บทที่ 25
...
“มาเฟียอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ถ้ามีคนปล่อยภาพนี้ออกไปจะเหลือความน่ากลัวมั้ยนะ”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยไอ้ธัน”
“ครับ กลัวแล้วครับ”
“แล้วงานที่ให้ไปทำ ถึงไหนแล้ว”
“เื่จริงที่มันส่งคนมาที่ไต้หวัน”
“แล้วมึงปล่อยมันไปทำไม”
“กูให้คนที่นี่จับตาดูอยู่ แต่ว่านะห่วงแต่เื่เมีย โปรเจกต์ของคุณมาคัสนี่จะเอาไงต่อ”
“อีกสักเดือนสองเดือนกูว่าจะกลับไทย ่นี้ฝากัดูไปก่อน”
“ถ้ามันง่ายแบบนั้นกูจะไม่มาถามมึงเลยเอาจริง ๆ”
“ทำไม ที่บริษัทมีเื่อะไร”
“ตอนนี้มีคนเสนอข้อเสนอพิเศษกับคุณมาคัส เพื่อตัดหน้าบริษัทเรา”
“หมายความว่าไงก็คุณมาคัสรับข้อเสนอเราแล้วนิ”
“ในวงการใครบ้างไม่รู้จักมาคัส นักหักหลังเหลี่ยมทุกดอก”
“ใครที่ยื่นข้อเสนอ”
“บริษัทั์ใหญ่จากดูไบ”
“ดูไบ?”
“อืม แบบที่มึงคิดนั่นแหละ”
“หมายความว่าไง มันส่งคนสืบประวัติกูหรอ”
“ใช่ แล้วตอนนี้มันรู้แล้วว่าลูกสาวนายพล คือเมียมึง”
“.…”
“จะเอาไงต่อละครับคุณราชันย์”
“กูเป็ห่วงกอหญ้ากับลูก ไอ้คนที่ตื๊อเมียกูก็กลับไทยไปแล้วด้วย”
“มึงเห็นกูไร้น้ำยาขนาดนั้นเลยหรอวะราชันย์”
“มึงได้ไร้น้ำยา แต่ถ้ามันรู้ว่ากอหญ้าอยู่ที่นี่ ยัยเปี๊ยกของมึงก็อาจจะโดนร่างแหด้วย ถ้าถึงตอนนั้น มึงจะทำไง”
“ยัยเปี๊ยกอะไร อย่ามามโน”
“หน้าแดงไปยันเท้าละ ยังจะโกหก กูรู้จักกับมึงมากี่ปีไอ้ธัน”
“มึงจะทำยังไงต่อ เอาเื่นี้เถอะ กอหญ้ากับหลาน ถ้ามึงจัดการเก็บกวาดได้ ทั้งคู่ก็ปลอดภัย”
“มันกวาดไม่ได้ง่าย ๆ นะสิ”
ราชันย์ยืนคิดไป รดน้ำต้นกุหลาบที่หน้าบ้านไป ยืนครุ่นคิดอย่างหนัก ธันวาตบไหล่เพื่อนเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไป เขารู้ว่าราชันย์นั้นเป็ห่วงกอหญ้ามาก แต่บริษัทก็กำลังจะแย่เหมือนกัน ถ้าการลงทุนกับมาคัสครั้งนี้ล้มเหลว บริษัทที่ราชันย์ดูแลก็อาจจะล้มเหลวไปด้วย
แอ๊!
ราชันย์วางสายยางทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของหนูน้อยที่ อยู่ในรถเข็นใต้ร่มไม้ ที่เขาพามารับลมเมื่อสักครู่ เมื่อมาถึงก็เห็นว่าเป็อาร์เดนที่ตื่นขึ้นมาเบะปากเตรียมจะร้องอีกครั้ง เขาหยิบขวดนมที่อยู่ข้าง ๆ มาเขย่าก่อนจะป้อนให้ลูกชาย แต่กลับถูกปัดออกอย่างไม่ไยดี และส่งเสียงร้องออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
แอ๊!แอ๊!แอ๊!
