“ในพวกเธอสองคน จะต้องเลือกคนหนึ่งอยู่ อีกหนึ่งคนก็จะออกไปได้” ผู้ชายที่ผอมแห้งปริปากพูด น้ำเสียงของมันแหบแห้งดั่งกับนรก ทำให้ฟังแล้วรู้สึกขนหัวลุกเลยทีเดียว
พร้อมทั้งมีดที่ขึ้นสนิม แต่กลับมีเืติดอยู่ซึ่งอยู่ในมือของมันนั้น ทำให้มันดูดุร้ายยิ่ง และขาก็เป๋ครึ่งหนึ่ง ซึ่งมันลากขาที่พิการอย่างนี้อยู่ มันใช้สายตาที่อาฆาตแค้นมองพวกเรา
เล่ากันว่าคนตายจะมีใจที่อิจฉาริษยาคนเป็ ถึงกับเคียดแค้นจนอยากจะฆ่าล้างให้หมดสิ้น ผีร้ายที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็เช่นกัน ่ขาของมันได้พิการไปแล้ว ใบหน้าผีหัวล้านนี้ก็เต็มไปด้วยเื เปรียบดั่งผีร้ายที่อยู่ในนรกขุมสุดท้ายที่ลึกที่สุด
มันขวางอยู่ที่ตรงทางที่พวกจะต้องไป ทำให้พวกเราไม่มีทางออกไปจากทางเดินได้ ด้านหลังของพวกเราก็เป็มุมบอด จริงๆ แล้วก็ไม่มีทางอื่นอีก ซึ่งกล่าวได้ว่า หากไม่สามารถทลายการปิดล้อมของผีร้ายที่อยู่เบื้องหน้าตนนี้ได้ ฉันกับเย่รั่วเซวี่ยก็คงต้องตายอยู่ที่นี่
“ความหมายของนายคือ ในพวกเราสองคนจะต้องมีหนึ่งคนที่อยู่ อีกคนสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัยใช่ไหม?” ฉันมองผีร้ายตัวนั้นพลางพูด
“ไม่ผิด ในพวกเธอสองคนมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะออกไปจากที่นี่ได้ ส่วนอีกคนจะต้องอยู่ที่นี่ พวกเธอเลือกกันเองสิ” ผีตัวนี้หัวเราะอย่างแหบแห้งและดุร้าย แล้วสะบัดมีดที่อยู่ในมือไปมา ทำให้เย่รั่วเซวี่ยหดเข้ามาอยู่ในอ้อมอกฉันด้วยอาการสั่นเทา
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ เธอไปก่อนเถอะ ที่นี่มอบให้ฉันเอง” ฉันพูดด้วยอาการสั่น พูดตามตรงฉันก็กลัวมากเหมือนกัน แต่ทว่าฉันยังคงผลักเย่รั่วเซวี่ยให้ออกไป ฉันเป็ผู้ชายที่อ่อนแอ แต่กลับถือทิฐิอย่างน่าใคนหนึ่ง
ในเวลาที่สำคัญนี้ คนที่มีความคิดที่ว่าผู้ชายเป็ใหญ่อย่างฉันนี้ แน่นอนว่าจะไม่ขี้ขลาดจนถึงกับให้เย่รั่วเซวี่ยมารับ
“ให้ฉันไปจะดีเหรอ?” เย่รั่วเซวี่ยพูดด้วยอาการสั่น แต่กลับมองฉันด้วยดวงตาที่มีแสงแห่งการรอคอย ฉันรู้ว่าเธออยากที่จะออกไป เพราะเธอก็อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเหมือนกัน
“ไม่เป็ไร ให้ฉันรับมือมันเอง” ฉันพูดอย่างหนักแน่น แต่ทว่าในใจฉันกลับรู้ว่าจริงๆ แล้วฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผีร้ายตนนี้เลย มันไม่เหมือนกับผีตัวอื่นๆ ที่ฉันเคยเจอ
ไม่ว่าจะเป็เ้าของรถส่งิญญา หรือว่าผู้ครอบงำบันไดแห่งความตาย เพียงแค่หากฎเกณฑ์เจอ ก็จะเอาชนะพวกมันได้ แต่ว่าผีร้ายที่อยู่เบื้องหน้านี้คล้ายกับว่าไม่มีจุดอ่อนแม้แต่น้อย
“แต่ทว่า……” เย่รั่วเซวี่ยยังคงลังเลอยู่บ้าง
“เด็กหญิงที่งดงามคนนี้ เธอไปได้แล้ว หากเธอยังไม่ไปอีก พวกเธอทั้งสองก็จะต้องตาย” ผีร้ายที่เหมือนกับโครงกระดูกแสยะยิ้มพูด เมื่อพูดจบมันก็เปิดทางให้หนึ่งทาง
“นายรอก่อนนะ ฉันจะรีบไปหาคนมาช่วยนาย” เย่รัวเซวี่ยพูดจบก็มองฉันแวบหนึ่ง หลังจากนั้นเริ่มออกจากที่นี่ไปด้วยอาการสั่นเทา ซึ่งขณะนี้ ผีร้ายตนนี้แค่จะมองเธอสักแวบก็ยังไม่มองเลย แต่ทว่าได้ใช้สายตามองมาที่ฉัน
