เสียง “ติ๊ง” ดังขึ้น โทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงฉินซีสั่นเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะเห็นเป็ข้อความแจ้งเตือนว่าวันนี้มีถ่ายภาพฟิตติ้งจากทางกองถ่ายกระบี่เย้ยยุทธจักร
ขณะนี้โรงเรียนของฉินซีเริ่มฝึกงานกันแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เช็คเวลาเข้าเรียนจริงจังนัก ทำให้ฉินซีไปถ่ายละครที่กองถ่ายได้สะดวก ฉินซีลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว แล้วทานอาหารเช้าไปพร้อมกับใช้คอมพิวเตอร์ส่องดูข่าวใหม่ๆ
เมื่อเลื่อนไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่า บริษัทเทียนหม่าหยูเล่อดูท่าจะโชคไม่ดีนัก เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าผลกระทบทางอินเทอร์เน็ตค่อนข้างมากก็เริ่มระงับกิจกรรมใน่นี้ของบริษัทเทียนหม่าหยูเล่อไป ไม่เพียงเท่านั้น การจัดการเอาคืนบริษัทเทียนหม่าของฉินซีนั้นดูราวกับได้รับการช่วยเหลือจากพระเ้า ทำให้วิดีโอของบริษัทเทียนหม่าหยูเล่อถูกเปิดโปงอยู่เรื่อยๆ นี่ดึงดูดสายตาของชาวอินเทอร์เน็ตได้ไม่น้อย มาถึงตอนนี้ ไม่ว่าบริษัทเทียนหม่าหยูเล่อจะอยากชำระความผิดเท่าไรก็จะมีแต่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
บริษัทที่โหดร้ายอย่างเทียนหม่าหยูเล่อถูกปิดไปในเร็ววันได้ก็ยิ่งดี! จะได้ไม่มีคนหน้าใหม่ถูกทำร้ายอีก!
ฉินซีอ่านข่าวอย่างมีความสุข อีกทั้งยังทานเกี๊ยวนึ่งไปมากกว่าปกติถึง 2 ชิ้น
การถ่ายภาพฟิตติ้งนั้นนัดเวลาไว้ตอน 10 โมงเช้า แต่ว่าคนหน้าใหม่อย่างฉินซีจะต้องไปให้เช้าเสียหน่อย เมื่อไปถึงแล้วจะต้องไปรวมกับพวกกองถ่ายเพื่อฟังแผนงานทั้งหมดก่อน ดังนั้นฉินซีจึงหยิบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าตังค์ ก่อนจะก้าวออกจากบ้านในเวลา 9 โมงตรง
สตูดิโอเฟยเสียงที่ใช้ในการถ่ายภาพฟิตติ้งนี้ทำงานร่วมกับสวี่เทามาหลายปีแล้ว หากจะใช้สตูดิโอเฟยเสียงในการถ่ายนิตยสารชื่อดังหรือโฆษณาสินค้าก็อาจจะด้อยไปเล็กน้อย แต่สำหรับการถ่ายรูปฟิตติ้งนั้น มันก็มากพอแล้ว ั้แ่ที่สตูดิโอนี้ได้ทำงานร่วมกับสวี่เทาก็นับว่ากิจการของที่นี่ดำเนินอย่างราบรื่น จากตึกหนึ่งชั้นขยายสู่ตึกสองชั้น แค่ห้องสตูดิโอสำหรับถ่ายทำของที่นี่ก็มี 20 กว่าห้องแล้ว
หลังจากนั้นผู้คนในวงการบันเทิงต่างก็ลือกันว่า ใครที่ได้ร่วมงานกับสวี่เทาต่างก็โด่งดังขึ้นมาในชั่วข้ามคืน แม้ว่าดาราที่ร่วมงานด้วยจะถูกเกลียดชังมากแค่ไหน แต่หากเกลียดชังไปพร้อมกับความดัง ก็เท่ากับว่ามีชื่อเสียงอยู่ดี อย่างน้อยนั่นก็สามารถเปลี่ยนเป็เงินได้! ฉินซีไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะต้องถูกเกลียดชังไปด้วยหรือเปล่า แต่เขารู้เพียงว่าอย่างน้อยการถ่ายทำกระบี่เย้ยยุทธจักรใหม่ในครั้งนี้ จะต้องโด่งดังในกลุ่มผู้ชมอายุ 12-40 ปีมากจนน่ากลัว
ฉินซีมาถึงสตูดิโอเฟยเสียงในเวลา 9 โมงครึ่ง พวกพนักงานพาเขาเข้าไปนั่งอยู่ในห้องพักรับรอง ภายในนั้นมีนักแสดงมาถึงแล้ว 2-3 คน ดูแล้วต่างก็เป็พวกหน้าใหม่ไม่คุ้นตา หลังจากพวกเขาเห็นฉินซีเข้ามาก็มีคนอดใจไม่ได้เดินเข้ามาคุยกับเขา