เขารีบวางขวดนม และอุ้มลูกน้อยขึ้นมาประคองไว้ในอ้อมแขนอย่างเบามือ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าลูกชายจะหยุดเลยแม้แต่น้อย นั่นจึงทำให้ราชันย์เริ่มใจคอไม่ดี เขารีบเปิดผ้าเพื่อหาดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติแม้แต่น้อย แต่ลูกชายของเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดร้องแม้แต่น้อย
เขาอุ้มเด็กน้อยพาดบ่า และอีกมือหนึ่งใช้ดันรถเข็นที่มีลูกสาวนอนหลับอยู่ เข้ามาในบ้าน เว่ยเอินที่ได้ยินเสียงตาหนูร้องก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาราชันย์
“คุณหนูเป็อะไรคะคุณราชันย์”
“ฉันก็ไม่รู้ นอนอยู่ดี ๆ ตื่นมาก็ร้องเอา ๆ นมก็ไม่ยอมกิน เธอดูยัยหนูให้ทีนะ จะพาตาหนูไปหากอหญ้า”
“ได้ค่ะ ๆ คุณราชันย์รีบไปเถอะค่ะ”
เขาหยิบผ้าและขวดนมแบบลวก ๆ แล้วอุ้มลูกชายเดินก้าวขายาว ๆ ออกจากบ้านทันที กอหญ้าบอกว่าจะไปดูดอกไม้ที่ตลาด เดิมทีเขาจะไปด้วย แต่เธอบอกอยากสูดอากาศ แต่ต้องมีคนดูลูกแฝด จะให้เว่ยเอินดูคนเดียวก็เกรงว่าจะไม่ไหว เขาจะไปเองกอหญ้าก็บอกว่ากลัวไม่ถูกใจ เขาจึงต้องรับบทพ่อบ้านเลี้ยงลูกไปโดยปริยาย
เขาเดินตรงลงมาไม่นานมากนักก็ถึงตลาดริมทะเลสาบ มองซ้าย มองขวาหาผู้หญิงร่างเล็กที่คุ้นตา แต่ก็ไร้วี่แววของเธอ
แอ๊!
ลูกชายก็ไม่มีท่าทีจะหยุดร้อง เขาเดินเข้ามาในตลาดได้ครึ่งทาง ก็เห็นร่างเล็ก ๆ ที่คุ้นตาของคนที่ขึ้นชื่อว่าเมีย กำลังยืนเลือกต้นไม้อยู่ เขาปรี่เข้าไปหาเธอทันที กอหญ้าที่ได้ยินเสียงเด็กร้องก็หันมาด้วยความไว ใบหน้าของเธอใอย่างเห็นได้ชัดที่เห็นราชันย์ เดินหน้าตั้งด้วยใบหน้าเหลอหลาเข้าไปหาเธอ
“ตาหนูเป็อะไร ทำไมร้องไห้ขนาดนั้น”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ ๆ ตาหนูก็ร้องออกมาเสียงดัง ผมให้กินนมก็ไม่กิน อุ้มก็ไม่เงียบ ลูกไม่สบายหรือเปล่ากอหญ้า”
“กอหญ้าเอื้อมแขนไปอุ้มชายมาเขย่า ก่อนที่คิ้วของเธอจะขมวดเข้าหากันราวกับถูกจับให้ผูกโบ”
“ลูกเป็อะไรกอหญ้า ไปหาหมอไหม เดี๋ยวผมกลับไปเอารถ”
“คุณราชันย์คะ คุณไม่ได้กลิ่นอะไรเลยหรอคะ”
“กลิ่น?”
