หลังจากพลังสายเืถูกยกระดับอีกครั้ง พลังต่อสู้ของฉวนเถี่ยจู้ก็เพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า ทุกการโจมตีล้วนมีอานุภาพสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7
เมื่อผู้คนเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6-7 เ่าั้ถูกเย่เฟิงและฉวนเถี่ยจู้สังหารต่างก็ใจเต้นระรัว พลางคิดในใจว่า “สองคนนี้บ้าไปแล้ว!”
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ส่วนฉวนเถี่ยจู้อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 แม้พวกเขามีตบะต่ำต้อย แต่ยังคงเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างราบรื่น ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
“ฆ่าคนของหอการค้าเทียนจี๋ข้า วันนี้ข้าจะฆ่าพวกเ้าให้ได้!”
ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนหนึ่งของหอการค้าเทียนจี๋มาถึงก็บันดาลโทสะทันที เห็นเขาะโขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะร่อนลงที่เหนือหัวฉวนเถี่ยจู้ พร้อมกับวาดฝ่ามือโจมตี หมายคร่าชีวิตฉวนเถี่ยจู้
“ไปให้พ้น!”
ฉวนเถี่ยจู้เงยหน้าขึ้นมองฝ่ามือนั้น ก่อนจะแผดเสียงะโ แม้อีกฝ่ายคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด แต่ก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ เขาเหวี่ยงหมัดโจมตี พลันเข้าปะทะกับฝ่ามือของอีกฝ่ายในพริบตา ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น พร้อมคลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย
จากการปะทะครั้งนี้ ฉวนเถี่ยจู้รู้สึกตัวสั่นสะท้าน พลังทำลายล้างไหลมาตามแขนของเขา ก่อนจะเข้าสู่ร่างกาย ทำให้อวัยวะภายในร่างกายของเขาสั่นคลอน จึงอดร่นถอยหลังไปไม่ได้ ทั้งยังอาเจียนออกมาเป็ลิ่มเื
“ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 แต่กล้าต่อกรกับข้า ช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก!”
ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนนั้นแสยะยิ้ม เขาคือผู้าุโแห่งหอการค้าเทียนจี๋ แล้วเด็กรุ่นเยาว์จะทัดเทียมได้อย่างไร?
“สวบ!”
จากนั้นเห็นชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดเดินออกมา ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตีฉวนเถี่ยจู้สามครั้งต่อเนื่อง พลอยทำให้ห้วงอากาศสั่นไหว ราวกับจะถล่มลงมา
ฉวนเถี่ยจู้เช็ดเืตรงมุมปาก จากนั้นเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังน่าสะพรึงกลัวโจมตีอีกฝ่าย ด้วยตบะของทั้งสองที่ห่างชั้นเกินไป ฉวนเถี่ยจู้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนนั้น จึงถูกซัดกระเด็นและกระอักเือีกครั้ง ทว่าดวงตาของฉวนเถี่ยจู้ยังคงฉายแววมุ่งมั่นเช่นเดิม
“ไอ้หนู ไปตายซะเถอะ!”
ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดเห็นฉวนเถี่ยจู้ต้านการโจมตีของเขาไม่ได้ จึงเหยียดยิ้มดูถูก แต่ขณะเดียวกันเห็นเขาอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือ หมายสังหารฉวนเถี่ยจู้ในการโจมตีนี้
“ตาแก่ เ้าอยากฆ่าข้ามันไม่ง่ายนักหรอก!”
ดวงตาของฉวนเถี่ยจู้ส่องประกายแสงสีแดงเื พร้อมกับะเิพลังที่แกร่งยิ่งกว่าออกมา หมายปะทะกับชายชราผู้นั้น
“หอกปลิดชีวี!”
แต่ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคนนั้นรู้สึกว่ามีสัญญาณอันตรายมาจากด้านข้างเขาและกำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นาทีต่อมาชายชราตัดสินใจละทิ้งการโจมตีฉวนเถี่ยจู้ในพริบตา ก่อนจะหลบหนีทันที
อย่างไรก็ตามรังสีหอกของเย่เฟิงว่องไวเกินไป จนตาเปล่ามองไม่เห็น แม้ชายชราผู้นั้นจะใช้พลังทั้งหมดในการหลบหนี แต่ก็ยังคงไร้ประโยชน์ รังสีหอกทะลุผ่านไหล่ของชายชรา ทำชายชราร้องด้วยความเ็ป ก่อนจะกุมาแพร้อมถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาก็ยังตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
“มันคือพลังแห่งอำนาจขั้นกายา เป็ไปได้ยังไง? เ้าเพิ่งอายุเท่าไรเอง แต่พลังแห่งอำนาจกลับบรรลุขั้นกายา นี่จะน่าหวาดกลัวเกินไปหน่อยแล้ว มิน่าเ้าถึงทำร้ายข้าได้!” ชายชราขั้นยุทธ์แท้สูงสุดคิดในใจ หากเมื่อครู่นี้เขาตอบสนองไม่ทันเวลา เกรงว่ารังสีหอกนั้นจะไม่ได้ทะลุไหล่ง่าย ๆ เช่นนั้น แต่เป็หัวใจแทน!
