กู่ซิ่วขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างชายมีปานกับสวี่ฮุ่ย
ลูกสาวคนเล็กไปพบกับนักโทษหนีคดีคนนี้ แล้วโยนความผิดให้กับยัยเด็กเวรนี่ั้แ่เมื่อไหร่?
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงตอนที่กลับบ้านเดิมเมื่อบ่ายวานนี้ ระหว่างทางสวี่เยว่เล่าเื่ที่สวี่ฮุ่ยแจ้งเบาะแสคนร้ายให้เธอฟัง
เธอนึกขึ้นได้ว่า่ที่สวี่เยว่เล่าเื่นั้น เสียงของสวี่เยว่ดังกว่าปกติมาก แถมในตอนนั้นเองยังมีชายร่างเตี้ยคนหนึ่งที่เธอเองก็มองเห็นหน้าไม่ชัดวิ่งผ่านไปแวบหนึ่งด้วย
หรือว่าสวี่ฮุ่ยถูกจับเป็ตัวประกันจะเป็แผนของสวี่เยว่ทั้งหมด?
กู่ซิ่วถามอย่างเคร่งขรึมว่า “เยว่เยว่ บอกแม่ตามตรงนะ ลูกเป็คนพานักโทษหนีคดีคนนั้นมาหรือเปล่า?”
สวี่เยว่ส่ายหน้าโดยไม่ลังเลสักนิด “เปล่านะคะ”
“เป็ไปได้ว่าตอนที่หนูเล่าเื่ที่พี่เอาเื่ไปแจ้งตำรวจให้แม่ฟังเมื่อวาน นักโทษคนนั้นอาจจะได้ยินเข้าพอดี”
เธอถามกู่ซิ่วด้วยใบหน้าใสซื่อ “แม่ไม่คิดว่ารูปร่างของนักโทษหนีคดีที่จับพี่เป็ตัวประกันคล้ายกับชายคนนั้นที่เราเห็นแถวบ้านพักครูเมื่อบ่ายวานนี้บ้างเหรอคะ?”
กู่ซิ่วมองดวงตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธอ แล้วก็เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
เยว่เยว่บริสุทธิ์ผุดผ่องขนาดนี้ จะวางแผนทำร้ายพี่สาวได้ยังไงกัน!
สวี่เยว่กล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ถ้ารู้ว่าจะพาคนร้ายมาด้วย เมื่อวานหนูก็คงไม่เล่าเื่ที่พี่แจ้งเบาะแสให้แม่ฟังข้างนอก”
“ถ้าพี่เป็อะไรไป หนูคงอยู่ไม่สุขตลอดชีวิต”
กู่ซิ่วทำหน้าบึ้ง “มันเกี่ยวอะไรกับลูก? ยัยเด็กเวรนั่นหาเื่ใส่ตัวเอง อยากจะไปแจ้งเบาะแสกับตำรวจ ไม่งั้นเขาก็คงไม่มาเอาคืนหรอก! ขอแค่ยัยนั่นอย่าพาพวกเราซวยไปด้วยก็พอ!”
นอกหน้าต่าง สวี่ฮุ่ยทำท่าทางเหมือนถูกใส่ร้ายป้ายสีแล้วส่ายหน้าสุดชีวิต “ฉันไม่ได้ทำจริง ๆ น้องสาวฉันใส่ร้ายฉัน เธออยากแอบอ้างชื่อฉันไปเรียนมหาวิทยาลัย ถึงได้อยากยืมมือนายมากำจัดฉัน นายอย่าหลงกลเชียวนะ”
แน่นอนว่าชายมีปานรู้ว่าสวี่เยว่อยากยืมมือเขาฆ่าคน คงไม่มีเื่บังเอิญขนาดที่ให้เขาได้ยินคำพูดพวกนั้นพอดีหรอก
ชายมีปานฟันสันมีดไปที่สวี่ฮุ่ยอีกครั้ง “ฉันเคยเจอเธอ เธอต้องเป็คนที่แจ้งเบาะแสกับตำรวจแน่ ๆ ไม่ต้องมาแก้ตัว!”
ในเมื่อสวี่เยว่อยากยืมมือชายมีปานฆ่าเธอ งั้นเธอก็จะยืมมือชายมีปานฆ่าเ้าตัวกลับเหมือนกัน
สวี่ฮุ่ยแต่งเื่ขึ้นมา “นายหมายถึงตอนที่เราชนกันใช่ไหม? ฉันเพิ่งรู้ว่านายเป็นักโทษหนีคดีเมื่อวานซืนนี้เอง ฉันเลยกลัวแล้วเล่าเื่นี้ให้น้องสาวฟัง เธอต้องเป็คนแจ้งเบาะแสนายให้กับตำรวจแน่ ๆ!”
