เมื่อผู้หญิงวัยกลางคนพุ่งเข้ามาในห้องสอบสวนแล้ว เธอก็จ้องหน้าฉินหลางด้วยสายตาราวอสรพิษทันที “ไอ้เด็กเดรัจฉาน! แกเองเหรอ ไอ้เด็กเดรัจฉานที่ต่อยลูกชายฉัน!”
ในขณะเดียวกันผู้หญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวถือกระเป๋าสะพายในมือ เตรียมวิ่งเข้ามาตบหน้าฉินหลางสุดแรง
แม่ของไช่เว้ยตง?
ฉินหลางพอจะเดาออกแล้วว่าผู้หญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวเป็ใคร พูดในใจไม่น่าล่ะลูกชายแกถึงได้หยิ่งผยองขนาดนั้น ที่แท้ก็มีแม่อย่างนี้นี่เอง
โดยทั่วไปแล้ว ฉินหลางจะไม่ชอบลงไม้ลงมือกับผู้หญิง แต่เขาไม่ชอบการโดนผู้หญิงทำร้ายมากกว่า ดังนั้นเมื่อ ‘คุณป้าไช่’ ถือกระเป๋าสะพายจะมาฟาดหน้าฉินหลาง ฉินหลางจึงลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ยกขาข้างหนึ่งกวาดออกไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด
ปัง!
เสียงดังกังวานได้ยินชัดเจน
ผู้หญิงวัยกลางคน และพวกเฉินกวงหยีต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน—
ฉินหลางใช้เท้าตบหน้าคนอื่นได้ด้วยเหรอ! และคนที่เขาใช้ฝ่าเท้าตบหน้ายังเป็ ‘เฉาหงเหมย’ ภรรยารองนายกเทศมนตรีเมืองเซี่ยหยางคนใหม่! และพี่สาวของ ‘เฉาซุ่นปิน’ ผู้อำนวยการสถานีตำรวจเขตเฉิงหนานคนใหม่อีกด้วย!
พระเ้าช่วยกล้วยทอด—
“ไอ้เด็กเดรัจฉาน! มารดาจะฆ่าแก—”
เฉาหงเหมยคลั่งขึ้นมานี่เก่งกว่าประชาชนคนธรรมดาเยอะเลย หลายปีมานี้ เคยชินกับการอยู่เหนือกว่าคนอื่น ไม่เคยมีใครที่ไหนกล้ามาตบหน้าเธออย่างนี้ แล้วที่สำคัญยังเป็การใช้ฝ่าเท้าตบหน้า!
นั่นมันก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ตำรวจใส่กุญแจมือฉินหลางไว้ล่ะ แล้วสำหรับคนที่ฝึกยุทธ์เป็ประจำอย่างฉินหลาง ฝ่ามือกับฝ่าเท้ามันก็มีความกระฉับกระเฉงไม่ต่างกันหรอก
“คุณนายเฉา ใจเย็นๆ... ใจเย็นๆ ครับ!”
เฉินกวงหยีรีบเข้ามาห้ามปรามเฉาหงเหมยทันที เพราะเขาก็ดูออกแล้ว ว่าเด็กตรงหน้าแสบมากแค่ไหน ใช่ว่าจะสั่งสอนได้ง่ายๆ
“ใจเย็นบ้าบออะไร!” เฉาหงเหมยตวาด “ไอ้เด็กเดรัจฉานนี่มันเป็แกะดำในฝูง! ขนาดโดนจับมาที่โรงพักแล้วมันยังกล้าทำร้ายร่างกายคนอื่นเลย แล้วยังกล้าทำร้ายร่างกายตำรวจอีก! เฉินกวงหยี แกเป็ขยะรึไง มีปืนไว้เป็เครื่องประดับเหรอ!”
“พี่ครับ! เื่นี้ เดี๋ยวผมจัดการเอง!” เฉาซุ่นปินที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น แม้ว่าเฉาหงเหมยจะเป็ภรรยารองนายกเทศมนตรี แต่เธอก็ยังไม่ได้อยู่ในองค์กรตำรวจอยู่ดี ถ้าเธอทำจนเป็เื่ใหญ่โต ใครมารู้เข้ามันจะไม่ดี
“แกก็เหมือนกัน ไร้ประโยชน์! อุตส่าห์เป็ถึงผู้อำนวยการตำรวจเขต อยู่ในพื้นที่ของตัวเองแท้ๆ ยังปกป้องคุ้มครองหลานชายตัวเองไม่ได้เลย!” เฉาหงเหมยบ่นสองสามคำ ก่อนจะหันไปพูดกับเฉาซุ่นปินว่า “เว้ยตงของฉันเนี่ย ั้แ่เกิดมายังไม่เคยเสียเปรียบใคร เด็กคนนี้เย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองมาก ถ้าไม่จัดการให้เขาพอใจแล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าเขาจะงอแงไปอีกนานแค่ไหน—ซุ่นปิน ฉันจะให้มันชดใช้สิบเท่า!”
