"ท่านช่วยเล่าได้หรือไม่ เหลิ่งอีผู้นั้นเป็มาอย่างไรกันแน่"
เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งข้างกองไฟมองไก่ย่างมันเยิ้ม หิวจนท้องร้องโครกคราก ยัดผลนมแพะที่ตั้งใจจะส่งให้เหลียนเซวียนใส่ปากของตนเองโดยไม่รู้ตัว
เหลียนเซวียนหมุนไก่ย่าง สายตาเ็าขึ้นมาเล็กน้อย ค่อยๆ เอ่ยปาก "เดิมทีเขาเป็หัวหน้าองครักษ์เงาประจำตัวข้า แต่แผนการลอบทำร้ายข้าเมื่อปีก่อน เขาก็มีส่วนร่วม หลังจากทรยศนายแล้วก็หลบหนีไป"
เซวียเสี่ยวหรั่นตะลึงงัน เกิดคลื่นลมปั่นป่วนภายในใจ
เขามีสถานะแบบไหนกันแน่ ถึงขั้นมีองครักษ์เงาที่ฟังดูร้ายกาจเช่นนั้นติดตามตัว
"ตอนนี้เขานำคนมาตามสังหารท่าน คงต้องถูกศัตรูคู่แค้นของท่านยุยงปลุกปั่นมาเป็แน่"
เซวียเสี่ยวหรั่นพูดกับเขาด้วยสีหน้าขึงขัง นับได้ว่าการดูซีรีส์ตลอดหลายปีมานี้ไม่สูญเปล่าเสียทีเดียว
เหลียนเซวียนเห็นสีหน้าจริงจังของนาง ก็นึกขบขัน
"อื้อ เ้าพูดไม่ผิด มีคนปลุกปั่นให้ฏ"
"ท่านมีศัตรูเยอะมากเลยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นจดจ้องเขา แม้แต่องครักษ์เงายังถูกผู้อื่นเสี้ยมให้ฏได้ อันตรายมากเลยนะ
"กลัวหรือไม่" เหลียนเซวียนมองนางด้วยแววตาล้ำลึก ไม่ตอบข้อกังขาของนาง แต่ย้อนถามกลับ
"กลัว" เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้าอย่างสัตย์ซื่อ
เธอก็แค่คนธรรมดารู้วิธีเชือดไก่ฆ่าปลาเท่านั้น กับคนร้ายถือหอกถือดาบของจริง บอกว่าไม่กลัวก็พูดปดแล้ว
เหลียนเซวียนเอื้อมมือไปลูบพวงแก้มนุ่มของนาง "อย่ากลัวไปเลย แค่ตัวตลกเล่นปาหี่ไม่คู่ควรให้ครั่นคร้าม" บัญชีเ่าั้เขาต้องทวงคืนให้ได้
ฝ่ามือเขาราวกับติดไฟ แผดเผาดวงหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่น
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองร้อนผ่าวเหมือนถูกลวก ดึงมือของเขาออกทันที พลางต่อว่าต่อขานด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเจืออุธัจขัดเขิน "ท่าน... มือสกปรกเพียงนี้ มาลูบหน้าผู้อื่นได้อย่างไร"
เมื่อครู่ยังบอกว่ามือเลอะไม่สะดวก หันมาอีกทีก็เอามือมาลูบหน้าของเธอเสียแล้ว
เห็นนางทำแก้มป่องโกรธเป็เ้าเข้า แลดูมีชีวิตชีวา น่าขบขันเป็พิเศษ เหลียนเซวียนอดใจไม่ไหว หัวเราะเสียงดังลั่น
เซวียเสี่ยวหรั่นถลึงตาใส่เขา ไม่รู้ว่าวันนี้หมอนี่ไปกินยาผิดมาหรืออย่างไร ไม่เพียงแต่จูบเธอ ยังชอบมาหาเศษหาเลยกับเธออีกด้วย
"ท่าน! ไม่อนุญาตให้ท่านแตะเนื้อต้องตัว ข้าเป็สตรีดีงามมาจากครอบครัวที่เคร่งครัดธรรมเนียมนะ"
นางแค่อยากจะแก้นิสัยแย่ๆ ของเขาให้กลับมาถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเท่านั้น
เหลียนเซวียนเห็นนางพยายามทำสีหน้าปั้นปึ่งอย่างสุดชีวิต รอยยิ้มในแววตาก็ยิ่งเข้มขึ้นเรื่อยๆ