ตอนที่สวี่ฮุ่ยพูด ฟันของเธอสั่นกระทบกันตลอดเวลา เหมือนกลัวชายมีปานมาก
ชายมีปานนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอสวี่เยว่เมื่อวานนี้
เห็น ๆ อยู่ว่าเธอจำเขาได้ แต่กลับไม่กลัวเลยสักนิด แถมยังอยากยืมมือเขากำจัดสวี่ฮุ่ยอีก
คิดไปคิดมา เขาก็รู้สึกว่าสวี่เยว่น่าจะเป็คนแจ้งเบาะแสเขามากกว่า
แต่ถ้าเป็พี่สาวที่แจ้งเบาะแสล่ะ?
งั้นก็ฆ่าทิ้งทั้งพี่ทั้งน้องไปเลยละกัน จะได้ไม่มีใครหนีรอดไปได้
ชายมีปานใช้มีดทำครัวเคาะไปที่ใบหน้าสวย ๆ ของสวี่ฮุ่ย “เรียกน้องสาวเธอออกมา ฉันจะถามมันเอง”
ดวงตาของสวี่ฮุ่ยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “เธออยากฆ่าฉันใจจะขาด ฉันเรียกเธอ เธอจะออกมาได้ยังไง?”
สวี่เยว่ไม่คิดว่าสวี่ฮุ่ยจะโยนความผิดมาที่ตัวเอง
เธอใจนหน้าซีดเผือด คว้ามือของกู่ซิ่วแล้วพูดด้วยความร้อนใจและหวาดกลัว กระทืบเท้าไปมา“แม่ พี่จะฆ่าหนู หนูจะทำไงดี? ทำยังไงดี! ”
กู่ซิ่วก็ร้อนใจไม่แพ้กัน เธอปลอบลูกสาวคนเล็กว่า “ไม่ต้องกลัว พวกเราหลบอยู่ในบ้าน คนร้ายเข้ามาไม่ได้หรอก!”
ตอนที่นักโทษหนีคดีบุกเข้ามาในบ้านพักพนักงานเมื่อกี้ ครอบครัวที่มีโทรศัพท์แอบโทรแจ้งตำรวจแล้ว
บทสนทนาระหว่างสวี่ฮุ่ยกับชายมีปานยังไม่ทันจบ จู่ ๆ ก็มีตำรวจหลายนายวิ่งเข้ามาทางประตูใหญ่ของบ้านพักพนักงานเล็งปืนไปที่ชายมีปาน
หนึ่งในนั้นที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าะโว่า “ปล่อยตัวประกันซะ!”
ชายมีปานะโกลับ “ถ้าอยากให้ฉันปล่อยตัวประกัน ไม่ยาก อย่างแรก เอาเงินสดมาให้ฉันสามหมื่นหยวน สอง หารถให้ฉันคันหนึ่ง แล้วก็เรียกน้องสาวของยัยนี่ออกมา ฉันมีเื่จะถามมัน”
หลังจากได้เงินกับรถแล้ว เขาจะจับพี่น้องคู่นี้ไปยังที่ปลอดภัย ไม่ว่าใครเป็คนแจ้งเบาะแสเขาก็ตาม เขาจะฆ่าทิ้งให้หมด แล้วค่อยหนีไป
สวี่เยว่ที่กระวนกระวาย หลบอยู่ในบ้าน พอถูกเรียกชื่อก็ยิ่งใจนหน้าไร้สี
เธอร้องไห้พลางกล่าว “แม่ หนูไม่ออกไป ให้ตายหนูก็ไม่ออกไป!”
กู่ซิ่วโอบกอดลูกไว้ในอ้อมแขนแล้วตบหลังปลอบเบา ๆ “ไม่ต้องกลัว ๆเยว่เยว่ไม่ต้องกลัวนะ มีตำรวจตั้งเยอะแยะ พวกเราไม่ออกไปหรอก ดูซิว่าไอ้โจรหนีคดีนั่นจะทำอะไรลูกได้!”
ทันทีที่เธอพูดจบ ชายมีปานก็ลากสวี่ฮุ่ยไปที่มุมกำแพงด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ เอาหลังชนกับผนัง
ทำแบบนี้แล้ว เขาก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่ทั้งหมดในเขตบ้านพักพนักงาน
เขามองไปยังพลซุ่มยิงที่นอนหมอบเล็งปืนมาที่เขาอยู่บนหลังคาแล้วตะเบ็งเสียงดังว่า “ถอยไปซะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าตัวประกันทิ้ง!”