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา
“ไป!” เย่เฟิงกล่าวกับฉวนเถี่ยจู้ ซึ่งฉวนเถี่ยจู้เข้าใจทันที แต่ขณะเดียวกันพวกเว่ยเจิ้นเทียนก็ไล่ตามมาทัน ก่อนจะปิดทางหนีพวกเย่เฟิงในทันที
“วันนี้ต่อให้พวกเ้าติดปีกก็หนีไม่พ้น!” เว่ยเจิ้นเทียนกล่าวเสียงเย็น
ในขณะนั้นเอง ผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋ก็ตามมาสมทบมากขึ้นเรื่อย ๆ และเข้าร่วมในการปิดล้อมพวกเย่เฟิง
“พี่เย่ เ้ากับแม่นางผู้นี้ฝ่าวงล้อมหนีไปก่อน ออกนอกเมืองแล้วใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายมิติหนีออกจากที่นี่ เดี๋ยวพวกข้าจะถ่วงเวลาไว้ให้!” ฉวนเถี่ยจู้เห็นจำนวนคนของอีกฝ่ายเยอะขึ้น จึงกล่าวเช่นนั้นกับเย่เฟิง โดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของตนเอง
“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเย่เฟิงจะปล่อยให้สหายอย่างเ้ารับเคราะห์คนเดียวได้อย่างไร?”
เย่เฟิงมองฉวนเถี่ยจู้ที่ยังคงรอยยิ้มใสซื่อ พลางในใจรู้สึกอบอุ่น ก่อนจะพูดต่อไปว่า “คนพวกนี้หยุดพวกเราไม่ได้หรอก”
เมื่อกล่าวจบ ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายแสงอันเย็นเยือก จากนั้นเห็นแสงกะพริบที่ด้านหน้าเขา ก่อนจะปรากฏเรือลำเล็กในมือ พร้อมส่องแสงจ้า
“ไป!” ทันใดนั้นเรือลอยขึ้นไปบนฟ้าช้า ๆ ขณะเดียวกันเย่เฟิงผสานมือและปล่อยพลังไปยังเรือเล็กลำนั้น จู่ ๆ เรือขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด ฉากนี้ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างตาเบิกกว้างด้วยความใ
“นั่นมันเรือรบอินทนิลทองคำ หรือชายผู้นี้ก็คือคนคนนั้นที่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอู๋และขโมยสมบัติล้ำค่าของตระกูลอู๋ไปเมื่อหลายวันก่อน?” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
“สมกับเป็สมบัติล้ำค่าของตระกูลอู๋ เพียงปรากฏออกมาเช่นนี้ก็มีพลังมากขนาดนี้แล้ว ช่างทรงอานุภาพยิ่งนัก!” ผู้คนต่างตกตะลึงกับพลังที่เรือรบอินทนิลทองคำปลดปล่อยออกมา อีกอย่างเรือรบยังขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด
เพียงเวลาสั้น ๆ เรือรบอินทนิลทองคำก็ขยายเป็เรือลำใหญ่ที่มีขนาดกว่าร้อยจั้ง ทั้งยังมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกมา ราวกับแผ่ปกคลุมหอการค้าเทียนจี๋
“ทุกคนขึ้นเรือรบเร็ว!” เย่เฟิงะโบอกผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายตัวเอง จากนั้นะโขึ้นไปบนเรือ ก่อนคนอื่น ๆ จะตามขึ้นไป
“หยุดพวกเขา!”
หวงเหยียนิรู้ว่าพลังของเรือรบอินทนิลทองคำเป็อย่างไร จึงออกคำสั่งกับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ข้าง ๆ แม้เขารู้ว่าเย่เฟิงเป็คนขโมยเรือรบอินทนิลทองคำ แต่ไม่นึกว่าเย่เฟิงจะใช้งานเรือรบอินทนิลทองคำได้ ที่นี่คือเมืองลอยฟ้า หากปล่อยให้พวกเย่เฟิงหนีไปได้ เขาจะเสียหน้าเป็อย่างมาก
ทันทีที่สิ้นเสียงหวงเหยียนิก็เห็นผู้ฝึกยุทธ์หลายคนทะยานร่างขึ้นฟ้า ก่อนจะกระหน่ำโจมตีพวกเย่เฟิงไม่ยั้ง
เย่เฟิงเห็นฉากนี้ก็ยิ้มหยันอย่างเย็นเยือก เมื่อมีการโจมตีกระหน่ำเข้ามา จู่ ๆ เรือรบอินทนิลทองคำก็เรืองแสงโชติ่ นาทีต่อมาเปลวไฟพวยพุ่งออกจากหัวเรือรบอินทนิลทองคำ
“ฟู่!”
