“คุณปู่ ผะ...ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ” เซวียนหยวนหู่พูดพลางวิ่งเข้าไปในห้องไวราวกับบินไปทว่าเขากลับทำพลาดซ้ำอีกครั้ง นี่มันบ้านของหูเม่ยเอ๋อร์ เสื้อผ้างั้นเหรอเสื้อผ้าน่ะมี แต่เป็ของผู้หญิงหมดเลยเซวียนหยวนหู่หาชุดขนสัตว์ตัวยาวในห้องมาจากในกองเสื้อสวมเอาไว้แล้วเดินออกมาทำเอาทุกคนต่างก็หัวเราะลั่น ใส่เสื้อขนสัตว์ในวันที่ร้อนระอุเดือนกันยายนถ้าใครมาเห็นเข้าแล้วไม่บอกว่าเป็ประสาทก็แปลกแล้ว
“คุณปู่ ผมไปเปลี่ยนชุด เดี๋ยวจะกลับมานะครับ” เซวียนหยวนหู่พูดพลางมุ่งหน้าวิ่งไปทางบ้านของตนเองระหว่างทางเขาได้พบกับคนในตระกูลเซวียนหยวน ทำให้เกิดเสียงหัวเราะระนาว
“ทุกท่าน เป็ยังไงบ้าง ฝีมือผมพอใช้ได้ใช่ไหมล่ะ” กัวไฮว่มองไปยังทุกคนพร้อมกับพูดยิ้มๆผู้บำเพ็ญทุกคนที่ใกับเซวียนหยวนหู่ต่างก็ถลึงตากว้าง พอใช้ได้งั้นเหรอยิ่งกว่าใช้ได้เสียอีก
“ผมจะช่วยผู้บำเพ็ญทุกคนของตระกูลเซวียนหยวนเพิ่มขั้นเองผมจะชำระล้างไขกระดูกให้พวกคุณเองหวังว่าเส้นทางในอนาคตของพวกคุณจะราบรื่นไม่มีสิ่งใดเทียบนะครับแต่ถ้ามีใครกล้าใช้พลังยุทธทำเื่ที่ฟ้าพิโรธมนุษย์โกรธาละก็ผมจะจัดการพวกคุณอย่างไม่แยแสแน่”
หากเป็เมื่อก่อน เด็กอายุสิบหกสิบเจ็ดปีพูดอย่างนี้ต่อหน้าเขาเกรงว่าจะถูกพวกเขาเอาตายจนไม่รู้จะตายยังไงไปนานแล้ว ทว่าในตอนนี้ทุกคนต่างก็เชื่อว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความสามารถที่ทำให้ผู้บำเพ็ญโฮ่วเทียนเข้าสู่เซียนเทียนได้จริงคนแบบนี้มีความสามารถอย่างไรพวกเขาล้วนจินตนาการไม่ออกสักนิด
“นี้ไอ้น้อง พวกเราเป็ผู้บำเพ็ญ บางเื่พวกเราก็รู้ นายวางใจเถอะ” คนหนึ่งในฝูงชนตอบกลับด้วยเสียงดัง
“พ่อหนุ่ม ไม่ทราบว่าเธอจะช่วยพวกเราเพิ่มขั้นเมื่อไหร่เหรอ” ในเวลานี้คนคนหนึ่งในกลุ่มคนที่กัวไฮว่ชี้ให้เซวียนหยวนซยงเฟิงดูเมื่อสักครู่ก็ลุกขึ้นมาถามยิ้มๆ
“จางฝานเป่ย สามสิบเจ็ดปี เข้ามาในตระกูลเซวียนหยวนเมื่อสิบสามปีก่อนเซียนเทียนระยะแรก” กัวไฮว่มองคนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมพูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ พ่อหนุ่มรู้จักฉันเหรอ” จางฝานเป่ยถามอย่างยิ้มแย้ม
“ผมไม่รู้จักจางฝานเป่ย แต่ผมได้ยินชื่อหนานกงฝานมาก่อน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อสามปีก่อนศิษย์ตระกูลเซวียนหยวนโดนพิษตายไปหนึ่งปีก่อนตอนที่ตระกูลเซวียนหยวนกับตระกูลมู่หรงร่วมมือกันจัดการ แล้วจู่ๆตระกูลหนานกงก็ยื่นมือเข้ามา ผมว่าหนานกงฝานน่าจะรู้ดีนะ”