ไม่นานเย่รั่วเซวี่ยก็ได้ออกไปไกลแล้ว เธอออกไปจากทางเดินนี้แล้ว ซึ่งทำให้ฉันโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และฉันเพิ่งจะละสายตากลับมา แล้วมองไปที่ผีร้ายตนนี้
ฉันมองสายตาที่ทำให้รู้สึกเยือกเย็นและน่ากลัวของมัน ในหัวฉันก็หมุนเร็วขึ้น หากเป็ผีล้วนต้องมีจุดอ่อน เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครต่อกรได้ เพียงแค่หาจุดอ่อนเจอ ก็พอที่จะเอาชนะพวกมันได้
“ไอ่เด็กน้อย ตอนนี้เหลือแค่เธอกับฉันแล้ว ไปกับฉันเถอะ” ผีร้ายตนนี้หัวเราะอย่างดุร้าย ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว มันถือมีดแล้วก็เดินมาหาฉันอย่างช้าๆ เช่นนี้
มองร่างมันที่กำลังเดินเข้ามา ทันใดนั้นฉันก็นึกขึ้นได้เื่หนึ่งว่า ฉันพลาดไปแล้วสิ! ฉันไม่ควรให้เย่รั่วเซวี่ยไปเลย หากเธอไม่ไปแล้วล่ะก็ พวกเราทั้งสองคนก็จะไม่เป็ไร
“เหอเหอ เธอรู้แล้วใช่ไหม แต่ว่าสายไปเสียแล้ว” ผีร้ายตนนี้พึมพำเสียงต่ำ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ใช่” ฉันพยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น ในที่สุดฉันก็พบข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ของฉัน เมื่อกี้ตำแหน่งที่ผีร้ายอยู่นั้นไกลจากพวกเราขนาดนี้ ไม่ใช่ว่ามันไม่อยากเข้ามา แต่เป็เพราะมันข้ามมาไม่ได้
เมื่อพวกเราทั้งสองคนแผ่กระจายพลังชีวิตออกไป ทำให้ผีร้ายตนนี้หวาดกลัวมาก ร่างกายของคนเป็ทุกคนล้วนมีพลังชีวิต และจำนวนคนยิ่งมาก พลังชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้น พลังชีวิตนี้ก็คือสิ่งที่ผีหวาดกลัวที่สุด นี่ก็เป็เพราะว่าทำไม ในที่ที่มีคนเยอะๆ จะไม่โดนผีหลอกได้ง่ายนัก แต่สถานที่เปลี่ยวที่ไม่มีคนกลับมีภูตผีิญญาออกมาบ่อยๆ
เพราะพลังชีวิตของคน จะยับยั้งพลังแห่งความตายของิญญาได้พอดี เมื่อกี้เป็เพราะว่าผีร้ายถูกพลังชีวิตของฉันกับเย่รั่วเซวี่ยทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ดังนั้นมันจึงตั้งใจใช้วิธีการพูดที่ว่า ในพวกเราสองคนจะต้องไปหนึ่งคน
นี่ไม่ใช่ความเมตตากรุณาของมันหรอก แต่เพราะจริงๆ แล้วมันไม่มีความสามารถที่จะไล่ฆ่าพวกเราสองคนได้ เพียงแค่พวกเราสองคนอยู่ด้วยกันอย่างไม่ห่างจากกัน เช่นนั้นมันก็จะไม่สำเร็จผลได้ ดังนั้นมันจึงตั้งใจแยกพวกเรา
ฉันหลงกลมันแล้วจริงๆ ที่ให้เย่รั่วเซวี่ยออกไปจากทางเดิน ในทางเดินตอนนี้ เหลือแค่ฉันเพียงคนเดียว ความกดดันที่มีต่อมันนั้นถือว่าอยู่ในขอบเขตที่มันสามารถรับได้แล้ว ดังนั้นมันจึงสามารถเข้ามาหาฉันได้
ฉันคิดไม่ถึงว่าได้ผลักตนเองลงนรกแล้ว หากไม่ให้เย่รั่วเซวี่ยไปแล้วล่ะก็ พวกเราทั้งสองคนก็จะยังมีชีวิตอยู่ได้ ใครๆ ก็คิดไม่ถึง คำพูดที่ผีร้ายพูดว่าจะปล่อยไปหนึ่งคนนั้น จริงๆ แล้วคือหลุมพรางขนาดใหญ่ แต่ทว่าใน่ที่เกี่ยวกับความเป็ความตายนั้น ถึงจะเป็ฉัน ก็ไม่สามารถใจเย็นได้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจจุดที่สำคัญที่สุดนี้