เฉาหงเหมยพูดถึงตอนท้าย ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
ทว่าฉินหลางยังคงไม่มีเกรงกลัวใดๆ ท่าทีของเขาดูเหมือนไม่มีความกังวลเลย นั่นทำให้เฉินกวงหยีและเฉาซุ่นปินเห็นแล้วยิ่งเดือดมากขึ้น เฉาซุ่นปินตะคอกใส่เฉินกวงหยี “มันเป็ยังไง! ในเมื่อมันกล้าทำร้ายเ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว จะต้องลงโทษให้หนัก หรือว่าแค่จัดการกุ๊ยเด็กคนเดียวโรงพักนี้ยังไม่มีปัญญาทำได้?”
“เ้าหลิว เ้าหวาง ไปเอากระบองมา! เ้าเด็กนี่จะได้สงบๆ ลงหน่อย!”
เฉินกวงหยีะโบอกตำรวจข้างนอก ให้เตรียมจัด ‘การลงโทษครั้งใหญ่’ ให้ฉินหลางแล้ว ไม้กระบองของตำรวจสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ 200 โวลล์ ซึ่งคนธรรมดารับไม่ไหวแน่นอน เมื่อก่อนเคยมีผู้ต้องหาจำนวนไม่น้อย ที่โดนไม้กระบองนี้ช็อตจนฉี่ราด เพียงแต่ใช้ของแบบนี้กับนักเรียนคนหนึ่งเนี่ยนะ มันโเี้อำมหิตมากเกินไปแล้ว
แต่เมื่อได้ยินว่าตำรวจจะใช้ไม้กระบองกับเขา ในใจฉินหลางก็เริ่มโหดขึ้นมาทันที
ถ้าเ้าพวกนี้จะเล่นด้วยความโหดจริงๆ คนที่จะต้องเสียเปรียบจะไม่ใช่ฉินหลางแน่นอน!
เอี๊ยด!~
ในเวลานั้นเองรถจี๊ปทหารสามคันปรากฏขึ้นที่ประตูของสถานีตำรวจ เนื่องจากขับมาค่อนข้างเร็ว ตอนเบรกจึงมีเสียงล้อกับพื้นถนนเสียงดังได้ยินชัดเจน
เมื่อรถจี๊ปจอดแล้ว มีทหารยศร้อยโทกับนายทหารอีกสองคนพุ่งลงมาจากรถคันแรก
แม้จะมีเพียงสามคน แต่เมื่อตำรวจในสถานีตำรวจมองไปที่เครื่องแบบและอุปกรณ์ของทั้งสาม ล้วนตกตะลึงไปตามๆ กันเครื่องแบบและอุปกรณ์ของทั้งสามมันคนละชั้นกับของพวกตน! ยิ่งไปกว่านั้น ในรถจี๊ปยังมีทหารกลุ่มเล็กๆ อยู่ด้วย แม้จะไม่ได้ลงจากรถ แต่คนที่ข้างในล้วนมีอาวุธครบมือทั้งปืนทั้งะุ ทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความกดดันมาก
หลังจากทั้งสามคนเข้ามาในโรงพักแล้วก็ตรงไปยังห้องสอบสวนทันที เพราะความน่าเกรงขามของพวกเขา ทำให้ไม่มีตำรวจคนไหนกล้าเข้าไปขัดขวาง
“ซุ่นปิน เก่งมาก นายเรียกหน่วยรบพิเศษพวกนี้มาได้เลยเหรอ?” เฉาหงเหมยคิดว่าน้องชายของตัวเองตั้งใจเรียกหน่วยรบพิเศษมาเบ่งบารมี
เฉาซุ่นปินยิ้มเจื่อนๆ พูดในใจ ฉันเป็แค่ผู้อำนวยการตำรวจในระดับเขต จะเรียกหน่วยรบพิเศษพวกนี้มาได้ยังไง แล้วที่สำคัญจากเครื่องแบบและอุปกรณ์ของคนพวกนี้ ดูประณีตและล้ำหน้ากว่าหน่วยรบพิเศษตั้งเยอะ ขนาดเครื่องแบบยังไม่เหมือนกันเลย แล้วที่สำคัญ ถ้าเป็แค่หน่วยรบพิเศษธรรมดาๆ ละก็ ก่อนจะเข้ามาคงแจ้งก่อนแล้วไม่พุ่งเข้ามาเลยแบบนี้หรอก ดูท่าคนพวกนี้คงจะเป็กองกำลังพิเศษที่คัดเฉพาะที่สุดของหน่วยรบพิเศษมารวมกันแน่!
