สายลมริมทะเลสาบยามสายัณห์พัดโชยมา แม้ว่าอากาศจะเริ่มอบอุ่นบ้างแล้ว แต่เมื่อถึงย่ำค่ำก็ยังหนาวเย็น
พอเห็นท้องฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ แม่นางที่ออกมาเดินย่อยหลังอาหารส่วนใหญ่ก็เริ่มกลับห้อง
โม่หลันคล้องแขนเฉียวเยว่ "พวกเรากลับกันเถอะ"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ เอี้ยวศีรษะกลับไปมองโดยไม่ตั้งใจ ดวงหน้าน้อยเผยลักยิ้มแสนน่ารักออกมา นางหยุดเท้าลง คนบนเรือในทะเลสาบหาใช่ใครอื่น แต่เป็หรงจ้าน เขาเปลี่ยนอาภรณ์แล้ว แต่ยังคงงามสง่าเป็ที่สุด
โม่หลั่นเอ่ยอย่างประหลาดใจ "ไฉนอวี้อ๋องถึงมาได้ล่ะ?"
เฉียวเยว่หัวใจเต้นแรงขึ้น หลังจากนั้นก็กางมือออก บ่งบอกว่าตนเองก็จนใจเหมือนกัน "เ้าถามข้า ข้าจะไปถามใครเล่า?"
รอยยิ้มของโม่หลันแฝงแววยั่วเย้าอยู่หลายส่วน "เ้าไม่รู้หรือ?"
หลังจากนั้นก็ผิวปากล้อเลียนราวกับชายหนุ่ม
เฉียวเยว่ยังวางท่าสงบนิ่ง ทว่าดวงหน้าแดงซ่านกลับทรยศเ้าตัว นางเอ่ยเสียงเบา "เ้าแย่มาก ทำเช่นนี้เหมือนคนเสเพลไม่มีผิด" ท่าทางจริงจังราวกับกำลังเทศนาคนของนางแลดูน่าขันยิ่งกว่า
"งั้นหรือ ช่วยไม่ได้ ข้าไม่มีคนรัก ก็ได้แต่ใช้วิธีเยี่ยงคนเสเพลเช่นนี้เอง" พูดมาถึงตรงนี้ นางก็ดันตัวเฉียวเยว่ออกไป "เ้าไปขึ้นเรือเถอะ ข้ากลับเองได้"
เฉียวเยว่ส่ายหน้าไม่ยอมอย่างเด็ดขาด อย่าว่าแต่นางกับหรงจ้านอยู่ด้วยกันสองต่อสองอาจถูกผู้อื่นครหานินทา ด้วยดินฟ้าอากาศเช่นนี้หากให้โม่หลันกลับเพียงลำพัง เฉียวเยว่ค่อนข้างเป็ห่วง แม้ว่าระยะห่างจากริมทะเลสาบถึงที่พักจะใกล้มาก แต่ยากจะป้องกันผู้มีเจตนาร้าย
เฉียวเยว่ไม่ยอม คล้องแขนโม่หลันไว้เสียเลย "ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ดีเท่ากับเ้า"
หลังจากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาอีก โม่หลันได้แต่เอ่ยอย่างจนใจ "ปากน้อยๆ ของเ้านี่ช่างหวานยิ่งนัก เพียงแต่... หากท่านอ๋องของพวกเ้าได้ยินเข้า ไม่รู้จะรู้สึกเช่นไร"
ระหว่างที่ทั้งสองยังยื้อยุดกันอยู่ ก็เห็นหรงจ้านลงจากเรือลำน้อย เขาเดินมาถึงข้างกายแม่นางน้อยทั้งสอง สายตาที่มองลงมาระคนไปด้วยความเยียบเย็น แต่การกระทำกลับตรงข้าม เขายื่นร่มกันฝนที่พกติดตัวให้ทั้งสอง "ฝนใกล้จะตกแล้ว พวกเ้าคงมิได้พกร่มมากัน ข้าคิดว่าของที่ทางโน้นเตรียมไว้น่าจะมีจำกัด พวกเ้าเอาอันนี้ไปน่าจะสะดวกกว่ามาก"
เฉียวเยว่กล่าวขอบคุณแล้วรับร่มมา แม้ว่าฝนจะยังไม่ตก แต่นางกลับกางออก ร่มสีชมพูดอกท้อขับเน้นสีผิวของเฉียวเยว่ให้ยิ่งขาวกระจ่างน่ามอง
