มู่อวิ๋นจิ่นหันจ้องไปที่ฉู่ชิง “แต่งงานของน้องสี่ หากต้องปลอบก็คงเป็หน้าที่ของท่านอ๋องหรง มิใช่ของหม่อมฉันเพคะ”
ฉู่ชิงยิ้มเจื่อน “ถ้าอย่างนั้นเปิ่นหวงจื่อคงยุ่งเื่ของคนอื่น ต้องขออภัยด้วยที่รบกวน”
ก่อนไปฉู่ชิงมองฉู่ลี่ กล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค “น้องหก พรุ่งนี้เสด็จพ่อเรียกพวกเราไปเข้าเฝ้าหารือในยามเฉินสือ[1] เ้าอย่าลืมล่ะ”
“อืม” ฉู่ลี่ตอบเสียงนิ่งแล้วเดินขึ้นม้า และมีมู่อวิ๋นจิ่นเดินตามไปทีหลัง
ด้านนอกรถม้า ฉู่ชิงสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของทั้งสองคนที่ยากอธิบาย
……
บนรถม้า มู่อวิ๋นจิ่นนั่งท้าวแขนอยู่ริมหน้าต่าง มองบรรยากาศภายนอกที่ไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมกับความรู้สึกในใจที่ยากจะอธิบาย
กระทั่งไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเพียงใด รถม้ากลับมาหยุดที่หน้าวัดสุ่ยอวิ๋น มู่อวิ๋นจิ่นจึงหันขวับอย่างแปลกใจ “ทำไมมาที่นี่อีกแล้ว?”
“เปิ่นหวงจื่อมีธุระกับท่านอาจารย์ไฮว๋หยวน เ้าออกไปเดินเล่นก่อนแล้วกัน” ฉู่ลี่เดินลงจากรถม้าไปก่อน
มู่อวิ๋นจิ่นเบะปากอย่างจำใจ เลือกนั่งอยู่บนรถม้าแทนที่จะลงไปเดินเล่น
พอเห็นฉู่ลี่และติงเซี่ยนเดินเข้าวัดสุ่ยอวิ๋นไป มู่อวิ๋นจิ่นก็เปล่งเสียงเรียก “จื่อเซียง…”
“บ่าวอยู่เ้าค่ะ” จื่อเซียงเดินเข้ามายืนข้างหน้าต่าง
“ที่ใกล้ๆ วัดสุ่ยอวิ๋น มีอะไรอร่อยทานบ้างไหม?” มู่อวิ๋นจิ่นเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย
จื่อเซียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “บ่าวไม่แน่ใจ แต่เคยได้ยินแม่นมเสิ่น ฉินไท่เฟยชอบทานอาหารเจที่วัดสุ่ยอวิ๋นมาก บอกย้ำแล้วย้ำหนาว่ารสชาติอร่อยจับใจ”
“หรอ อาหารเจเนี่ยนะ?” มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว พอคิดถึงอาหารเจก็รู้สึกถึงรสชาติที่จืดชืดขึ้นมา แต่วันนี้นางไอด้วยรู้สึกคันคอมาโดยตลอด รวมทั้งได้ฟังจื่อเซียงเอ่ยถึงอาหารเจที่นี่ กลับยากลองชิมว่าจะอร่อยสมคำร่ำลือจริงไหม
จากนั้นไม่นาน มู่อวิ๋นจิ่นเดินลงจากรถม้า หันไปส่งสายตาปริบๆ ให้จื่อเซียง “วันนี้ข้าพกเงินติดตัวมาเยอะ ไปกัน ไปลองอาหารเจ!”