“ไม่ทราบว่า คุณชื่อฉินหลางรึเปล่าครับ?” ร้อยโทหันไปถามฉินหลาง เขามองข้ามทุกคนไป ราวกับไม่เห็นว่ามีคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ด้วย
“ครับ” ฉินหลางพยักหน้า ทั้งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทั้งสามคนเป็ใครและมาหาเขาทำไม
“สวัสดีครับคุณฉิน พวกเราได้รับคำสั่งให้มารักษาความปลอดภัยให้คุณ! คุณไม่เป็ไรใช่ไหมครับ?” ร้อยโทพูดกับฉินหลาง มาถึงก็แสดงวัตถุประสงค์ชัดเจน สมแล้วที่เป็ทหาร ทำอะไรเด็ดขาดดีจริงๆ
“นี่—ทหาร พวกเธอจะทำอะไร! เ้าเด็กนี่มันเป็ผู้ร้าย ทำร้ายร่างกายลูกชายฉัน ทำไมพวกเธอยังต้องไปคุ้มครองมัน? ฉันจะบอกอะไรให้นะ มันตั้งใจทำร้ายร่างกายผู้อื่น พวกเธออย่าหวังว่าจะเข้ามายุ่งได้! อย่าคิดนะว่าพวกเธอเป็ทหาร แล้วจะทำอะไรก็ได้! ฉันจะไปร้องเรียนที่กองทัพของพวกเธอ...” เฉาหงเหมยรู้สึกว่าเื่มันเริ่มจะไม่ดีแล้ว จึงออกมาต่อว่าชายที่นำทีมคนดังกล่าว ยังไงซะเธอก็เป็ถึงภรรยารองเทศมนตรี แต่อีกฝ่ายเป็เพียงทหารยศร้อยโท ทั้งสามคนนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเธอด้วยซ้ำ
“พวกเราทำตามคำสั่ง!” ร้อยโทมองเฉาหงเหมยตาเขม็ง เต็มไปด้วยความดุร้าย ทหารทำงานตามคำสั่งเท่านั้น โดยเฉพาะทหารกองกำลังพิเศษพวกนี้ด้วยแล้ว เขาจะฟังเพียงคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาไม่ไว้หน้าข้าราชการอื่นๆ แน่นอน ขนาดได้ยินเฉาหงเหมยพูดจาดูถูกพวกเขา ร้อยโทคนดังกล่าวยังกล้าสบถด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วเอามือแตะๆ ที่ปืนของตนเบาๆ ทำให้เฉาหงเหมยใรีบหุบปาก ขนลุกซู่ไปทั้งตัว และปัสสาวะเล็ดออกมาสองสามหยด
เมื่อเห็นเฉาหงเหมยหุบปากแล้ว ร้อยโทหันกลับไปพูดกับฉินหลางอีก “คุณฉินสบายใจได้ ก่อนที่คุณจะถูกศาลตัดสินว่ามีความผิด ไม่มีใครสามารถทำร้ายคุณได้”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ฉินหลางยิ้ม “พวกเขาดีกับผมมาก เมื่อกี้ท่านผู้อำนวยการเฉินยังเรียกให้คนเอากระบองตำรวจมา ‘นวด’ ให้ผมอยู่เลย”
ร้อยโทหันไปจ้องเฉินกวงหยีตาเขม็ง สายตาที่เหี้ยมโหดทำเอาเฉินกวงหยีใจสั่นระริก
เวลานี้คนที่สงบเงียบที่สุดกลับเป็เฉาซุ่นปินแล้ว เพราะยังไงเขาก็เป็ถึงผู้อำนวยการสถานีตำรวจทั้งเขต ตอนนี้ยังไม่ลุกลี้ลุกลน เฉาซุ่นปินถามร้อยโทคนดังกล่าว “สหาย พวกนายมาจากหน่วยไหน?”
“ความลับ!”
“งั้นขอทราบชื่อผู้บังคับบัญชาคุณหน่อย?”
“ความลับ!”
