือของตำหนัก
นางเปิดประตูเข้าไปฝุ่นจึงลอยออกมา นางใช้มือปัดมันออก ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
หลังจากชายหนุ่มเดินตามเข้ามาในบ้าน เื่แรกที่ทำคือปิดประตู ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าหนิงมู่ฉือ
“คุณหนูใหญ่”
หนิงมู่ฉือได้ยินคำเรียกนี้พลันรู้สึกแสบร้อนที่จมูก
“ลุกขึ้นเถิด เ้ามาอยู่ที่ตำหนักอ๋องได้อย่างไร”
ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหลินมู่ ผู้คุ้มกันประจำตัวนางก่อนหน้านี้ มีจงรักภักดีต่อนางอย่างยิ่ง ทว่าหลังจากสกุลหนิงของนางเกิดเื่ ทุกคนล้วนหนีเอาตัวรอดกระจัดกระจายกันไปหมด นางจึงคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอคนคุ้นเคยที่นี่
“คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยตามหาคุณหนูมาตลอด น่าเสียดาย…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้ข้าไม่ใช่คุณหนูใหญ่อีกแล้ว”
“คุณหนูใหญ่ ไม่ว่าจะเกิดเื่ใดขึ้น ท่านจะเป็เ้านายของข้าน้อยตลอดไป เื่ที่เกิดขึ้นกับสกุลหนิงตอนนั้น คุณหนูใหญ่จะปล่อยให้มันผ่านไปหรือขอรับ”
การที่คนในสกุลหนิงต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่เป็ธรรมถือเป็เกล็ดย้อน[1]ของนาง
นางไม่มีทางปล่อยให้เื่นี้ผ่านไปเช่นนี้เด็ดขาด หากแต่นางเป็เพียงหญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง ถ้าอยากจะทวงคืนความยุติธรรมให้แก่สกุลก็มีเื่ที่จะต้องทำมากมายนัก
“คุณหนูใหญ่ ่นี้ข้าตามหาเบาะแสของท่านมาตลอด ทั้งยังสืบหาความจริงเื่ที่สกุลหนิงถูกฆ่ายกครัวด้วยขอรับ”
“สืบได้ความหรือไม่” นางเอ่ยถามออกไปอย่างอดไม่ได้
[1] เกล็ดย้อน คือเกล็ดใต้คอั ซึ่งจะหันไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเกล็ดส่วนอื่น เชื่อกันว่า ถ้าใครแตะโดนเกล็ดส่วนนี้จะทำให้ัโกรธ