“ใช่ค่ะ กลิ่น”
ราชันย์ที่ยังงุนงงกับคำถามของกอหญ้านั้น ก็ขยับเดินเข้ามาหากอหญ้าที่ยืนอุ้มลูกด้วยใบหน้าเรียบเฉย ที่กำลังหรี่ตามองราชันย์ที่ดูยังไงก็ยังดูเหลอหลาอย่างน่าขำ ราชันย์ขยับมาใกล้เธอก่อนจะทำจมูกฟุดฟิด ๆ ไปเรื่อย ๆ จนเมื่อถึงส่วนก้นของลูกชาย กลิ่นลาเวนเดอร์ที่แตะจมูกก็โชยออกมาอย่างเป็หลักฐาน
เขายิ้มแห้ง ๆ ให้กับกอหญ้าที่จ้องหน้าเขาด้วยสายตาขำขัน ก่อนที่เธอจะส่ายศีรษะไปมา กอหญ้าเดินมาหยิบผ้าที่ราชันย์ถือมาด้วย ก่อนจะบอกให้เขาช่วยเลือกต้นไม้ ราชันย์พยักหน้ารับมองดูกอหญ้าเดินไปที่ห้องน้ำสาธารณะใกล้ ๆ จนสุดสายตา
“หนูกอหญ้าน่ะ เป็ผู้หญิงที่ดีใช่มั้ยละพ่อหนุ่ม”
“ครับคุณป้า เธอเป็ผู้หญิงที่ดี และก็เป็แม่ที่ดีด้วยครับ”
ราชันย์พูดไปยิ้มไป เมื่อพูดถึงกอหญ้า เขาก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกแบบไหนกับเธอ รู้แต่ว่าตอนนี้ไม่อยากอยู่ห่างเธอและลูกแม้แต่น้อย เขาไม่กล้าเรียกมันว่าความรัก เพราะเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร เรารู้จักกันจากจุดที่ไม่ได้เต็มใจ และก็จากกันในแบบที่ทำร้ายเธอ การขอโทษอาจจะไม่พอสำหรับเธอด้วยซ้ำ
“คุณราชันย์เลือกต้นไหนไว้คะ”
“ห๊ะ?”
“ก็เมื่อกี้กอหญ้าให้คุณราชันย์เลือกต้นไม้ คุณราชันย์ไม่ได้เลือกไว้หรอคะ”
“อ่อ ผมยังไม่ได้เลือก ว่าจะรอเลือกพร้อมคุณ”
“อ่อ งั้นวันนี้เรายังไม่ซื้อแล้วกันค่ะ ตาหนูสบายก้นแล้วน่าจะง่วงนอนอีกแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ”
“คุณเอาตาหนูมาให้ผมอุ้มมา”
เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่อให้ปฏิเสธไป คนอย่างราชันย์ก็ต้องหาทางเอาตาหนูไปอุ้มอยู่ดี เมื่อราชันย์รับอาร์เดนไปอุ้มแล้ว เธอจึงยื่นมือไปหยิบขวดนมที่มือของเขามาถือและเดินนำหน้าราชันย์ไปเพื่อกลับบ้าน อีกใจก็เป็ห่วงอลิซด้วย ถึงจะรู้ว่าเว่ยเอินดูได้ แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
ทั้งคู่เดินมาเรื่อย ๆ ดีที่ตอนนี้เป็เวลาเย็นแล้ว อากาศก็ดี ลมพัดตลอดเวลา กลิ่นน้ำในทะเลสาบก็เป็เอกลักษณ์ เขาและเธอเดินเรื่อย ๆ สูดดมกลิ่นธรรมชาติโดยที่ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใดออกมาสักคำ
“ผมซื้อบ้านกลางทะเลสาบแล้วนะ คุณพร้อมจะย้ายเข้าเมื่อไหร่ เราก็ย้ายเข้าได้เลย”
“คุณราชันย์คิดดีแล้วหรอคะ”
“ทำไมผมถึงคิดไม่ดีละ”
“สถานะเราตอนนี้คือแค่พ่อและแม่ให้กับเด็ก ๆ การที่คุณให้ฉันย้ายเข้าไป หากวันหนึ่งคุณพาแฟนคุณมาฉันจะไปอยู่ที่ไหนละคะ”
“เธอไม่ต้องไปที่ไหนหรอก เพราะบ้านหลังนี้ฉันซื้อเป็ชื่อเธอ มันคือบ้านของเธอ”