“นี่ การแสดงของนายในวันออดิชั่นนั่นสุดยอดจริงๆ นายจบจากโรงเรียนอะไรล่ะ? ทักษะการแสดงดีขนาดนี้เชียว” คนที่พูดแสดงสีหน้าอิจฉาออกมา ดูเหมือนว่าบทบาทของเขาจะไม่ได้เด่นเท่าของฉินซี
ฉินซีรู้สึกว่าสถานะของตัวเองสร้างความเกลียดชังได้ง่ายอยู่ “...อืม แค่โรงเรียนธรรมดาๆ น่ะ”
คนคนนั้นแสดงสีหน้าประหลาดใจ “อย่างนั้นเหรอ? นายไม่ได้รับการฝึกแบบพิเศษมาเหรอ? หรือว่านาย… นายคงไม่ใช่ลูกของพวกคนมีเงินใช่ไหม? ที่จ้างครูมาสอนการแสดงโดยเฉพาะอะไรแบบนั้น?”
ฉินซีรู้สึกว่าช่องกลวงในสมองของอีกฝ่ายจะกว้างเกินไปแล้ว เขาส่ายหน้าก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่ใช่ทั้งนั้น ก็แค่ก่อนหน้านี้ฉันค่อนข้างชอบการแสดง จึงไปหาผลงานภาพยนตร์และละครมาศึกษา ถือว่าศึกษาด้วยตัวเองอยู่หลายปีเลยล่ะ”
แม้จะเป็แบบนั้น แต่ความอิจฉาบนใบหน้าของคนคนนั้นก็ยังไม่น้อยลง “ไม่แปลกเลยที่ก่อนเข้ามาในวงการบันเทิงจะได้ยินคนพูดบ่อยๆ ว่า มีคนบางคนก็ได้ผลมาจากบรรพบุรุษ มีพร์!”
เมื่อเขาเพิ่งจะพูดจบ คนที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ยินว่าคำพูดนี้ดูไม่สมควรเท่าไร จึงอดขัดขึ้นไม่ได้ “หึ พร์อะไรกัน? ฉันว่าก็แค่บังเอิญหน้าตาๆ ก็เลยผ่านเข้ามาได้แบบงงๆ เท่านั้นแหละ”
สำหรับพวกที่ตัวเองไม่มีความสามารถอะไร แล้วยังชอบไปพูดจาอิจฉาใส่คนอื่น ฉินซีคร้านจะใส่ใจ จึงยิ้มออกมานิ่งๆ และไม่ได้พูดคุยอะไรอีก
คนที่เป็ฝ่ายเข้ามาคุยกับฉินซีรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที “อ่า ขอโทษนะ ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
แน่นอนว่าพูดผิดไปแล้ว พูดเื่พร์ต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่ใช่ว่านี่เป็การตบหน้าคนอื่นหรือ? พวกคนใจแคบแบบนี้จะต้องไม่พอใจอย่างอดไม่ไหวอยู่แล้ว
แต่ฉินซีก็ไม่อาจพูดความในใจออกมาได้ ทำได้แค่ยิ้มอย่างคนใจดีเท่านั้น “ไม่มีอะไรหรอก”
“อ้อ ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้บอกชื่อใช่ไหม ฉันชื่อถังชานนะ ฮ่าๆ ชื่อนี้ดูบ้านนอกอยู่หน่อยๆ ใช่ไหมล่ะ? ผู้จัดการของฉันเคยบอกแบบนี้ เอาไว้หลังจากนี้ค่อยไปเปลี่ยนก็แล้วกัน ถึงอย่างไรจะเป็นักแสดงก็ต้องมีชื่อในวงการที่ติดหูผู้คนถึงจะดี” ถังชานดูไม่ได้มีอายุเสียเท่าไร น่าจะอายุราว 20 ปีต้นๆ อีกทั้งยังไม่ได้มีการคิดวิเคราะห์อะไรมากนัก รวมทั้งเวลาพูดคุยกับฉินซีก็ยังมีความกระตือรือร้นอยู่มาก
“ฉันชื่อฉินซี” ฉินซีเป็ฝ่ายแนะนำตัวเอง
เขารู้ว่าการเผยความสามารถในการออดิชั่นที่โรงแรมจะต้องเขย่าหัวใจของสวี่เทาได้ แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำให้นักแสดงคนอื่นที่ถูกเลือกมาเกิดความรู้สึกต่อต้านเขาขึ้น คนที่ไม่ได้ถูกเลือกก็ยังดี พวกเขาจะแค่ชื่นชมและเคารพในความเก่งกาจของเขาเท่านั้น แต่พวกคนที่ถูกเลือกจะรู้สึกว่าโอกาสในการแสดงความสามารถถูกเขายึดไปทั้งหมด ทุกคนต่างก็เป็นักแสดงหน้าใหม่เหมือนกัน แต่ทำไมเขาถึงได้ออกตัวแรงได้ขนาดนั้น?
