“ข้าพอรู้เื่เหมืองแร่ดาราอยู่บ้าง หากไม่มีผลึกแร่ดาราที่บริสุทธิ์ปรากฏออกมาอีก นั่นหมายความว่าเหมืองแร่แห่งนี้ไม่มีสิ่งของล้ำค่าใดๆ หลงเหลืออยู่อีกแล้ว”
“อย่างไรก็ตาม อัญมณีที่สามารถดูดซับปราณดาราเหล่านี้ได้ย่อมมีความโดดเด่นเป็อย่างมาก มีเพียงผลึกแร่บริสุทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถรวบรวมและดูดซับพลังปราณดาราได้”
เซียวหานชี้นิ้วเรียวไปทางด้านหลังของหยวนจุนประมาณหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นจึงกล่าวเสียงเบาออกมาว่า “เหมืองแร่บนูเาสองแดนที่ตระกูลหลิวอยู่นี้ หากอยู่ในระยะไกลเกินกว่าที่พวกเรายืนอยู่ประมาณหนึ่งร้อยเมตร ระดับความบริสุทธิ์ของผลึกแร่ดาราจะยิ่งลดน้อยลง”
“เมื่อดูจากขอบเขตของูเาสองแดน อีกไม่กี่ร้อยเมตรคงถึงทางเข้าเหมืองแร่แล้ว ข้าว่าตระกูลหลิวต้องล้มเลิกความคิดเื่การขุดหาผลึกแร่ไปก่อนอย่างแน่นอน”
หยวนจุนมิได้สนใจในสิ่งที่เซียวหานกำลังอธิบาย เขาหันไปเคาะพื้นทางซ้ายทีทางขวาที แม้จะไม่ได้ยินการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่เขาก็เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เซียวหานและตระกูลหลิวคิดแน่นอน
“ก๊อก”
หยวนจุนใช้มือเคาะพื้นหินเบาๆ แล้วถ่ายพลังปราณดาราภายในลงไป จากนั้นเขาก็พบความผิดปกติที่ปรากฏอยู่ใต้พื้น!
พื้นทางด้านซ้ายส่งเสียงแปลกๆ ออกมา ทั้งยังมีเสียงทุ้มต่ำสะท้อนกลับมาอีกด้วย
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าด้านล่างทางซ้ายของพื้นหินที่ดูธรรมดานี้น่าจะมีลักษณะกลวง!
“เป็ไปได้หรือไม่ว่าูเาสองแดนยังมีของล้ำค่าหลงเหลืออยู่!” เซียวหานหายใจถี่ขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงสะท้อน หน้าอกของนางขยับขึ้นลงอย่างชัดเจนซึ่งทำให้ดูน่าสนใจ
ตระกูลเซียวขุดแต่ผลึกแร่ดาราที่สามารถมองเห็นได้แต่ไม่เคยสนใจพื้นที่ที่อยู่นอกเขตของเหมืองแร่เลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกจำกัดไปด้วยความรู้ในตำรา
“เคลื่อนไหวมากไปจะกลายเป็จุดสนใจ!”
หยวนจุนพึมพำ จากนั้นจึงนำกระบี่หยวนจุนแทงเข้าไปในพื้นหินที่อยู่ใต้เท้า พื้นหินนั้นถูกกระบี่หยวนจุนเจาะลงไปง่ายดายราวกับกำลังจิ้มเต้าหู้
เขาแทงกระบี่ลงไปหลายครั้งจนทำให้พื้นหินใต้เท้าถูกเจาะลึกลงไปถึงสิบจั้ง!
เมื่อรู้สึกถึงกระแสพลังบริสุทธิ์ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า หยวนจุนจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที เขากระทืบเท้าลงไปโดยที่มิได้สนใจว่าข้างในนั้นมีสิ่งใดอยู่
หลังจากหยวนจุนกระทืบเท้าลงไปก็เกิดเสียงดังสนั่น ปราณดาราที่อยู่ในอากาศเปลี่ยนเป็กระแสปราณหนาแน่นแล้วพุ่งออกมาจากช่องที่อยู่บนพื้น
ระดับของปราณดาราที่พุ่งออกมานี้ อย่างน้อยก็หนาแน่นมากกว่าด้านนอกถึงห้าเท่า!
“ปราณดารานี้หนาแน่นเป็อย่างมาก นึกไม่ถึงเลยว่าสถานที่เล็กๆ ในเมืองเทียนอวิ่นจะมีของล้ำค่าซ่อนอยู่!”