“ขอบคุณคุณหนูเ้าค่ะ” จื่อเซียงเดินเคียงข้างมู่อวิ๋นจิ่นไป
ที่หน้าประตูวัดสุ่ยอวิ๋น มีพระหลายรูปยืนอยู่ที่นั่น แต่ด้วยมู่อวิ๋นจิ่นมาที่วัดนี้หลายครั้ง พระท่านจึงจำนางได้ แล้วก้มหน้าแสดงการต้อนรับ
“ขอสอบถามเ้าค่ะ มิทราบว่าไปทานอาหารเจได้ที่ไหนเ้าคะ?” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยถาม
“เรียนพระชายาหก เดินตรงเข้าไปในวัดแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นเดินตรงไปจนถึงเขตจิ้งซินย่วน ที่นั่นมีโรงทานของทางวัดสุ่ยอวิ๋น” พระรูปนั้นอธิบาย
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าและกล่าวขอบคุณ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเดินไปเขตจิ้งซินย่วน
หลังจากเดินไปได้ไม่นานนัก มู่อวิ๋นจิ่นก็มาถึงหน้าประตูจิ้งซินย่วน ได้ยินเสียงสวดมนต์ภาวนาอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นพลันเกิดความสบายใจอย่างบอกมิถูก
เมื่อก้าวเข้าไปด้านใน มีพระรูปหนึ่งเดินมาต้อนรับ “คารวะพระชายาหก”
“พระชายาของพวกเราอยากลองทานอาหารเจของทางวัด รบกวนพระคุณเ้าช่วยตระเตรียมให้ด้วยเ้าค่ะ” จื่อเซียงบอกกล่าว
“เชิญพระชายารอสักครู่”
เมื่อพระเดินไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นก็เดินหาที่นั่ง โดยมีจื่อเซียงนั่งลงด้านข้าง เห็นบนโต๊ะมีกาน้ำชาวางไว้ จึงช่วยรินให้มู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นกำลังรู้สึกคันคอพอดี จึงหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ จากนั้นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาดอกไม้ตลบอบอวลจนรู้สึกชุ่มลำคอ
“ศิษย์พี่ าแของข้าใกล้หายดีแล้ว วันพรุ่งนี้สามารถฝึกวิทยายุทธเป็เพื่อนท่านได้แล้ว”
“ศิษย์น้อง รอดูอาการอีกสักสามสี่วันเถอะ าแหนักของเ้าเพิ่งเริ่มหายดี ยังต้องพักฟื้นอีกสักระยะหนึ่ง หากรีบร้อนฝึกวิทยายุทธ เกรงว่าจะเป็คนเสียต่อร่างกายในวันข้างหน้า”
“ได้ ศิษย์พี่”
บทสนทนาของพระทั้งสองรูปในห้องดังออกมา จนมู่อวิ๋นจิ่นที่นั่งก้มหน้าจิบชาได้ยินทั้งหมด มือที่ถือถ้วยน้ำชาชะงักลง ชำเลืองมองเข้าไปในประตู พบว่าเป็เหวินหย่วนกับิหย่วนที่ปะทะฝีมือกับนางในค่ำคืนนั้น
พระสองรูปนั้นเดินออกมาจากในห้องแล้วนั่งลงโต๊ะข้างๆ มู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นแอบสบถในใจว่าซวยแล้ว มือด้านขวาของนางยกตั้งขึ้นบัง แล้วหันหน้าไปทางซ้ายเพื่อหลบ
ไม่นานนัก พระหลายรูปได้ยกอาหารเจมาเรียงรายจนเต็มโต๊ะมู่อวิ๋นจิ่นไปหมด
“เชิญทานได้” พระรูปหนึ่งพยักหน้าให้แล้วเดินไป
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นสีสันของอาหารเจถึงกับต้องเลีบริมฝีปาก ลงมือหยิบตะเกียบขึ้นคีบอาหารเข้าปาก ค่อยๆ เคี้ยวอย่างละเมียด
เมื่อทานผัดผักไปหนึ่งคำ มู่อวิ๋นจิ่นหยิบช้อนแกงตักเต้าหู้อ่อนเข้าปาก พอลิ้มรสแล้วไม่รู้ว่ารู้สึกเช่นไร
ช่างเป็อาหารเจโดยแท้ รสชาติจืดสนิม ไม่มีรสเค็มแม้แต่น้อย
ในระหว่างที่ก้มหน้าทานอยู่นั้น มู่อวิ๋นจิ่นลืมระวังตัว จนเหวินหย่วนและิหย่วนเห็นเข้าแล้ว
พระทั้งสองรูปเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเกิดความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ยังไม่ค่อยมั่นใจ พอเห็นลายแส้ที่ข้อมือของนางเท่านั้น พระทั้งสองส่งสายตาให้กันโดยมิต้องนัดหมาย