หาก้าจะสร้างความสัมพันธ์ดีๆ ในกองถ่าย นี่ดูเหมือนว่าจะยุ่งยากทีเดียว
“เขาชื่อหลิงโอว แสดงเป็หยางเหลียนถิง” ถังชานเหลือบตาไปยังคนที่พูดจาเสียดสีฉินซี และพูดเสียงเบา
ฉินซีเกือบจะพ่นน้ำออกมา หยางเหลียนถิง? คนที่ไม่ถูกกับเขานี่แสดงเป็หยางเหลียนถิง? หยางเหลียนถิงคือสนมชายของตงฟางปู๋ป้ายนะ! ฉินซีอดหันหน้าไปพิจารณานักแสดงที่ตอนแรกตัวเองไม่ได้คิดจะใส่ใจอย่างอดไม่ได้ เขาหน้าตาหล่อเหลาน่ามอง เมื่อรวมกับที่อายุยังน้อยก็ทำให้มีความรู้สึกของเด็กชายฉายชัด นับว่าเหมาะกับลักษณะของหยางเหลียนถิงในต้นฉบับพอดี
แม้เมื่อชาติก่อน ฉินซีจะรู้ว่าตัวละครหลักของกระบี่เย้ยยุทธจักรมีใครบ้าง แต่พวกตัวประกอบเหล่านี้ เขากลับไม่เคยสนใจมาก่อน แม้แต่ละครทั้งเื่ก็ยังถูกเขาละทิ้งไปเพราะความผิดหวัง ดังนั้นการแสดงในละครของหลิงโอวเป็อย่างไร เขาก็ไม่อาจรู้
“มองอะไร? ฉันว่าถ้านายไม่ใช่พวกเรียนมาเฉพาะด้าน สู้เอาเวลาไปเรียนทักษะการแสดงจะดีกว่านะ ตอนเปิดกล้องถ่ายทำอย่างเป็ทางการจะได้ไม่เผลอหลุดเผยระดับที่แท้จริงออกมา แล้วตกเป็ที่น่าขันของพวกมืออาชีพ” ฝีปากของหลิงโอวโหดร้ายไม่ธรรมดา เขายกยิ้มเย้ยหยัน ใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลาถูกรอยยิ้มนี้ทำให้ดูก้าวร้าวขึ้นมาไม่น้อย
ฉินซีหันหน้ากลับไป ไม่มองเขาอีก แต่ในใจกลับอดหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ หลิงโอวคนนี้ช่างมีจุดที่เหมาะกับตัวละครหยางเหลียนถิงหลายจุดทีเดียว ตอนออกหน้ากล้องคงจะแสดงออกมาได้อย่างเป็ธรรมชาติสุดๆ
“แล้วนายรับบทเป็อะไรล่ะ?” ฉินซีออกตัวถามถังชาน
“ฉันแสดงเป็หลินผิงจือ!” ถังชานพึงพอใจกับบทบาทของตัวเองมาก จึงยิ้มกว้างจนตาหยี
เมื่อมีถังชานพูดคุยเล่นด้วย เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในเวลา 10 โมงตรง พวกนักแสดงหลักและตัวประกอบที่สำคัญก็มาถึงแล้ว สวี่เทาเดินห่างอยู่ด้านหลังสุด รอจนทุกคนนั่งลงที่ห้องรับรองเรียบร้อยดี สวี่เทานำเอาภาพลักษณะตัวละครมาให้พวกเขาดู ในขณะเดียวกันก็หันไปบรีฟงานพวกช่างภาพและห้องถ่ายทำไปด้วย
เดิมทีซวี่เทาวางแผนให้ตัวละครตงฟางปู๋ป้ายเป็ผู้หญิง แต่ตอนนี้บทกลับตกมาอยู่ที่ฉินซี สวี่เทาลำบากใจขึ้นมาบ้าง ก่อนจะไม่ลังเลเื่เพศอีกต่อไป ลักษณะตัวละครไม่ได้ถูกลบถูกแก้อะไรนัก ดังนั้นชุดในการแสดงจึงไม่ได้ต่างอะไรจากที่ฉินซีเคยเห็นในชาติก่อนนัก