เฉาซุ่นปินคาดว่ากลุ่มนี้น่าจะมาจากกองกำลังที่อยู่ใกล้ๆ เมืองเซี่ยหยาง ตอนแรกคิดว่าจะผูกไมตรีด้วย ใครจะรู้ว่าคนดังกล่าวไม่คิดจะเสวนาด้วยเลย นั่นทำให้เขาเดือดมาก แต่ทำได้เพียงเก็บกดเอาไว้แล้วพูดขึ้น “สหาย หน่วยงานของคุณคงจะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของตำรวจอย่างนี้ไม่เหมาะมั้งครับ?”
“พวกเราแค่รักษาความปลอดภัยให้บุคคลเป้าหมายตามคำสั่ง อย่างอื่นพวกคุณต้องติดต่อผู้บังคับบัญชาพวกเรา” ร้อยโทตอบ
ฉินหลางแอบชื่นชมในใจ เขาพูดในใจว่าร้อยโทคนดังกล่าวเป็สุดยอดฝีมือ ‘*ไทเก๊ก’
“เฉินกวงหยี! แกทำอะไรของแก!”
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่ทรงพลังดังขึ้นในสถานีตำรวจ
“นี่เป็เสียงของผบ. จ้าว?” เฉินกวงหยีตื่นใ เขารู้ว่าเสียงนี้เป็เสียงของจ้าวจื้อเหว่ย ผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงสำนักงานตำรวจเมืองเซี่ยหยาง ทุกครั้งที่จ้าวจื้อเหว่ยสั่งสอน เสียงจะดังมากเป็พิเศษ และที่สำคัญเฉินกวงหยูฟังออกว่าตอนนี้จ้าวจื้อเหว่ยอารมณ์ไม่ดีมาก
เฉาซุ่นปินก็ตื่นใไม่แพ้กัน เขาเป็ผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยสำนักงานตำรวจเขตเฉิงหนาน จ้าวจื้อเหว่ยเป็ผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรง!
เป็อย่างที่คิด เพราะแค่แป๊บเดียวจ้าวจื้อเหว่ยก็มายืนอยู่ที่ห้องสืบสวนแล้ว เขามาพร้อมกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกาย เฉาซุ่นปินจำชายหนุ่มคนนี้ได้ เขาเป็รอง...หัวหน้าส่วนสำนักงานเลขาธิการรัฐมนตรีเฉินจิ้นหยง และเป็เลขาของหวูเหวินเซี่ยงนายกเทศมนตรีคนใหม่
‘หรือว่าเื่นี้รู้ไปถึงหูนายกเทศมนตรีหวูแล้วเหรอ!’ หลังของเฉาซุ่นปินเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เฉินจิ้นหยงกับจ้าวจื้อเหว่ยปรากฏตัวพร้อมกัน มันไม่ใช่ลางที่ดีเลย โดยเฉพาะการปรากฏตัวของเฉินจิ้นหยง เพราะมันแสดงว่าหวูเหวินเซี่ยงจะต้องสนใจเื่นี้แน่
หลังจากจ้าวจื้อเหว่ยปรากฏตัว เขาก็หันไปพูดกับร้อยโทว่า “สหายร้อยโท ฉันกับผู้อำนวยการหลิว ผู้บัญชาการของคุณเป็เพื่อนเก่ากันอยู่แล้ว เมื่อกี้เราได้คุยกันแล้ว ฉันเป็ผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยสำนักงานตำรวจเมืองเซี่ยหยาง เดี๋ยวเื่คดีนี้ ฉันจะดำเนินคดีอย่างเป็กลาง”
ได้ยินจ้าวจื้อเหว่ยพูดอย่างนั้น ใบหน้าที่เยือกเย็นของร้อยโทจึงเริ่มดูดีขึ้น แต่ก็ยังไม่คิดที่จะกลับไปก่อนอยู่ดี
“เฉินกวงหยี แกแน่มาก! แม่ม! แกนี่มันเก่งมากไปแล้ว! แกอยากขัดแย้งกับกองทัพท้องถิ่นเหรอ? แค่เด็กนักเรียนมัธยมเขาตีกัน จำเป็ต้องให้ผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างแก สอบปากคำด้วยตัวเองเลยเหรอ!” จ้าวจื้อเหว่ยเริ่มสั่งสอนแล้ว
*ไทเก๊ก : ใช้เปรียบเทียบคนที่มีทักษะในการพูดการผลักไปเรื่อยๆ หรือผลักไปรอบๆ ไม่พูดตรงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้