หลินชิงเวยลูบศีรษะของนาง “วางใจเถิด ยังไม่ตายหรอก”
ซินหรูกะพริบตา ใบหน้าที่ลดบวมลงอย่างมิง่ายดายกลับบวมเป่งขึ้นมาอีกครั้งสภาพของหลินชิงเวยเองก็มิได้ดีกว่ากันเท่าใดนัก คนทั้งสองมีสภาพอเนจอนาถยิ่งยวดน้ำตาของซินหรูหยดลงแหมะๆ ลงบนหลังมือของหลินชิงเวยความอุ่นร้อนนั้นทำให้นางหดมือกลับมา ซินหรูกล่าวว่า “เมื่อก่อน แม้แต่ในความฝันข้าก็ปรารถนาที่จะหนีออกมาจากสถานที่แห่งนั้นแต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อก้าวออกมาจากสถานที่แห่งนั้นได้ในที่สุดข้างนอกกลับโหดร้ายทารุณและอันตรายยิ่งกว่าข้างในเสียอีก...เมื่อ...เมื่อสักครู่...ข้าคิดว่าข้าเกือบจะต้องถูกโบยจนตายแล้ว...”
เวลานี้คิดขึ้นมา ซินหรูเองก็ยังรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งยวด
โลกข้างนอกใบนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
หลินชิงเวยคิดขึ้นมาแล้วก็ยังรู้สึกหวาดผวาเช่นกันหากคิดจะยืนหยัดอยู่ในวังหลวงได้อย่างมั่นคงเส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบากทว่านางไม่อาจถอยหลังหรือขลาดกลัวได้ นางเป็คนพาซินหรูออกมานางย่อมมีหน้าที่รับผิดชอบปกป้องคุ้มครองซินหรู
หลินชิงเวยเพียงโอบซินหรูเอาไว้และลูบศีรษะของนางเพื่อปลอบนาง
ชาติที่แล้ว หลินชิงเวยยังไม่เคยต้องตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถเช่นนี้หลินชิงเวยหัวเราะ พลางคิดว่านางอายุปูนนี้แล้ว หรือนางต้องมีชีวิตแย่ลงเรื่อยๆ?
ทันใดนั้นประตูของเรือนหลังเล็กอันมืดมิดก็เกิดเสียงจากการเคลื่อนไหวขึ้นครั้งหนึ่งหลินชิงเวยเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณมองไปยังจุดที่บังเกิดเสียง กลับเห็นแสงสว่างสายหนึ่งลอดเข้ามาจากภายนอกจากนั้นค่อยๆ สว่างขึ้น ลำดับแรกที่เห็นก็คือริ้วรอยยับย่นบนใบหน้าของหมัวมัวตำหนักเชียนเหอและรอยยิ้มประหลาดที่ปรากฏบนใบหน้านั้น
หมัวมัวถือตะเกียงดวงหนึ่งเดินเข้ามานางนำตะเกียงไปวางบนมุมโต๊ะที่ผ้าปูเต็มไปด้วยฝุ่นละอองหนาเขรอะ
ซินหรูพลันรับรู้ได้ถึงเจตนาอันไม่ประสงค์ดีของหมัวมัว จึงพยายามขดกายเข้าไปในอ้อมกอดของหลินชิงเวย
หมัวมัวเป็ฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน“สถานที่แห่งนี้เป็สถานที่ที่ไทเฮานำมาใช้จัดการสั่งสอนคนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งในวังหลวงโดยเฉพาะเวลานี้เว้นว่างมาเนิ่นนาน เหนียงๆ แต่ละท่านในวังต่างอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตน เป็เวลานานมากแล้วที่ไม่มีใครถูกส่งตัวมาที่นี่หลินเฟยเหนียงเหนียงกลับดียิ่งนักเพิ่เข้าวังมาระยะเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่วันก็ก่อความวุ่นวายในตำหนักใน ครั้งที่แล้วไทเฮาใจกว้างเมตตาไว้ชีวิตเ้าแล้วครั้งหนึ่งคิดไม่ถึงว่าเวลานี้กลับหลบหนีออกมาจากตำหนักเย็น ยังผลักจ้าวกุ้ยเหรินตกน้ำ เ้าคง้าพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินแล้วจริงๆเ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวกุ้ยเหรินเป็ใคร นั่นเป็คนที่เ้าแตะต้องได้หรือ?นางเป็ถึงหลานสาวห่างๆ ของไทเฮาเหนียงเหนียง! ไทเฮาสั่งให้ข้ามาสั่งสอนให้เ้าสำนึกผิดอยู่ที่นี่ให้ดีภายในตำหนักในแห่งนี้ไม่อาจยอมรับเหนียงๆ ที่ประพฤตินอกลู่นอกทางและไม่ซื่อสัตย์จงรักภักดีเด็ดขาดในเมื่อเวลานี้เ้าออกมาจากตำหนักเย็นแล้วเช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษไทเฮาและตัวข้าว่าใจคอโเี้!”