จากนั้นหัวเรือรบอินทนิลทองคำพ่นไฟออกมา ก่อนจะแผดเผาผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋เ่าั้ และทุกที่ที่เปลวไฟพาดผ่าน ทุกสิ่งราวกับถูกเผาไหม้เป็จุณ
“อ้าก!”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นหลายสาย ผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้ที่ถูกไฟแผดเผาต่างได้รับาเ็สาหัส กระทั่งถูกไฟนั้นเผาเป็จุณ ร่างแล้วร่างเล่าร่วงหล่นลงไป กลิ่นไหม้อบอวลไปทั่วอากาศ
“เฮือก!” ผู้ฝึกยุทธ์ด้านล่างที่เข้าร่วมงานประมูลก่อนหน้านี้อดใไม่ได้ ทั้งยังรู้สึกขนลุกเกรียว
“เรือรบอินทนิลทองคำทรงอานุภาพมาก แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ก็ต้านการโจมตีของมันไม่ได้”
“ใช่ ข้าได้ยินมาว่าพลังโจมตีของเรือรบอินทนิลทองคำเทียบเท่าพลังของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ บัดนี้ได้เห็นกับตาตัวเอง ช่างสมคำร่ำลือยิ่งนัก!”
“เรือรบอินทนิลทองคำทรงพลังตามคาดจริง ๆ ต้องยอมรับเลยว่าชายผู้นี้มีศักยภาพมากที่สามารถควบคุมเรือรบอินทนิลทองคำได้ หากพลังควบคุมของเขาไม่แกร่งกล้าพอ ต่อให้เรือรบทรงพลังก็ไม่มีทางสำแดงพลังจริง ๆ ออกมาได้” ผู้คนด้านล่างเห็นเย่เฟิงคุมเรือรบอินทนิลทองคำโจมตีต่างก็กระซิบกระซาบด้วยความตกตะลึง
จากนั้นผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายเย่เฟิงฉวยโอกาสนี้ะโขึ้นเรือรบอินทนิลทองคำ
เว่ยเจิ้นเทียน จ้าวหยาง และหวงเหยียนิต่างเผยสีหน้าไม่สู้ดี การโจมตีของเรือรบอินทนิลทองคำทำให้พวกเขาสามคนกลุ้มใจ กระทั่งได้รับาเ็จากการถูกเปลวไฟนั้นแผดเผา เสื้อผ้าก็ถูกเผาหลายแห่ง ทั้งยังต้องหลบหนีกันอย่างโกลาหล
“พวกสวะ กล้าดียังไงมาขวางทางข้า?”
เย่เฟิงเหยียดยิ้มอย่างเย็นเยือกขณะมองผู้ฝึกยุทธ์หอการค้าเทียนจี๋เ่าั้ที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นเขาใช้พลังจิตของตนคุมเรือรบอินทนิลทองคำปลดปล่อยการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ลำแสงแห่งการทำลายล้างถูกปลดปล่อย ซึ่งเป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่คนเท่านั้น แต่ยังเป็สิ่งปลูกสร้างของหอการค้าเทียนจี๋ ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ภายใต้การโจมตีของเรือรบอินทนิลทองคำ เสียงกรีดร้องพลันดังโหยหวนอย่างต่อเนื่อง สิ่งปลูกสร้างแล้วสิ่งปลูกสร้างเล่าพังทลายจนราบเป็หน้ากลอง
“ไอ้สารเลวหยุดเดี๋ยวนี้นะ เ้ารู้หรือไม่ว่าทำแบบนี้แล้วจะเจอกับอะไร?”
หวงเหยียนิเห็นเย่เฟิงใช้เรือรบอินทนิลทองคำโจมตีหอการค้าเทียนจี๋จนราบเป็หน้ากลองก็อยู่นิ่งไม่ได้ ก่อนจะะโเสียงดังเช่นนั้น
“ข้าไม่สนว่าจะเจอกับอะไร ข้ารู้แค่ว่าต้องทำลายสถานที่ที่สกปรกโสโครกนี่ให้ได้!” เย่เฟิงกล่าวพลางเหลือบมองไปที่หวงเหยียนิ อีกฝ่าย้าชีวิตของเขา เช่นนั้นก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้เป็บทลงโทษ
เย่เฟิงนั้นไร้ซึ่งความเมตตาใด ๆ กับผู้ที่้าฆ่าเขา ในเมื่อหอการค้าเทียนจี๋อยากปลิดชีวิตเขา เช่นนั้นเขาก็ถล่มหอการค้าเทียนจี๋ให้ราบเป็หน้ากลอง!