หรงจ้านเห็นเช่นนี้ก็นึกในใจ หลังจากกลับเมืองหลวง เขาต้องหาเหตุผลสักข้อเร่งให้มีการหมั้นหมายเร็วขึ้น มิเช่นนั้นเฉียวเยว่นับวันก็ยิ่งงามเฉิดฉัน ยากจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครคิดมา่ชิงไป
เขาก้มหน้า หลังจากนั้นก็พูดว่า "ที่พักข้าอยู่ไม่ไกล"
หลังจากนั้นก็หันหลังชี้ไปยังที่พักของตนเอง "หากพวกเ้า้าสิ่งใด ก็ไปหาได้"
เฉียวเยว่ตอบอื้อ ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น แล้วดึงโม่หลันจากไปอย่างรวดเร็ว
จะว่าไปก็ต้องขอบคุณร่มของหรงจ้าน พวกนางยังไม่ทันกลับไปถึง หยาดฝนเท่าเมล็ดถั่วก็เทลงมา หรงฉางเกอเห็นพวกนางกลับมาก็แค่นเสียงเยาะ "ตอนแรกข้าคิดอยู่ว่าจะไปยืมร่มสักคันออกไปรับพวกเ้า แต่ดูจากตอนนี้พวกเ้าก็ไม่โง่สักเท่าไร รู้จักวางแผนล่วงหน้าพกร่มออกไปด้วย"
เฉียวเยว่ยิ้มบางๆ แต่ไม่พูดอะไร
เสียงฟ้าร้องครืนๆ ดังมาไม่ขาดสาย เฉียวเยว่ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ในใจนึกเป็ห่วงหรงจ้านขึ้นมา หรงจ้านมอบร่มให้พวกนาง ไม่รู้ว่าเขาจะเป็อย่างไรบ้าง เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
ท่าทางเช่นนี้ชวนให้คนเห็นแล้วรู้สึกปวดใจ
ฉินอิ๋งเดินมาถึงข้างหน้าต่าง "เป็อะไร เ้าดูอะไรอยู่หรือ?" นางเอ่ยถาม
ฝนตกแรงและหนักมาก แทบจะมองไม่เห็นผู้มาที่อยู่ห่างไกล
"ดูฝนตก" เฉียวเยว่ตอบ
"ข้างนอกมีฟ้าร้อง เ้ายังทำเอ้อระเหยลอยลม ระวังเถอะจะถูกฟ้าผ่าเอา ดูท่าทางเ้าไม่คล้ายเป็คนโชคดีอะไร" หรงฉางเกอพูด
คนบางคนแม้จะห่วงใยผู้อื่นแต่กลับพูดจาไม่เป็ ทำให้คนรู้สึกขัดหู เฉียวเยว่รู้ หรงฉางเกอพูดเช่นนี้เพราะความหวังดี นางปิดประตูหน้าต่าง แล้วเช็ดคราบน้ำฝนให้แห้ง ก่อนเอ่ยว่า "อากาศเยี่ยงนี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้พวกเราจะออกไปวาดภาพกันได้หรือเปล่าสิ"
"ฝนมาเร็วเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวก็คงหยุดแล้วล่ะ พวกเราเข้านอนกันเร็วหน่อยดีกว่า"
โม่หลันเริ่มปูที่นอน เฉียวเยว่เข้ามาช่วยอีกแรง แต่ยามนี้หรงจ้านถือร่มยืนอยู่หน้าประตูเรือนพักตากอากาศ แล้วก็จ้องมองอยู่เยี่ยงนี้
เสียงฝีเท้าอาชาระลอกหนึ่งจากไกลๆ เริ่มใกล้เข้ามา หรงจ้านหันไปด้านข้างมองไปทางผู้มา
คนบนหลังอาชาเรือนร่างบอบบางอรชร สวมชุดกันฝนไม้ไผ่ แม้ว่ารูปโฉมจะงดงาม แต่แฝงไปด้วยความเ็าอยู่หลายส่วน
หลี่เฉิงซูพลิกกายลงจากม้า มองมาที่หรงจ้าน
"ศิษย์พี่ ท่านมาสาย" หรงจ้านเอ่ยปาก
สีหน้าของหลี่เฉิงซูปราศจากอารมณ์ใดๆ ทั้งยังเ็าขึ้นกว่าเดิม นางเอ่ยเสียงแข็ง "ยังไม่ตายก็ถือว่าไม่สาย คนเล่า?"