“ฉะ...ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรอยู่” จางฝานเป่ยพูดเสียงดัง “ถ้าเธอช่วยพวกเราชำระล้างไขกระดูกไม่ได้ก็อย่ามาพูดอวดแบบนี้ ท่านผู้นำถ้าเกิดไม่มีเื่อะไรแล้วผมไปก่อนนะครับ” จางฝานเป่ยพูดพลางหมุนกายเตรียมจะออกไป
“ฝานเป่ย รีบร้อนไปทำไม รอเดี๋ยวก่อน รอคุยกันก่อนสิ” เซวียนหยวนซยงเฟิงหรี่ตาพูด เื่ทั้งสองที่กัวไฮว่พูดเมื่อสักครู่เขารู้ดีศิษย์ตระกูลเซวียนหยวนคือชีจื่อ ในตอนนั้นก็เป็นักบำเพ็ญคนหนึ่งเหมือนกันเขาถึงขั้นเขตแดนเซียนเทียนแล้วและได้เสียชีวิตอย่างประหลาดอยู่ที่หมู่บ้านอวิ่นหัวในตอนนั้นเื่นี้ทำให้ทั้งเมืองหลวงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายสังหาร และสุดท้ายก็ค้างคาโดยไม่มีข้อสรุป
“กู่อี้ กู่หลิวอวิ๋น กู่จ้าน หู่เป่ยเฟิง หนานกงเซียว หนานกงอวิ๋นเจิงหนานกงสิง...” กัวไฮว่พูดออกมาติดต่อกันยี่สิบสามรายชื่อตอนแรกก็ยังไม่มีอะไร ทว่ารายชื่อที่กัวไฮว่พูดก็ยิ่งเยอะเข้าทุกทีส่วนสีหน้าของเซวียนหยวนซยงเฟิงก็ยิ่งถอดสี บางคนแข็งแกร่งเลยไม่ได้แสดงท่าทีแปลกๆอะไรออกมาทว่าเมื่อผู้บำเพ็ญโฮ่วเทียนบางรายได้ยินชื่อที่กัวไฮว่พูดออกมาก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย
“เสี่ยวไฮว่ คนพวกนี้คือผู้บำเพ็ญตระกูลเซวียนหยวนเหรอ พวกเขาทำผิดเหรอ” เซวียนหยวนซยงเฟิงหลับตามพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่ารายชื่อเหล่านี้สอดคล้องกันกับคนพวกนั้นทว่าเขาก็พอเดาจุดประสงค์ในการมายังตระกูลเซวียนหยวนของคนพวกนี้ออกและก็ต้องโทษสิบปีมานี้ด้วยที่ตระกูลเซวียนหยวนถูกควบคุมในหลายๆ เื่
กัวไฮว่ไม่ได้ตอบที่เซวียนหยวนซยงเฟิงถาม เขามองไปยังผู้บำเพ็ญตระกูลเซวียนหยวนทุกคนจากนั้นก็ยิ้มเล็กๆตรงมุมปาก
“รสชาติการแฝงตัวไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ อยู่ในตระกูลเซวียนหยวนใช้ทรัพยากรของตระกูลเซวียนหยวนแต่ก็แอบเอาข้อมูลของตระกูลเซวียนหยวนไปให้บ้านของตัวเอง น่าสนใจดีจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ไอ้น้อง อย่าบอกนะว่าคนพวกที่นายบอกอยู่ในหมู่ผู้บำเพ็ญตระกูลเซวียนหยวนของพวกเราน่ะ” เซวียนหยวนเป้าพูดด้วยสีหน้าขรึม แม้ว่าเซวียนหยวนเป้าจะโมโหทว่าจะอย่างไรเขาก็คิดไม่ออกว่าคนที่บำเพ็ญมาด้วยกันกับตนพวกนี้จะเป็หนอนบ่อนไส้
“แกร่งมากจริงๆ ในเมื่อทุกคนไม่ยอมลุกออกมาเองแน่งั้นผมจะหาวิธีอื่นแล้วกัน” กัวไฮว่พูดพลางหยิบถุงออกมา “ในถุงมีตัวอ่อนของมารผึ้ง พวกคุณอาจไม่รู้ว่ามารผึ้งคืออะไรผมบอกพวกคุณให้ก็ได้ว่ามันเป็สิ่งที่สำนักของพวกเราเลี้ยงกันมาเองหลายปีมานี้ในบรรดาสำนักบำเพ็ญมีเพียงสำนักของพวกเราเท่านั้นที่มีของแบบนี้”