พูดแล้วหมัวมัวนางนั้นก็ดึงแส้ออกมาจากข้างหลังเส้นหนึ่ง
นาง...นี่นางกำลังพบกับหรงหมัวมัว[1]ในเวอร์ชั่นของความจริงหรือ
ความเหี้ยมโหดของหมัวมัวนางนั้นปรากฏชัดเจนบนใบหน้าของนางนางถือแส้ค่อยๆ เดินเข้ามาหาคนทั้งสอง นางตวัดแส้ไปกระทบกับฝาผนังที่เยียบเย็นนั้นเสียงของแส้ที่กระทบกับผนังทั้งสี่ด้านราวกับส่งเสียงสะท้อนกลับมา เสียงตวัดแส้สั่นสะท้านเต็มโสตประสาททำให้รู้สึกขนลุกเกรียวหากถูกตีด้วยแส้นี้ด้วยเรี่ยวแรงและพละกำลังของหมัวมัวผู้โหดร้ายนางนี้ ิัไม่ปริแตกเปิดออกคงเป็เื่แปลก
สมองของหลินชิงเวยรีบคิดหาวิธีรับมืออย่างรวดเร็วแต่เวลานี้กำแพงทั้งสี่ด้านล้วนไร้ซึ่งสถานที่ให้นางจะหลบซ่อนตัวได้หมัวมัวผู้นี้ใช้แส้เป็อาวุธ ทำให้นางไม่มีโอกาสเข้าประชิดตัวหมัวมัว
ทันใดนั้นหลินชิงเวยถามขึ้นเมื่อได้สติ“ท่านคือหรงหมัวมัวใช่หรือไม่?”
ั์ตาของหมัวมัวถลนออกมา “เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าแซ่หรง?”
หลินชิงเวย “...เพราะรอยยับบนใบหน้าของท่านเขียนตัวอักษรคำว่า “หรง”ไว้ตัวใหญ่มาก”
หมัวมัวโกรธเกรี้ยวยิ่งยวด “เ้าคนต่ำช้าปากสุนัขเช่นเ้าไม่มีทางคายงาช้าออกมาได้ วันนี้ดูซิว่าข้าจะตีเ้าให้ตายหรือไม่!” พูดแล้วก็ตวัดแส้ในมือออกมาอย่างไร้ปราณี
เดิมทีหลินชิงเวยคิดจะเจรจากับแม่ชีเฒ่านางนี้ดีๆแต่จนใจที่แม่ชีเฒ่านางนี้ไม่ให้โอกาส
[1]หรงหมัวมัว คือ แม่นมของไทเฮา ในซีรี่ส์เื่องค์หญิงกำมะลอ ใช้แส้เป็อาวุธในการลงทัณฑ์ข้าหลวงในวังเช่นกัน