พวกที่ได้ถ่ายก่อนล้วนเป็ตัวละครหลัก เจี่ยงถิงเฟิงที่แสดงเป็ลิ่งหูชงและเถาเซียงที่แสดงเป็เริ่นอิ๋งอิ๋งเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ใช้ในการแสดง รวมทั้งแต่งหน้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ออกมาให้ทุกคนได้ออกความคิดเห็นเพื่อดูว่ามีรายละเอียดอะไรที่ต้องแก้ไขอีกหรือไม่
เมื่อชาติก่อน เริ่นอิ๋งอิ๋งถูกแต่งหน้าออกมาได้อัปลักษณ์จนคนมองตรงๆ ไม่ได้ พอในชาตินี้ได้เห็นการแต่งหน้าของเริ่นอิ๋งอิ๋ง ฉินซีก็อดเสนอความคิดเห็นแก่สวี่เทาไม่ได้ การแต่งกายให้ตัวละครหญิงแบบนี้ทำลายการยกย่องในความสวยงามของเหล่าคนดู ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อชาติก่อนคนที่ชอบกระบี่เย้ยยุทธจักรถึงยอมรับที่ตงฟางปู๋ป้ายเป็ผู้หญิงได้ แต่คนที่ไม่ชอบใจกระบี่เย้ยยุทธจักรก็เกลียดจนอยากจะด่าทอละครเื่นี้ให้มืดมนสุดๆ ไปเลย
ข้อเสนอแนะของฉินซีต่างก็ถูกจุด สวี่เทาหัวเราะขึ้นอย่างสบายๆ เขาเรียกให้คนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าให้เถาเซียงใหม่ รอจนแก้ไขการแต่งกายและการแต่งหน้าของลิ่งหูชงกับเริ่นอิ๋งอิ๋งเสร็จ พวกเขาก็ถูกส่งเข้าไปในห้องถ่ายทำ ทางฝั่งฉินซีก็เข้าไปแต่งหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้ากับนักแสดงเก่าแก่ที่แสดงเป็เยวี่ยปู้ฉวิน
สไตลิสต์นำชุดสีแดงที่ละเอียดซับซ้อนที่สุดชุดหนึ่งมาให้ฉินซีลองใส่ เพราะเดิมทีสวี่เทาตั้งใจแก้ให้เป็ตัวละครหญิง ดังนั้นชุดนี้จึงมีทั้งผ้าคาดเอวและผ้าคาดอก ฉินซีนำผ้าคาดอกวางไว้ที่ด้านนอก และนำผ้าคาดเอวมาใช้โดยไม่คิดอะไร รอจนสวมเสื้อผ้าเสร็จทั้งชุด หลังจากเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไม่นาน ช่างแต่งหน้าก็มองดูจนตาลายไปหมด
“หืม? ตอนนี้ไม่แต่งหน้าเหรอครับ?” ฉินซียกมือขึ้นมา แขนเสื้อกว้างทั้งสองด้านห้อยตกลงไป ช่างดูงดงามน่ามอง
ช่างแต่งหน้าได้สติกลับมา ก็ยิ้มพร้อมกับพาฉินซีไปนั่งที่โต๊ะสำหรับช่างแต่งหน้า “ก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกสไตลิสต์เห็นเสื้อผ้า หลายคนก็ยังคิดอยู่ว่า ชุดเสื้อผ้าที่ซับซ้อนแบบนี้จะมีคนใส่มันออกมาดูดีได้หรือเปล่า? แต่คิดไม่ถึงว่าจะเหมาะกับเขาขนาดนี้”
ฉินซีแสร้งหัวเราะเก้อเขินออกมา “ผมก็ไม่คิดว่าเสื้อผ้าจะสวยขนาดนี้”
“นี่แค่ชุดสำหรับฟิตติ้งเท่านั้นนะ รอหลังจากเปิดกล้องแล้ว เห็นว่าจะทำให้ละเอียดสวยงามกว่านี้อีก… เอ้า หลับตาลงหน่อย โอ้โห ขนตายาวมากเลย ถ้าแต่งเป็ผู้หญิงล่ะก็จะต้องสวยมากแน่… ฮ่าๆ...” เมื่อช่างแต่งหน้าพูดออกมาได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็นึกขึ้นได้ว่าฉินซีเป็ผู้ชาย คำพูดของเธอจึงหยุดลงอย่างน่าอึดอัด