หยวนจุนแสดงอาการดีใจออกมา เขาโบกมือเรียกเซียวหานขณะที่กำลังกอดผลึกแร่อยู่ในอก เมื่อนางะโลงไป ก็พบว่ากำลังอยู่ในถ้ำที่เต็มไปด้วยพลังปราณสีฟ้าอ่อนกับหยวนจุน
แสงสีน้ำเงินเข้มปรากฏอยู่รอบๆ ถ้ำ แม้พื้นที่จะมิได้กว้างมาก แต่ก็ทำให้รู้สึกถึงพลังปราณที่น่าประหลาดใจ!
“ซู่ ซู่”
ด้านล่างของถ้ำที่พวกเขาสองคนกำลังยืนอยู่นี้เป็แอ่งน้ำสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งปราณดาราที่อยู่รอบๆ พวกเขาคือพลังที่แผ่ออกมาจากกระแสน้ำ
หากสังเกตให้ดี จะเห็นเงาสีแดงหม่นซ่อนอยู่ในแอ่งน้ำขนาดเล็กแห่งนี้ ซึ่งเสียงน้ำที่กระเซ็นออกมาเมื่อครู่นี้ก็มาจากมัน
เนื่องจากมิได้รู้สึกถึงพลังปราณอันตรายที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาจึงมิได้ใส่ใจเงาสีแดงหม่นที่อยู่ในแอ่งน้ำ
ขณะที่หยวนจุนและเซียวหานกำลังจะนำน้ำที่เต็มไปด้วยปราณดารากลับไป เงาสีแดงหม่นที่อยู่ก้นแอ่งก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นมากขึ้น
แอ่งน้ำนี้เหมือนมีผู้ใดขุดหลุมใหญ่ไว้ที่ก้นแอ่ง เพราะเมื่อมีฟองอากาศผุดขึ้นมาบนผิวน้ำ น้ำในแอ่งก็หายไปอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน
“ฟ่อ”
เงาสีแดงหม่นปรากฏขึ้นมาทันที หัวของมันมีขนาดใหญ่เท่ากับแอ่งน้ำ ดวงตาสีแดงเรียวยาวสะท้อนความน่ากลัวออกมา มันเต็มไปด้วยพลังปราณที่ดุร้าย!
เมื่อปากขนาดั์นั้นเปิดออก เขี้ยวยาวขนาดเท่ากับตัวของหยวนจุนได้ปรากฏอยู่ภายใน มันเต็มไปด้วยพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและส่งกลิ่นเหม็น อีกทั้งลิ้นที่ยาวออกมายังทำให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าดูน่ากลัวมากขึ้นอีกด้วย!
เมื่อหยวนจุนเห็นงูสีแดงหม่นขนาดั์ตัวนี้ เหงื่อเย็นเยียบจึงไหลลงบนแผ่นหลังทันที
สิ่งนี้คืองูเหลือมเกล็ดโลหิตที่เกือบจะหายสาบสูญไปแล้วในมหาภพหลิงเทียน ซึ่งตัวที่อยู่ตรงหน้านี้ อย่างน้อยคงเป็สัตว์อสูรระดับห้า เทียบได้กับนักยุทธ์ระดับจันทราขั้นห้าหรือหก!
เมื่อครู่นี้หยวนจุนและเซียวหานมิได้ให้ความสนใจกับเงานี้มากนัก เพราะพวกเขาไม่คิดว่าทีู่เาสองแดนจะมีสิ่งที่น่ากลัวเช่นนี้ซ่อนอยู่!
การที่อาศัยอยู่ท่ามกลางปราณดาราที่หนาแน่นตลอดทั้งปีทำให้ปราณบนตัวของสัตว์อสูรถูกหลอมรวมกับแอ่งน้ำสีน้ำเงินนั้น หากมันไม่ปรากฏตัวให้เห็น คงไม่มีผู้ใดคิดว่าเงาสีแดงหม่นที่อยู่ใต้แอ่งน้ำจะเป็งูเหลือมเกล็ดโลหิต!
