“ท่านพี่!”
เวินซีเอ่ยอย่างร้อนรน แต่เมื่อนางหันหลังไป ก็เห็นโจวอวี่ชางหลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังจับนักฆ่าไว้อย่างง่ายดายและกดไว้ใต้ร่าง
โจวอวี่ชางสามารถใช้วิทยายุทธได้หรือ?
เวินซีมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ แต่ไม่นานนางก็ตั้งสติกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่แล้วเข้าไปหาคนที่ใช้พิษ
ในเมื่อโจวอวี่ชางสามารถต่อสู้ได้ เช่นนั้นนางก็จะจดจ่อกับการจู่โจมคนพวกนี้
“สามารถสู้ได้นานขนาดนี้ ไม่เลวจริงๆ” นักฆ่ามองดูท่าทีของนางก็เอ่ยปากอย่างเยือกเย็น ในมือของเขาถือธูปพิษเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
เวินซีกลั้นหายใจ ะโลงมาและต่อสู้กับนักฆ่าบนพื้น
เขาโยนธูปพิษลงพื้นทีละก้าน ไม่นานนักกลิ่นของมันก็ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
ในขณะนั้นความเร็วของโจวอวี่ชางค่อยๆ ลดลง เขายืนพิงกำแพง เมื่อนักฆ่าคนอื่นเห็นดังนั้นก็หยุดการเคลื่อนไหวและตั้งท่าระวัง
เกิดอันใดขึ้น?
หลังจากที่เวินซีปาดคอนักฆ่าคนหนึ่งไป ก็เงยหน้ามองโจวอวี่ชาง
เขาหลับตาลง และลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยดวงตาสีแดงฉาน
จากนั้นก็ถือมีดพุ่งเข้าไปหาเวินซี ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
สายตาที่เขามองมา ราวกับว่านางเป็ศัตรูที่ฆ่าบิดาของตน
“ท่านพี่!” เวินซีเบิกตาโพลง เมื่อหลบการจู่โจมนั้นได้ก็พยายามเรียกให้เขามีสติ
นี่เป็ฤทธิ์ของพิษหรือ?
แต่เหตุใดนางถึงไม่โดนไปด้วย?
โจวอวี่ชางพุ่งเข้ามาโจมตีอีกครา เวินซีไม่กล้าทำร้ายเขา จึงทำได้เพียงหลบพลางร้องเรียกชื่อ
“ไม่มีประโยชน์หรอก ผู้คนที่ได้รับพิษเซ่อหุนเซียงจะเห็นคนที่ตนเองห่วงใยเป็ศัตรู หากมิได้รับยาถอนพิษ เขาก็จะไม่หยุดจนกว่าจะฆ่าคนผู้นั้นได้สำเร็จ”
นักฆ่าที่อยู่บนหลังคาหัวเราะเยาะ เวินซีเสียสมาธิหันไปมองดู จึงถูกโจวอวี่ชางฟันเข้าที่แขนทันที
ทักษะการต่อสู้ของเขานั้นสูงกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก
นางขมวดคิ้วมองไปรอบๆ แล้วก้มลงเก็บดาบขึ้นมา ก่อนจะพุ่งตรงไปยังกลุ่มนักฆ่าที่กำลังตั้งท่ารับมือ
เวินซีหยุดลงเบื้องหน้าพวกเขา พลันสาดผงสลายกระดูกออกไป เสื้อผ้าของนักฆ่าเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
นักฆ่าไม่ทันได้ไหวตัวหรือป้องกันใดๆ กับผงชนิดนี้ พวกเขาจึงล้มลงกับพื้นพลางกรีดร้องโหยหวน ปิดหน้าดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน
ขณะที่นักฆ่าอีกคนที่อยู่บนหลังคาเห็นเช่นนั้นก็คิดว่าผิดปกติ พิษของเขาใช้กับเวินซีไม่ได้ผล
“เข้าไปให้หมด”
เมื่อมีคำสั่งดังขึ้น นักฆ่าที่อยู่โดยรอบก็พุ่งเข้าไปทันที โดยเสียงของผู้นำนั้นกลับเป็เสียงของโจวอวี่ชาง
เวินซีเหนื่อยหอบหลังจากที่ต่อสู้มากว่าหนึ่งชั่วยาม ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะไม่ลดลงไปเลย
ความเร็วของนางลดลง ทันใดนั้นก็ถูกนักฆ่าคนหนึ่งฟันเข้าจนเป็าแ