“ไม่เป็ไรครับ แต่งไปตามลักษณะตัวละครเถอะ” ฉินซีหลับตาลง แม้เขาจะไม่ได้เป็คนที่ตั้งใจทำงานอะไรขนาดนั้น แต่เขาก็รู้ว่าเมื่อมากองถ่ายแล้ว ก็จะต้องให้ความร่วมมือกับทีมงาน อย่างไรก็เลือกบทบาทนี้มาแล้ว ก็ต้องแสดงออกมาให้ดี ไม่ว่าจะเป็เสื้อผ้าหรือการแต่งหน้า เขาจะพยายามสุดกำลังในการให้ความร่วมมือ
แม้จะต้องแต่งหน้าแบบผู้หญิง ขอเพียงสามารถเข้าถึงตัวละครได้ เขาก็ไม่มีอะไรจะพูด ตอนนี้ฉินซียังจำได้ว่า เมื่อชาติก่อนมีคนคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘ั้แ่ที่คุณก้าวเข้ามาในกองถ่าย คุณก็คือตัวละครตัวนั้น ไม่ใช่ตัวคุณอีกต่อไป’
พื้นฐานของฉินซีดีอยู่แล้ว นอกจากแต่งหน้าให้เข้มขึ้นเพื่อดึงเสน่ห์ให้ฉายชัดอีกสักหน่อย แม้แต่การปกปิดริ้วรอยก็ยังไม่จำเป็สำหรับเขา ช่างก็แต่งหน้าไปพร้อมพูดขึ้น “ไม่ได้เจอคนผิวดีขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ วันนี้ได้เงินสบายเชียว ใบหน้านี้แต่งให้สวยง่ายดีจริงๆ”
ไม่ถึง 10 นาที ช่างแต่งหน้าก็จัดการทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ เธอนำผมปลอมมาติดอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็จัดการแต่งผมปลอมให้ฉินซีเสร็จเรียบร้อย
“นี่เป็ครั้งแรกที่ฉันพอใจกับฝีมือตัวเองขนาดนี้เลยนะ...” ช่างแต่งหน้ายิ้มไปพร้อมกับพาฉินซีเดินออกจากห้องแต่งหน้า
นักแสดงเก่าแก่ที่แสดงเป็เยวี่ยปู้ฉวินยังคงแต่งหน้าอยู่ตรงนั้น อยู่ๆ ฉินซีก็ปรากฏตัวขึ้น ทำให้คนที่นั่งอยู่ในห้องรับรองต่างก็ตะลึงในความงาม
หากถามว่าทำไมตัวละครตงฟางปู๋ป้ายถึงได้รับความนิยมมากขนาดนั้น? ก็เป็เพราะท่าทางลักษณะของตัวละครนี้มีเอกลักษณ์มากยังไงล่ะ! ั้แ่สูญเสียหลินชิงที่รับบทเป็ตงฟางปู๋ป้ายในภาพยนตร์สมัยก่อนตอนที่ตกหน้าผาไปด้วยรอยยิ้มที่ทำลายหัวใจแฟนภาพยนตร์ไปมากมายนับไม่ถ้วน ผู้คนมากมายต่างก็รู้สึกว่า ยากที่จะมีคนแสดงบทบาทตงฟางปู๋ป้ายได้งดงามแบบนั้น
แต่ดูราวกับจิติญญาของตัวละครที่อยู่ในหนังสือนี้ได้เข้ามาอยู่ในร่างของฉินซีแล้ว ั้แ่นาทีที่เดินออกมาจากห้องแต่งหน้า ก็ดูราวกับตงฟางปู๋ป้ายเดินออกมาไม่มีผิด เรือนผมยาวสีดำขลับ ชุดคลุมสีแดงตัวใหญ่เบาบางปลิวไสวอย่างงดงาม ใบหน้าที่สวยงามละเอียดอ่อนนั้น ไม่ว่าหันมองไปทางใคร ก็สามารถทำให้ผู้คนหวาดเกรงเขาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นอกจากตงฟางปู๋ป้ายแล้ว จะเป็ใครไปได้อีก!