"ไปกันเถอะ" หรงจ้านกล่าว
ที่พักของหรงจ้านอยู่ไม่ไกลจากเรือนพักตากอากาศ ทั้งสองเข้าไปข้างใน บรรยากาศภายในค่อนข้างเคร่งขรึม หลี่เฉิงซูตามหรงจ้านเข้าไปในห้อง เห็นบุรุษนอนอยู่ในนั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่นอนอยู่ในที่พักของหรงจ้านจะเป็ฉีจือโจว
หลี่เฉิงซูก้าวเข้าไปตรวจชีพจรให้ทันที หลังจากนั้นก็เงยหน้าตอบว่า "ถูกพิษ"
หรงจ้านพยักหน้า "ใช่ ถูกพิษ"
หลี่เฉิงซูปล่อยมือ "ขออภัย ข้าไม่อยากช่วยชีวิตเขา"
นางเช็ดมือแล้วเอ่ยอย่างเ็า "เ้าเรียกข้ามาทั้งที่สภาพอากาศเลวร้ายเพียงเพื่อมาช่วยชีวิตเขา? หรงจ้าน ข้าไม่รู้ว่าเ้ากลายเป็คนจิตใจดีเยี่ยงนี้ั้แ่เมื่อไร หรือเพื่อเอาใจซูเฉียวเยว่ถึงช่วยชีวิตลุงของนาง?"
หลี่เฉิงซูล้วงเข็มเงินออกมาเล่มหนึ่ง "ข้าว่ายากยิ่งนักที่จะมีโอกาสเช่นนี้ มิสู้ให้ข้าจัดการ ทำให้เขาตายไปเสีย ต่อไปจะได้ไม่มีใครสร้างความลำบากให้เ้าอีก"
นางก้าวเข้าไปอีกก้าว แต่ยังไม่ทันลงมือก็ถูกหรงจ้านรั้งไว้
"ศิษย์พี่จะทำอันใด ข้าคิดว่าฉีจือโจวไม่นับว่าเป็ศัตรูคู่แค้นของท่าน" หรงจ้านคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เขาหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อยแล้วพูดต่อ "ท่านว่า หากท่านช่วยชีวิตฉีจือโจวไว้ เขาควรตอบแทนบุญคุณหรือไม่? เสนาบดีเ้ากรมอาญาทั้งคน เชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์มากโขอยู่กระมัง ศิษย์พี่ เมื่อกลับมาแล้ว ก็มุ่งมั่นแก้แค้นให้ดีเถอะ ส่วนเื่อื่นๆ ล้วนแต่ไม่สำคัญ"
หลี่เฉิงซูมองฉีจือโจวเงียบๆ ไม่มองหรงจ้าน ผ่านไปครู่ใหญ่ นางก็ยิ้มมุมปาก แล้วนั่งลงข้างเตียงของฉีจือโจว "แม้สังหารคนได้ ก็สามารถช่วยคนได้ บางทีก็น่าแปลกเหมือนกัน"
เข็มในมือแทงไปที่ร่างของฉีจือโจว ทันใดนั้นเขาก็กระอักโลหิตสีดำออกมา
"ออกไปเถอะ" หลี่เฉิงซูกล่าว
หรงจ้านส่ายหน้าไม่ยอม "อารมณ์ของท่านดูไม่ค่อยจะมั่นคง หากท่านอารมณ์ไม่ดี ทำเขาตายขึ้นมา ข้าจะไปร้องไห้กับผู้ใด? ศิษย์พี่ ท่านเป็คนเยี่ยงไร ข้ารู้ดีอย่างยิ่ง วางใจเถอะ ข้าจะไม่รบกวนท่าน"
หลี่เฉิงซูยกมุมปากเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ถอดเสื้อของฉีจือโจว แล้วก็ถอดกางเกงของเขา หลังจากถอดจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า หลี่เฉิงซูก็ไม่แตะต้องเขาแม้แต่น้อย กลับฝังเข็มไปตามจุดต่างๆ บนร่างกาย
ฉีจือโจวกระอักโลหิตไม่หยุด หลี่เฉิงซูเอ่ยขึ้นมา "สั่งให้คนไปต้มน้ำแกงตับหมูเืหมูเตรียมให้เขา มิเช่นนั้นคนผู้นี้คงได้กลายเป็ศพไปแน่"
หรงจ้านดูสีหน้าของหลี่เฉิงซู แล้วหมุนตัวออกไปจากห้อง ไม่ดึงดันเหมือนเมื่อครู่นี้อีก
หลี่เฉิงซูลุกขึ้น หลังจากนั้นก็คิดจะพลิกตัวบุรุษตรงหน้า แต่จู่ๆ ฉีจือโจวก็ลืมตาขึ้น พอเห็นหลี่เฉิงซู ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เอื้อมมือไปบีบคออีกฝ่าย จนนางล้มลงมาบนตัวเขา
หลี่เฉิงซูพลั้งไปแตะต้องถูกอวัยวะบางส่วนที่ไม่อาจบรรยายได้บนตัวเขา ใบหน้าพลันแดงก่ำ การตรวจรักษาคนเป็เื่หนึ่ง แต่นี่ก็เป็อีกเื่หนึ่ง นางโกรธจัด แทงเข็มใส่ฉีจือโจวโดยตรง เขาจดจ้องนางอย่างเอาเป็เอาตาย ทั้งสองดูราวกับมีความแค้นต่อกันอย่างล้ำลึก ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันอย่างดุเดือด
ผ่านไปนานเท่าไรก็สุดรู้ได้ มือของฉีจือโจวอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็หมดสติไปอีกครา
หลี่เฉิงซูลุกขึ้นมานั่ง สะบัดข้อมือตบหน้าเขาโดยไม่ลังเล แล้วสบถว่า "คนหน้าไม่อาย"
หลังจากตบหน้าแล้ว ก็ดูเหมือนจะคลายโทสะลงได้บ้าง นางจับฉีจือโจวพลิกไปอีกด้าน หลังจากนั้นก็ฝังเข็มอีกครั้ง
จนกระทั่งหรงจ้านกลับมา เห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของฉีจือโจว และเห็นอาภรณ์ของหลี่เฉิงซูไม่เรียบร้อย ก็เอ่ยถาม "เขาไม่ได้ทำอะไรท่านกระมัง?"