เคราะห์ดีที่หยวนจุนถือกระบี่ยาวไว้ในมือ ทำให้ปราณกระบี่สีขาวสว่างแผ่พลังที่เหมือนดั่งพระจันทร์เสี้ยวออกมา พลังนั้นพุ่งไปกระทบกับเขี้ยวของงูเหลือมเกล็ดโลหิต
“ฟ่อ”
ดวงตาเรียวยาวจ้องหยวนจุนด้วยสายตาเยือกเย็นแล้วส่งเสียงขู่ แต่เมื่องูเหลือมเกล็ดโลหิตเห็นกระบี่หยวนจุนที่อยู่ในมือของเขา มันก็หันหัวและเลื้อยกลับไปทันที
“เป็เช่นนี้นี่เอง แม้งูเหลือมเกล็ดโลหิตจะเป็สัตว์อสูรขั้นห้า แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็สัตว์อสูร เมื่อเห็นกระบี่หยวนจุนที่กลั่นมาจากวัตถุพิเศษอย่างเขี้ยวั พลังจากัตัวจริงจึงทำให้มันไม่สามารถทำร้ายข้าได้”
หยวนจุนรวบรวมสติ เขาเริ่มเข้าใจว่าเหตุใดงูเหลือมเกล็ดโลหิตจึงเลื้อยกลับไป เพราะกระบี่หยวนจุนในมือของเขาถือเป็ศัตรูตัวฉกาจของสัตว์อสูรประเภทงู
เซียวหานรีบวิ่งไปอยู่ด้านหลังหยวนจุนด้วยความใ นางกล่าวออกมาด้วยความตื่นกลัวว่า “งูชนิดนี้หายสาบสูญไปในมหาภพหลิงเทียนแล้วมิใช่หรือ มันมาอาศัยอยู่ที่ใตู้เาสองแดนได้อย่างไร!?”
“อาจเป็เพราะที่นี่มีปราณดาราที่หนาแน่น ทำให้มันได้ประโยชน์มาหลายปี หากเราสองคนไม่เข้ามารบกวนมัน เ้างูเหลือมเกล็ดโลหิตนี้คงหลับไปอีกนานแน่นอน”
หยวนจุนเหลือบมองกระบี่ยาวในมือ จากนั้นจึงหันไปมองถ้ำลึกอันมืดมิดที่มองไม่เห็นปลายทางอย่างเงียบๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าว่าจะเข้าไปดูเสียหน่อย”
“หยวนจุน เ้าเสียสติไปแล้วหรือ? นั่นมันงูเหลือมเกล็ดโลหิตซึ่งเป็สัตว์อสูรระดับสี่เชียวนะ แม้แต่นักยุทธ์ระดับดาราขั้นห้าขั้นหกยังต้องหลบมันเลย เ้าจะส่งตนเองไปตายหรืออย่างไร!”
เมื่อเห็นหยวนจุนไม่ล้มเลิกความคิด เซียวหานจึงกระทืบเท้า นางทำได้เพียงตามหยวนจุนเข้าไปในถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่างูเาสองแดน
“ชู่”
ทั้งสองหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งเพราะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของงูเหลือมเกล็ดโลหิตที่อยู่ในนั้น ภายในเงียบสงัดจนน่ากลัว จนกระทั่งมีหยดน้ำหยดหนึ่งเปล่งแสงออกมาจากซอกหินรูปพัดซึ่งอยู่ไม่ไกล
“ฮาฮา ฮาฮาฮา!”
แม้หยวนจุนจะพยายามเก็บความดีใจนี้ไว้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขากล่าวกับเซียวหานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “แม่นางเซียว พวกเรารวยแล้ว!”
“เ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งใดซ่อนอยู่ในซอกหินรูปพัดนั้น? มันคือน้ำลั่วสุ่ย!”
“ดาวธาตุน้ำที่อยู่ในกลุ่มดาวเต่าดำคือกลุ่มดาวทั้งแปดทิศบนท้องฟ้า! ลั่วสุ่ยเป็ดาวลักษณะพิเศษที่อยู่ในลำดับที่ห้าสิบเอ็ดของตำราดวงดาวโบราณ แม้นักยุทธ์ระดับตะวันจะสามารถเข้าใกล้กลุ่มดาวเต่าดำได้ แต่ก็เป็เื่ยากที่จะสามารถเชื่อมประสานกับธาตุดาวที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้!”
“ซึ่งหยดน้ำลั่วสุ่ยนี้เกิดจากพลังปราณดาราของดวงดาวลั่วสุ่ยนับพันนับหมื่นปีที่มารวมตัวกัน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้