"อืม เสี่ยวหรั่นของเราคือสตรีดีงามจากครอบครัวเคร่งครัดธรรมเนียม"
เขาพูดซ้ำถ้อยคำของนาง
ใจความสำคัญอยู่ที่ประโยคหน้ามิใช่หรือ? เซวียเสี่ยวหรั่นขมวดคิ้วแน่น
"อย่าเอาแต่ขมวดคิ้ว ระวังจะกลายรอยย่นระยะยาว"
จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งที่เห็นข้อนิ้วชัดเจนคลึงหว่างคิ้วของนางอย่างนุ่มนวล
หัวคิ้วขมวดย่นของเซวียเสี่ยวหรั่นคลายออกแล้ว แต่ฝ่ามือใหญ่ของเขายังคงทาบอยู่บนหน้าผากของนาง
เพิ่งใช้น้ำเสียงจริงจังบอกไปว่าห้ามแตะเนื้อต้องตัวเธอตามอำเภอใจ แต่บุรุษผู้นี้กลับเอาอีกแล้ว
เห็นชัดว่าคำพูดของเธอไม่ได้เข้าหูเขาแม้แต่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นปัดมือของเขาออกอย่างโมโหโทโส ถามเสียงแข็ง "เช่นนั้นท่านบอกมา บ้านของท่านทำอะไร"
เซวียเสี่ยวหรั่นอยากรู้อย่างยิ่ง ต้องเป็ตระกูลแบบไหน ในบ้านไม่เพียงแต่มีองครักษ์ ยังมีองครักษ์เงาอีกด้วย
เหลียนเซวียนรั้งมือกลับเงียบๆ หันกลับไปย่างไก่ป่ามันเยิ้มต่อ หลังใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ถึงเอ่ยปาก
"กลับไปเมืองหลวงค่อยบอกเ้า"
"หา? ทำไมล่ะ?"
ยิ่งดูมีลับลมคมใน ก็ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเซวียเสี่ยวหรั่น
กลัวว่าเ้าจะใหนีไปน่ะสิ เหลียนเซวียนเหลือบมองนางปราดหนึ่ง
"แฮ่ม หิวแล้วกระมัง ไก่ย่างใกล้เสร็จแล้ว"
เห็นเขาทำเฉไฉออกนอกเื่ เซวียเสี่ยวหรั่นก็โมโห ยกกำปั้นทุบแขนของเขาไปสองสามที
เหลียนเซวียนพึงพอใจมาก พลิกมือกลับมากุมกำปั้นน้อยของนาง พลางรั้งตัวนางเข้ามาโอบกอดในอ้อมแขน
"เด็กดี กลับไปค่อยบอกเ้า" น้ำเสียงเนิบเบาของเขากลั้นหัวเราะอย่างสุดชีวิต
เซวียเสี่ยวหรั่นถูกกักตัวไว้ในอ้อมแขน รู้สึกขัดเขินสุดประมาณ ดิ้นรนคิดจะผลักเขาออกไป "ท่านปล่อยข้านะ"
"ซี้ด..." เหลียนเซวียนร้องเบาๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นหยุดดิ้นทันที ตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา "โดนแผลของท่านหรือเปล่า"
"ไม่เป็ไร แค่แผลเล็กน้อย" คำพูดเหมือนไม่นำพาของเขาแต่แฝงแววอดกลั้นอยู่รางๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกละอายใจไม่กล้าโวยวายอีก
"ท่านปล่อยข้าก่อน ข้าจะใส่ยาให้"
เหลียนเซวียนปล่อยนางในเวลาที่เหมาะสม ั์ตาที่มองนางฉายแววยิ้ม
เธอหยิบขวดกระเบื้องสีเขียวเปิดฝาออก "ควรต้มน้ำมาทำความสะอาดแผลให้ท่านก่อน"
เซวียเสี่ยวหรั่นเม้มริมฝีปาก พวกเขาไม่มีหม้อสักใบ จะเอาที่ไหนมาต้มน้ำ
หากรอปั้นหม้อต้มยา แผลก็คงตกสะเก็ดหมดแล้ว
"ไม่เป็ไร ล้วนเป็แค่แผลเล็กน้อย ใส่ยาจินชวงก็พอแล้ว ยาจินชวงของศิษย์พี่ได้ผลดีมาก" เหลียนเซวียนกลับไม่นำพา
ก็คงต้องทำอย่างนี้ไปก่อนชั่วคราว
แต่ก็มีปัญหาใหม่ตามมาอีก