เวินซีลดสายตาลง แล้วปลิดชีพคนที่อยู่ทางซ้ายในทันใด จากนั้นก็ถอยออกไปหลายก้าว
ต่อมา นางสาดผงสลายกระดูกไปทางขวา นักฆ่าที่อยู่ทางนั้นปิดหน้าร้องโหยหวนด้วยความเ็ปพลางถอยออกไป เวินซีจึงใช้จังหวะนี้สังหารพวกเขาทีละคน
“หยุดได้แล้ว มิฉะนั้นข้าจะไม่เกรงใจ” สุดท้ายนักฆ่าก็หวาดกลัวกับพิษประหลาดที่นางเตรียมมาจนพากันถอยห่าง
พวกเขาช่วยกันจับโจวอวี่ชาง ใช้ดาบวางที่คอเป็ตัวประกันและข่มขู่
เวินซีหยุดการเคลื่อนไหวแล้วมองนักฆ่า นางใช้จังหวะนี้หยุดพักและปรับตัว
“เอาดาบแทงตนเองเสีย อย่าคิดเล่นลูกไม้ มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเขาทิ้ง” นักฆ่าสั่งนาง
เวินซีมองดาบในมือด้วยความลังเลแล้วมองไปที่นักฆ่า นางเอาแต่ครุ่นคิดหาหนทางและความเป็ไปได้ที่จะช่วยโจวอวี่ชาง
“เร็วเข้า!” นักฆ่ารู้ว่านางกำลังคิดอันใดจึงถอยหลังไปหลายก้าว เมื่อเห็นนางยังไม่ลงมือ เขาจึงยกดาบขึ้นเตรียมจะฟันลงไป แต่จู่ๆ ในขณะนั้นเองก็มีลูกธนูพุ่งไปปักข้อมือเขา
“ผู้ใดกัน?” ขณะที่นักฆ่าหันไปมอง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดดำเข้าล้อมพวกเขาไว้อย่างรวดเร็ว
“เป็อันใดหรือไม่” จ้าวต้านลงมาจากหลังคา แล้วยืนอยู่ข้างเวินซี
“หากท่านมาช้าอีกนิดคงจะมีเื่แล้วล่ะเ้าค่ะ” เวินซีถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่ามีกำลังเสริมเข้ามาช่วยแล้ว
“ฆ่าให้หมด” จ้าวต้านเงยหน้าขึ้นมองนักฆ่าที่อยู่เบื้องหน้าอย่างเ็า
“ขอรับ นายท่าน”
เมื่อได้รับคำสั่ง ลูกน้องของเขาก็พุ่งเข้าไปห้ำหั่นกับนักฆ่าทันที นักฆ่ามีจำนวนน้อยกว่า ประกอบกับเริ่มอ่อนล้าจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ไม่นานนักพวกเขาก็ไม่อาจต้านทานได้ และกลายเป็ฝ่ายที่เสียเปรียบ
โจวอวี่ชางเข้าจู่โจมเวินซีอีกครา แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวก็ถูกจ้าวต้านคว้ามือแล้วขวางไว้เสียก่อน
เขาออกแรงมากขึ้น ดาบที่อยู่ในมือของโจวอวี่ชางร่วงลงพื้นทันที
“เขาเป็อันใดไป?” จ้าวต้านเอ่ยถาม
“โดนยาพิษ แต่พิษอันใดข้าจะต้องกลับไปศึกษาดูก่อนถึงจะรู้”
เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวต้านก็ทำให้โจวอวี่ชางสลบไป พลันโยนให้ลูกน้องคนหนึ่งคอยจับตามองไว้ “ดูแลเขาให้ดี”
จากนั้นก็เข้าไปร่วมต่อสู้กับกองกำลังด้วยเพราะเห็นว่าเหล่าลูกน้องจัดการช้าเกินไป นักฆ่าถูกเล่นงานอย่างง่ายดาย เพียงแค่จ้าวต้านยกมือก็สามารถสังหารพวกเขาได้
รังสีอำมหิตของเขาแผ่ซ่านออกมา นักฆ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่กล้าเข้าจู่โจม และต่างพากันถอยหลัง
เมื่อเห็นนักฆ่าคนหนึ่งอยากหนี เวินซีก็ดีดเข็มเงินออกไป ถูกเป้าหมายอย่างแม่นยำ นักฆ่าหมดลมหายใจล้มลงกับพื้นทันที
ไม่นานนัก พวกเขาทั้งหมดก็ถูกสังหาร
เวินซีเกรงว่าจะมีคนแกล้งตาย จึงใช้ดาบแทงซ้ำทุกร่างที่อยู่บนพื้น
เพราะจ้าวต้านลงมือต่อสู้ และโจวอวี่ชางยังมีชีวิตอยู่ นักฆ่าจึงได้เห็นความลับทั้งสองเื่นี้แล้ว ดังนั้นจะปล่อยให้พวกเขารอดออกไปมิได้แม้แต่คนเดียว