ตามประวัติที่เล่ากันมา แส้หางหงส์เป็อาวุธวิเศษ ในระหว่างที่ทำนั้นได้รับพลังเทพประสิทธิ์เข้าไป หากแส้หางหงส์รับใครเป็นายแล้ว มันจะเปลี่ยนเป็ลายแส้ผนึกติดกับข้อมือของนาย ยามที่นายของมันใช้พลังลมปราณ จะแปรเปลี่ยนเป็แส้หางหงส์ที่วิเศษทันที
ในตอนนี้นั้น ข้อมือของสตรีผู้นี้มีลายแส้อย่างชัดเจน นางก็คือคนที่ใช้แส้หางหงส์ตีพวกเขาจนาเ็นี่เอง
โชคเข้าข้างเสียจริง กำลังเครียดไม่รู้ว่าจะไปแก้แค้นได้ที่ไหน นางกลับมารนหาพวกเขาถึงที่นี่พอดี
……
ความรู้สึกแรกเริ่มที่มู่อวิ๋นจิ่นทานอาหารเจแล้วรู้สึกจืดชืดไปหมดนั้น พอทานเข้าไปหลายๆ คำเข้า กลับััได้ถึงรสชาติแปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งลืมเหวินหย่วนและิหย่วนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ไปเสียสนิท
เมื่อนางกวาดอาหารทุกจานจนหมด ได้พิงพนักเก้าอี้ด้วยความอิ่มหมีพีมัน
ต่อจากนั้นไม่รอให้มู่อวิ๋นจิ่นตั้งตัวได้ จู่ๆ มีลมหนาววูบเข้ามาปะทะที่ลำคอ เมื่อเหลือบดูพบว่าเป็ดาบมาจ่อเอาไว้
“ว๊าย! พวกเ้าบังอาจนัก……” จื่อเซียงรีบตบโต๊ะทันที กำลังจะต่อว่า กลับเห็นมู่อวิ๋นจิ่นยกมือทำปาก “ฉู่ๆๆ” ให้เงียบเสียง
จื่อเซียงใจนรีบรูดซิปปากทันที
“นางปีศาจ ยังจำพวกข้าได้ไหม?” ดาบในมือเหวินหย่วนจ่อที่คอ เขาเห็น13ไม่มีทีท่าขัดขืน เอาแต่ยิ้มมุมปาก
มู่อวิ๋นจิ่นกลอกตามองพระสองรูปด้านข้าง เห็นเหวินหย่วนจับดาบนิ่ง “พระทั้งสองรูป ท่านคงจำคนผิดแล้วเ้าค่ะ”
“ข้าจำไม่ผิดหรอก ที่ข้อมือของนางมีลายแส้หางหงส์ ข้าไม่มีทางจำผิดแน่นอน!” เหวินหย่วนมองเคียดแค้น ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู “ถ้าไม่อยากตายให้เอาคัมภีร์เฉวียนหลิงส่งมาให้ข้า มิอาจนั้นดาบเล่มนี้อาจไปอยู่ในลำคอเ้า!”
“เห้อ ข้านี่ออกจวนแล้วไม่ยอมดูฤกษ์ยามให้ดี มาทานอาหารเจกลับต้องพบศัตรูคู่อาฆาตด้วย” มู่อวิ๋นจิ่นควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่หน้าผาก แล้วกลอกตามองที่จื่อเซียง “เสี่ยวเซียง เ้าไปตามท่านพี่ให้ข้าที”
จื่อเซียงพยักหน้าเข้าใจทันที รีบสาวเท้าวิ่งออกไป
ทางด้านิหย่วนเห็นจื่อเซียงกำลังจะวิ่งหนี จึงหันไล่ตามไปทันที อยู่ๆ กลับเจ็บแปลบที่น่องขึ้นมา ก้มหน้าลงมองเห็นเข็มสามเล่มปักอย่างแ่ามั่นคง
“นางปีศาจชั่วช้า วันนี้ต้องฆ่าเ้าให้ได้!” ิหย่วนโกรธเืขึ้นหน้า ยื่นมือดึงเข็มทั้งสามเล่มออก จากนั้นคว้ากระบองข้างมือ เตรียมฟาดลงที่หน้ามู่อวิ๋นจิ่น
ด้วยเสียงในห้องดังอึกทึก พระที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูต่างวิ่งกรูกันเข้ามาเห็นภาพเบื้องหน้า ต่างเบิกตาโตด้วยความใสุดขีดที่เหวินหย่วนจ่อดาบที่คอมู่อวิ๋นจิ่น
“อาจารย์เหวินหย่วน ท่านนี้เป็แขกระดับสูงของวัดเรา นางเป็ถึงพระชายาหก มิอาจแตะต้องขอรับ!”
“อะไรนะ?” ดาบในมือเหวินหย่วนสั่นระริกขึ้นมา ใบหน้าซีดเผือดไร้เืฟาดมองไปทางพระที่วิ่งเข้ามา
ิหย่วนที่อยู่ด้านข้างกลับตระหนกใสุดขีดเช่นกัน
“เมื่อครู่ข้ายังพบองค์ชายหกกำลังสนทนากับท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนอยู่ พระชายาหกมักติดตามมาวัดบ่อยครั้ง พวกเราไม่มีทางจำผิดเป็อันขาดขอรับ”
ใบหน้าของเหวินหย่วนแปลกใจเป็ที่สุด สตรีในค่ำคืนนั้นที่อำมหิตร้ายกาจ กลับเป็พระชายาหกที่อยู่เบื้องหน้า
หรือว่าเขาจะจำคนผิดไปแล้วจริงๆ?