หลี่เฉิงซูหัวเราะเย้ยหยัน "อย่างเขาจะทำอะไรข้าได้ หากเขาล่วงเกินข้า เ้าคิดว่าเขาจะยังมีลมหายใจอยู่อีกหรือ?"
หลี่เฉิงซูเอ่ยอย่างช้าๆ "การปล่อยให้คนตายไม่ใช่เื่น่ากลัว แต่การทำให้คนตายทั้งเป็สิน่าสนใจมากกว่า"
"หากไม่เห็นแก่ที่เขาเป็เ้ากรมอาญา และเป็เ้าของหอน้ำชาเจ็ดสมบัติ ข้าจะต้องทำให้เขาอยู่ไม่สู้ตายเสียตอนนี้เลย"
พูดจบก็เริ่มล้างมือ "ฉีจือโจวมาอยู่กับเ้าได้อย่างไร?" นางถาม
หรงจ้านเลิกคิ้ว "หากข้าบอกว่าเป็ความบังเอิญเล่า ท่านจะเชื่อหรือไม่?"
หลี่เฉิงซู "เ้าเก็บความคิดนี้ไปหลอกคุณหนูเจ็ดสกุลซูคนงามปานหยาดฟ้าผู้นั้นเถอะ"
หรงจ้าน "เพราะเื่ที่มู่หรงจิ่วคิดจะแต่งงานกับซูเฉียวเยว่ ฉีจือโจวก็เลยลงมือเล่นลูกไม้บางอย่าง แต่โชคไม่ดี เขาดันไปตีถูกปราณชีวิตของมู่หรงจิ่วเข้าพอดี ก็เลยมีคนตามมาเอาคืน"
หลี่เฉิงซูแค่นเสียงเยาะ "เื่เช่นนี้คงต้องโทษความโง่เขลาของตนเอง ปรกติเขาก็เก่งกล้าสามารถ ไม่นึกว่าจะมาตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้"
หรงจ้านยิ้มน้อยๆ "เขาไม่โง่หรอก แค่ไม่รู้จักมู่หรงจิ่วดีพอ"
หรงจ้านมองหลี่เฉิงซูอย่างรังเกียจ "สกปรก ข้าสั่งคนให้เตรียมน้ำให้แล้ว ท่านไปอาบน้ำเถอะ ข้าจะเตรียมคนมาดูแลใต้เท้าฉีเอง หากเขาหายหน้าหายตาจากเมืองหลวงนานเกินไป อาจกระตุ้นให้ผู้อื่นเกิดความคิดบางอย่างได้"
"แล้วเ้าเล่า?" หลี่เฉิงซูถามทันที
หรงจ้านเลิกคิ้ว
"ข้าหรือ? ข้าก็ต้องไปทวงความดีความชอบกับแม่นางน้อยเสียหน่อย การทำความดีโดยไม่ทิ้งชื่อไว้ หาใช่วิสัยของข้าหรงจ้าน" หรงจ้านตอบอย่างฉาดฉาน
หลี่เฉิงซูหัวเราะหึๆ "คนถ่อย"
หลังจากนั้นก็หมุนตัวจากไป
หรงจ้านยักไหล่ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดศิษย์พี่ถึงเข้าใจคำจำกัดความของคำว่าคนถ่อยผิดไป
...
หรงจ้านพาเฉียวเยว่มา ทั้งสองเข้ามาในห้องอย่างเร่งร้อน พอนางเห็นท่านลุงสวมอาภรณ์สีเขียวเข้ม ส่วนคนที่อยู่ข้างกายเขาก็คือหลี่เฉิงซู ก็ถามอย่างกระวนกระวายใจ "พี่หญิงหลี่ ท่านลุงของข้าเป็อย่างไรบ้าง"
หลี่เฉิงซูมองหรงจ้านปราดหนึ่งแล้วตอบ "ยังไม่ตาย"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้