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าได้สังหารพวกเขาจนหมดสิ้น เวินซีจึงวางใจ นางเดินไปข้างกายจ้าวต้านแล้วเงยหน้ามอง
นางรู้ดีว่าเขาคือเทพเ้าา แต่ยังมิเคยได้เห็นเขาต่อสู้ นี่เป็ครั้งแรกที่ได้เห็น ฝีมือสมกับคำร่ำลือจริงๆ
“รีบไปกันเถิด”
เพราะเกรงว่าจะมีคนพบเข้า จ้าวต้านจึงจับมือของเวินซีไว้ ก่อนจะใช้แรงเพียงเล็กน้อยเพื่อะโขึ้นไปบนหลังคา
โดยที่ลูกน้องของเขาเริ่มจัดการกับศพของนักฆ่า
พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็กลับไปถึงร้านเครื่องหอม
เมื่อเข้าไปในห้อง หลังจากที่ทำแผลเสร็จแล้ว เวินซีก็ล้มลงพักผ่อนบนโต๊ะด้วยความอ่อนล้า
ในขณะนั้นโจวอวี่ชางยังไม่ฟื้น เขานอนอยู่บนเตียง เวินซีจึงให้คนมัดตัวเขาไว้อย่างแ่าเพราะกลัวว่าพิษจะยังคงอยู่
“จ้าวต้าน ท่านรู้จักพิษนี้หรือไม่?” เวินซีเดินเข้าไปใกล้และเอ่ยถาม ลูกน้องของจ้าวต้านนำธูปพิษที่ดับไปแล้วครึ่งหนึ่งมาให้ จ้าวต้านมองมันด้วยสายตาจริงจัง
“รู้จัก นี่เป็เครื่องหอมต้องห้ามในเมืองหลวง”
“เครื่องหอมต้องห้าม?” เวินซีขมวดคิ้วขณะมองไปที่ธูป
“ธูปชนิดนี้ ฮูหยินตระกูลไป๋เป็ผู้คิดค้น เมื่อใช้ในา มันจะทำให้จิตใจของคนสับสนและฆ่ากันเอง”
“มีคนลอบนำเข้ามาในเมืองหลวงและทำให้ประชาชนเริ่มเข่นฆ่ากันเอง ฮ่องเต้องค์ก่อนจึงมีรับสั่งให้เครื่องหอมชนิดนี้เป็เครื่องหอมต้องห้าม นอกจากยามศึกาแล้ว หากผู้ใดนำมาใช้เองจะมีโทษปะา”
ตอนที่จ้าวต้านได้เห็นธูปนี้ก็ใไม่น้อย
การที่มันมาอยู่ที่นี่ เป็เครื่องพิสูจน์ได้ว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะฆ่าเขา ถึงขนาดยอมฝ่าฝืนกฎของฮ่องเต้คนก่อน
“มียาถอนพิษหรือไม่?” เวินซีเอ่ยถาม
“วางใจเถิด ธูปนี้มีฤทธิ์แค่ครึ่งชั่วยาม อีกไม่นานโจวอวี่ชางก็จะฟื้นเอง”
เมื่อได้ยินจ้าวต้านพูดเช่นนี้ เวินซีก็สบายใจขึ้น
นางหันกลับไปมองโจวอวี่ชางที่ยังนอนไม่ได้สติ ทันใดนั้นดวงตาก็เป็ประกายเพราะคิดบางอย่างออก
จากนั้นจึงยิ้มและมองไปที่จ้าวต้าน “พอจะช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่?”
“ได้สิ” นี่เป็ครั้งแรกที่เวินซีเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เขาจึงรับปากทันที
“ในเมื่อหลานเยว่เฉิงส่งคนมาฆ่าข้า ยามนี้ตระกูลเวินจึงไม่น่าจะเข้มงวดนัก ท่านช่วยข้าจับสตรีนางหนึ่งออกมาหน่อยเ้าค่ะ นางชื่อสวี่เหนียง มีความเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของข้า”
ก่อนหน้านี้ยังไม่มีโอกาสได้ทำ แต่ตอนนี้นางจะต้องถามให้รู้เื่ว่าสวี่เหนียงที่จู่ๆ ก็โผล่มามีความเกี่ยวข้องกับเื่ในครานั้นอย่างไร
“ได้”
เมื่อจ้าวต้านได้ยินคำว่า “ชาติกำเนิด” แม้จะรู้สึกสงสัยแต่ก็มิได้ถามอันใดให้มากความ เขาเรียกทหารลับคนหนึ่งออกมา บอกคำกล่าวของเวินซี จากนั้นทหารก็รับคำสั่งและพาคนจากไปอย่างรวดเร็ว
เวินซีเอามือเท้าคางไว้ที่โต๊ะ หลับตา ก่อนจะเผลอหลับไปโดยมิรู้ตัว
เมื่อเห็นนางเหนื่อยล้าเพียงนี้ จ้าวต้านก็มิอาจทำใจปลุกนางได้ จึงอุ้มนางไปส่งที่ห้อง