“ผมอยากให้พวกคุณยื่นมือออกมา ถ้าพวกคุณไม่รู้สึกอะไรตัวอ่อนมารผึ้งจะไม่ทำอันตรายอะไรกับพวกคุณ แค่ถ้าพวกคุณเคยทำอะไรลับลมคมใน เฮอะๆตัวอ่อนนี่จะเข้าไปในร่างกายของคุณกำลังภายในอะไรนั่นไม่เป็ผลอะไรกับมันเลยสักนิด ถึงตอนนั้น เฮอะๆ อย่าว่าแต่บำเพ็ญเลยอยากเป็คนปกติก็ไม่ได้ อยากตายก็ยังยาก” กัวไฮว่มองไปยังฝูงชนพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ดี ฉันเอาก่อน” เซวียนหยวนเป้าพูดพลางเดินขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่งพลางล้วงมือเข้าไปในถึงอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังหมุนวนอยู่ในถุงอีก “เห็นแล้วใช่ไหม ไม่มีอะไร คนอื่นมาลองทีละคนๆ สิ”
“ฉันไม่ล้วง ฉันไม่ใช่คนของตระกูลเซวียนหยวนสักหน่อย ฉันไม่ล้วงถ้าเกิดมารผึ้งในถุงทำพลาดขึ้นมา ฉันบำเพ็ญมาตั้งหลายปี ประสบพบเจอมาตั้งหลายอย่างทำเพื่อตระกูลเซวียนหยวนตั้งหลายอย่าง จะมาถูกมารผึ้งฆ่าตายแบบนี้ไม่ได้หรอกมั้ง” ชายหนุ่มเซียนเทียนระยะแรกรายหนึ่งพูดด้วยเสียงดัง
“ไม่ล้วงก็ไม่เป็ไร ไปยืนทางนั้น พวกคุณไม่เชื่อมารผึ้งไม่เป็ไรผมยังมีวิธีอื่น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ในตอนนั้นเองชายหนุ่มคนหนึ่งก็ล้วงเข้าไปในถุง ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบระลอกหนึ่งในขณะที่เอามือออกมานั่นเอง ปลายนิ้วมือก็มีเืไหลซิบๆทำให้สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป
“นี่เธอ ช่วยฉันด้วย ฉันยอมแล้ว ฉันเป็คนของตระกูลกู่ฉันเป็คนที่ตระกูลกู่ส่งมาที่ตระกูลเซวียนหยวนแต่ฉันบอกตระกูลกู่ไปแค่ข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ ขอร้องล่ะ ช่วยฉันเถอะฉันจะยอมออกจากตระกูลกู่ ภักดีต่อตระกูลเซวียนหยวนตลอดไป” ชายหนุ่มคนนั้นพูดเสียงดัง
“ไม่ตายในเวลาสั้นๆ หรอก ไปยืนด้านนู้นก่อนเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “แบบอย่างผมว่าพลังแบบอย่างแกร่งมากเลย ไม่ทราบว่าจะมีใครอยากออกมาเองไหมตัวอ่อนมารผึ้งเป็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ล้วงเข้าไปในถุงเดี๋ยวผมจะเอาของสนุกๆ อย่างอื่นมาให้ทุกคนดู เฮอะๆ”
“ฉะ...ฉันเป็คนจากตระกูลเ้าแห่งเมืองหลวง” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งลุกขึ้นมาพูด
“ฉันคือกู่หลิวอวิ๋น!” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกัดฟันพูดเขาอยู่ขั้นเซียนเทียนระยะหลังแล้ว ทั้งยังมีตำแหน่งในตระกูลเซวียนหยวนเขาไม่เชื่อหรอกว่าเซวียนหยวนซยงเฟิงจะเอาเขาถึงชีวิต
“หนานกงอวิ๋นเจิง” ชายหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นมาพูดจากนั้นประมาณสิบกว่านาที ก็มียี่สิบสองคนยืนอยู่เต็มข้างกำแพงบ้าน