าแที่ตัวเขา มีที่แขนซ้ายสองแผล หลังสองแผล หากจะใส่ยาก็ต้องถอดเสื้อ
เซวียเสี่ยวหรั่นลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ถึงกัดฟัน เอาน่า ใช่ว่าไม่เคยเห็นเสียหน่อย "ท่าน... ถอดเสื้อออกสิ"
เธอวางท่าทางราวกับผู้ผดุงคุณธรรม
เหลียนเซวียนมองด้วยความสนใจ วางไก่ย่างในมือลงก่อนถอดเสื้อของตนเองออกช้าๆ
ท่วงท่าของเขาสง่างามราวกับสถานที่แห่งนี้มิใช่กลางป่ากลางเขา แต่เป็คฤหาสน์หลังใหญ่
เซวียเสี่ยวหรั่นมองตาค้าง ดวงหน้าแดงซ่านเบือนสายตาไปทางอื่น แต่ก็ยังมิวายแอบเหลือบมองมา
จนกระทั่งเห็นเสื้อตัวในสีขาวย้อมสีโลหิตหลายจุด ดวงหน้าแดงซ่านถึงค่อยลดน้อยลง
คราบเืแห้งกรังนานเกินไป แผลจึงแนบติดกับเสื้อตัวในยามถอดเสื้อตัวกลางออก เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินเสียงาแที่ถูกดึงออกมาอย่างชัดเจน
ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนสี แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับอดเม้มริมฝีปากไม่ได้ ต้องเจ็บมากแน่ๆ
เสื้อตัวกลางถอดออกไปแล้ว เผยให้เห็นไหล่กว้างกับเอวสอบเข้า รูปร่างผอมเพรียวแต่แข็งแรง าแมีคราบโลหิตเกรอะกรัง
"ยังบอกว่าาเ็เล็กน้อย แผลนี่ยาวมากอย่างเห็นได้ชัด"
พอเห็นาแสองรอย ซึ่งยังมีคราบเืบนหลัง ใบหน้าเล็กจ้อยก็ย่นเป็ซาลาเปา
"แผลตกสะเก็ดแล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่ "เหลียนเซวียนมองแผลที่แขน
หยิบผ้าเช็ดหน้า วิ่งไปซักที่ริมสระน้ำโดยไม่นำพาว่าจะมีงูน้ำหรือไม่ แล้ววิ่งกลับมาเช็ดคราบเืตามแขนและขาของเขาให้สะอาด
แน่นอนว่าเธอมิได้เช็ดที่าแโดยตรง "ท่านควรยินดีที่ดาบของพวกเขาไม่มีผิด"
เซวียเสี่ยวหรั่นโรยยาจินชวงใส่แผลให้เขา
"นั่นเป็เพราะเหลิ่งอีรู้ว่าต่อให้อาบยาพิษบนคมมีด ก็ใช้ไม่ได้ผลกับข้า" เหลียนเซวียนกล่าวเรียบๆ
"ทำไมล่ะ?" เซวียเสี่ยวหรั่นช้อนตามองเขา ร่างกายเขาก่อนหน้านี้เคยต้องพิษมาไม่น้อย
เหลียนเซวียนแค่มองก็เข้าใจความหมายของนาง
"เพราะข้ารู้วิธีถอนพิษ ภายใต้สถานการณ์ปรกติ สามารถถอนพิษได้นับร้อย"
"เช่นนั้นครั้งก่อนไม่ใช่สถานการณ์ปรกติหรอกหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นปรายหางตาไปที่เขา มักรู้สึกว่าบางครั้งเขาก็มั่นใจในตนเองเกินไป ต้องกำราบเสียบ้าง
เหลียนเซวียนหัวเราะเบาๆ "พิษร้ายแรงและลึกลับของสำนักอิ่นเหมินไม่นับว่าเป็สถานการณ์ปรกติ"
เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก ใส่ยาที่น่องกับเข่าให้เขาต่อ
"ไม่มีผ้าขาวสะอาดมาพัน แผลคงไม่ปริกระมัง"
สีหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นฉายแววกังวล ผ้าของเสื้อตัวกลางค่อนข้างหยาบ บางครั้งถ้าสกปรกมาก แม้จะเอาไปซักก็ต้องรอนานกว่าจะแห้ง
"ไม่หรอก มานี่ กินอะไรก่อน" เหลียนเซวียนดึงให้นางนั่งลง