สิ้นเสียงก็ทำท่าจะกรีดมีดลงบนคอของสวี่ฮุ่ย
สวี่ฮุ่ยแสร้งทำเป็สลบไป ั์ตากลอกขึ้น้า ร่างไถลลงไปกับพื้น ชายมีปานดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่อยู่ จึงไม่ทันได้ลงมีด
พลซุ่มยิงที่นอนหมอบอยู่บนหลังคาฉวยโอกาสที่ชายมีปานเสียสมาธิ ยิงใส่ข้อมือที่ถือมีดของชายคนนั้นอย่างเด็ดขาดในนัดเดียว
ชายมีปานร้องลั่นด้วยความเ็ป มีดหล่นลงพื้น
ถึงแม้สวี่ฮุ่ยจะแกล้งสลบ แต่เธอยังลืมตาเล็กน้อยเพื่อสังเกตการณ์รอบข้าง พอเห็นดังนั้นก็รีบล้มลงไปทับมีดเล่มนั้นพอดี
ในขณะเดียวกัน เสียงปืนนัดที่สองก็ดังขึ้น ชายมีปานถูกยิงที่ขาและล้มลงกับพื้น
ตำรวจคนอื่น ๆ กรูกันเข้ามาจับเป็ชายคนนั้นได้ในที่สุด
พลซุ่มยิงะโลงมาจากหลังคา เดินไปที่ข้าง ๆ สวี่ฮุ่ยแล้วนั่งยอง ๆ ลงตรวจดูว่าเธอาเ็หรือไม่
สวี่ฮุ่ยลืมตาพรึ่บขึ้นเหมือนนกฮูกแล้วบอกเขาว่า “ฉันไม่เป็ไรค่ะ”
แม้พลซุ่มยิงจะสวมหน้ากากปิดหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตา ทว่าสวี่ฮุ่ยก็ยังแอบตื่นเต้น
ดวงตาคู่นี้!
คือผู้มีพระคุณของเธอในชาติที่แล้ว!
ชายที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าเดินเข้ามาพูดกับสวี่ฮุ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ถ้าไม่เป็อะไรก็ไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจกับพวกเรานะ”
ตำรวจไม่เพียงแต่จะพาสวี่ฮุ่ยไปเท่านั้น แต่จะพาสวี่เยว่ไปด้วย
สวี่เยว่หวาดกลัวจนร้องโวยวายไม่ยอมไปสถานีตำรวจเหมือนกำลังจะเดินเข้าแดนปะา แต่สุดท้ายก็ถูกพาตัวไป กระทั่งกู่ซิ่วยังห้ามไม่อยู่
เมื่อไปถึงสถานีตำรวจ ชายที่มีปานไม่ยอมสารภาพเื่อื่น แต่กลับสารภาพเหตุผลที่เขาจับสวี่ฮุ่ยเป็ตัวประกันว่าเป็เพราะถูกล่อลวงด้วยคำพูดของสวี่เยว่
เขาถูกจับได้แล้ว ไม่สามารถแก้แค้นคนที่แจ้งความจับเขาได้ จึงอาศัยคำให้การให้พี่น้องสกุลสวี่กัดกันเอง
คำให้การของสวี่ฮุ่ยก็คล้ายกับชายมีปาน แต่ต่อหน้าตำรวจ เธอไม่ได้บอกว่าสวี่เยว่เป็คนแจ้งความจับชายคนนั้น
แต่พูดความจริงว่าสวี่เยว่จงใจทำให้ชายมีปานเข้าใจผิดว่าเธอเป็คนแจ้งความจับเขา เพื่อที่จะยืมมือชายมีปานฆ่าเธอและสวมรอยไปเรียนมหาวิทยาลัยแทน
ตอนนั้นเธอโกหกชายมีปาน ข้อแรกก็เพื่อป้องกันตัวเอง ข้อสองเพราะโกรธที่สวี่เยว่แทงข้างหลังนาง
ส่วนสวี่เยว่ก็ยืนกรานว่าเธอไม่ได้ล่อลวงชายมีปานให้มาจับสวี่ฮุ่ยเป็ตัวประกัน ทุกอย่างคือเื่บังเอิญ
เธอไม่ได้คาดคิดว่าบทสนทนาระหว่างเดินกับแม่จะถูกคนร้ายได้ยินเข้า จนทำให้พี่สาวเกือบเอาชีวิตไม่รอด
แต่ตำรวจไม่ใช่คนโง่ พวกเขาถามเธอ ในเมื่อเธอบอกว่าเห็นสวี่ฮุ่ยเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจกับตา แล้วเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจไหน
แค่คำถามเดียวก็ทำให้สวี่เยว่ไปไม่เป็ เธอจึงต้องอ้างว่าเป็สถานีตำรวจตำบลเถาฮวา
อย่างไรก็ตาม สถานีตำรวจตำบลเถาฮวาไม่มีบันทึกการแจ้งความเบาะแสคนร้าย คำโกหกของสวี่เยว่เลยถูกเปิดโปง
ในที่สุดสวี่เยว่ก็จำใจยอมรับว่าเธอจงใจล่อลวงชายมีปานให้มาจับสวี่ฮุ่ยเป็ตัวประกัน
แต่เธอดึงดันไม่ยอมรับว่าทำลงไปเพราะ้าสวมรอยเป็สวี่ฮุ่ยไปเรียนมหาวิทยาลัย บอกแค่ว่าเพราะสวี่ฮุ่ยเคยใส่ร้ายเธอก่อน เธอเกิดโทสะชั่ววูบ เลยอยากยืมมือคนอื่นฆ่าพี่