แต่ว่าลายแส้หางหงส์ที่ข้อมือนี้เป็หลักฐานชัดเจนไม่ผิดแน่ สรุปแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“โอ้ยยยย”
ยังไม่ทันที่เหวินหย่วนประมวลความคิดทั้งหมดได้ ดาบยังจ่ออยู่ที่คอมู่อวิ๋นจิ่น จู่ๆ มีพลังลมปราณที่แข็งกล้าพุ่งปะทะตัวเขา ลอยกระเด็นทะลุหน้าต่างชนกับหินก้อนใหญ่เข้าสุดแรง จนกระอักเืหมดสติในทันที
ิหย่วนเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าถึงกับเข่าอ่อนล้มพับลงกับพื้น คุกเข่าแทบไม่ทัน “คารวะองค์ชายหก”
ตอนนี้ฉู่ลี่ยืนอยู่หน้าประตูจิ้งซินย่วน ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หรี่ตาลงอย่างเืเย็นจ้องเขม็งิหย่วนที่คุกเข่า
มู่อวิ๋นจิ่นขยับตัวยืดเส้นยืดสาย บิดี้เี “อั๊ยย่ะ ทานอาหารอยู่ดีๆ กลับมีคนนำด่ามาจ่อคอ ใแทบตาย”
“องค์ชาย เมื่อครู่พระสองรูปนี้เอ่ยวาจาล่วงเกิน ด่าทอพระชายาเป็นางปีศาจเ้าค่ะ” จื่อเซียงฟ้องฉู่ลี่ ถลึงตาใส่ิหย่วน
ิหย่วนใจนขาอ่อนแรง ส่งสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนที่มาพร้อมกับฉู่ลี่ “ท่านอาจารย์เป็เื่เข้าใจผิดขอรับ ศิษย์”พี่เหวินหย่วนนึกว่าพระชายาหก เป็สตรีที่ลอบเข้ามาในห้องลับวันนั้นขอรับ
“พวกเ้าทั้งสองนี่จริงๆ เลย” ท่านอาจารย์ไฮว๋หยวนได้แต่ส่ายหน้าด้วยความจำใจ หันมองฉู่ลี่ด้านข้าง ที่ใบหน้าแผ่ซ่านความโกรธแค้นขั้นสุด จนเขามิกล้าเอ่ยปากช่วยขอร้องแทนิหย่วน
ฉู่ลี่ส่งสายตาพิฆาตไปที่ร่างิหย่วน ก่อนเอ่ยถามมู่อวิ๋นจิ่นขึ้น “เ้าจะเอายังไง?”
ประโยคคำถามนี้ให้อำนาจมู่อวิ๋นจิ่นในการตัดสินความเป็ความตายของิหย่วน
มู่อวิ๋นจิ่นลูบข้อมือ กวาดสายตามองไปที่ิหย่วนที่คุกเข่า “เบื้องบนย่อมรักสรรพสัตว์ พุทธศาสตร์ย่อมให้โอกาส เอาเป็ว่าอย่าให้เกิดเืตกยางออกในวัดเลย!”
“ในเมื่ออาจารย์ทั้งสองจำข้าผิดคน เช่นนั้นก็เป็ความเข้าใจผิดกัน ในเมื่อจำผิดก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว”
“อาจารย์ิหย่วน ครั้งหน้าพบข้าละก็ ยังจะจำกันได้อยู่ไหมเอ่ย?” มู่อวิ๋นจิ่นก้มหน้าเอ่ยถาม
ิหย่วนเงยหน้าสบตามู่อวิ๋นจิ่น พยักหน้างกๆ “เป็อาตมาที่ตาฟาดไป ขอบพระทัยพระชายาหกที่ไม่ติดใจเอาความ ครั้งหน้าอาตมากับศิษย์พี่จะไม่กระทำความผิดอีกแล้ว”
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ดีแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มน้อยๆ ยักคิ้วให้ฉู่ลี่ “พวกเรากลับกันได้หรือยัง?”
ฉู่ลี่เพ่งมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความรู้สึกยากจะอธิบายออกมา เขากลับหลังเดินออกไปรอด้านนอกห้องจิ้งซินย่วน
มู่อวิ๋นจิ่นรีบสาวเท้าตามหลังฉู่ลี่ออกไปติดๆ
เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ิหย่วนที่คุกเข่าค่อยๆ ตะเกียกตะกายลุกขึ้น ะโหน้าต่างข้างหลังออกไป ประคองและเขย่าตัวเหวินหย่วนที่ไร้สติ “ศิษย์พี่ๆๆๆ”
เหวินหย่วนได้สติขึ้นมา ยกมือขึ้นมาจับหน้าอกที่ปวด ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ผิดแน่ พระชายาหกผู้นั้น ต้องเป็นางปีศาจที่แย่งคัมภีร์เฉวียนหลิงจากพวกเราไป”
[1] ยามเฉินสือ คือ ่เวลาั้แ่ 09.00-11.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้