ตอนนี้ ผีร้ายได้เข้ามาใกล้มาก ฉันต้องจบเห่แล้วจริงๆ หากเมื่อกี้ฉันสังเกตเห็นแล้วล่ะก็ บางทีทุกอย่างคงจะไม่เป็เช่นนี้
“เฮอเฮอ เด็กน้อย ไปนรกด้วยกันกับฉันเถอะ” ผีร้ายตนนี้ยิ้มอย่างดุร้าย มีดที่อยู่ในมือตรงเข้ามาที่ฉันแล้วสะบัดไปมา ฉันรู้สึกถึงแสงแวบหนึ่ง แล้วจึงได้หลบการกวาดแกว่งไปมาของมีด
มีดได้ฟันเข้าที่กำแพงอย่างดุเดือด มีเสียงของเหล็กที่ปะทะกันดังออกมา ผีร้ายถือมีดเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ อย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เสียงที่ดังออกมาในทุกย่างก้าวของมัน ล้วนกระทบใจฉันอย่างหนักหน่วง ฉันมองผีร้ายที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปมาก ด้านหลังฉันคือกำแพง ซึ่งไม่มีทางที่จะถอยไปได้
หากไม่คิดหาทางออก เช่นนี้ฉันก็จบเห่แน่
แต่เวลานี้ สมองที่น่าภาคภูมิใจของฉันกลับไม่มีแรงบันดาลใจอะไรทั้งนั้น เมื่อกี้ฉันก็พลาดโอกาสไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ผีร้ายทนต่อพลังชีวิตฉันได้ จริงๆ แค่ฉันคนเดียวไม่สามารถคุกคามมันได้หรอก ฉันหลบไปข้างหลังอย่างไม่หยุด ผีร้ายที่ขาเป๋ตนนี้ สะบัดมีดที่เปื้อนเืไปมา
บีบเข้ามาใกล้ฉันอย่างช้าๆ ตลอดทั้งทางเดินใกล้จะมาถึงสุดทางแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะถอยกลับได้แล้ว เวลานี้ฉันเพิ่งพบความไร้ประโยชน์ของแผนการ ไม่ว่าฉันจะคิดยังไงก็ตาม ก็ไม่มีทางที่จะหนีออกจากสถานการณ์ความตายที่อยู่เบื้องหน้าได้
ตัวฉันหลบหลีกอย่างไม่หยุด แต่กลับยิ่งช้าลงเรื่อยๆ เดิมทีร่างกายฉันก็อ่อนแออยู่แล้ว จริงๆ แล้วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผีร้ายตนนี้เลย มันสะบัดมีดไปมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว ทำให้ดูแล้วน่ากลัวเป็พิเศษ
“ฮาฮาฮา ตายซะ” ผีร้ายตนนี้หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในทางเดินที่ทาสีดำนี้ มันถือมีดเดินมาที่ฉันอย่างช้าๆ หลังของฉันได้พิงที่ผนังกำแพงแล้ว ณ เวลานี้ฉันมาถึงทางตันแล้ว
เวลานี้ฉันกระโจนเข้าใส่ผีร้ายอย่างดุดัน ผีร้ายที่ถือมีด และมีรูปร่างผอมแห้งตนนี้ กลับมีพลังที่น่าใ ฉันเพิ่งกระโจนเข้าไป ก็ถูกแขนมันตบปลิวไปเลยทีเดียว
ร่างกายฉันพุ่งไปล้มลงที่ตรงกำแพง ฉันรู้สึกว่าด้านหลังมีอาการปวดอยู่พักหนึ่ง ฉันที่ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น ได้กระโจนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และต่อยเข้าไปที่หน้าของผีร้ายอย่างดุดัน
หน้าของมันแข็งเหมือนเหล็ก คิดไม่ถึงว่ามือของฉันจะมีอาการชาขึ้นมา แต่ทว่าในเวลานี้ฉันได้บ้าคลั่งไปแล้ว และได้ใช้หมัดต่อยเข้าที่ร่างของมันอย่างต่อเนื่อง
แขนของฉันอยู่ในอาการชา ใจก็สั่นระรัว เดิมทีกำลังของฉันมีนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น ร่างกายก็อ่อนแอ เมื่ออยู่ต่อหน้าผีร้ายฉันก็เหมือนกับเด็กทารกที่ไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย
“เธอนี่มันไม่เชื่องเลยจริงๆ” ผีร้ายแสยะยิ้มพูด ดวงตาคู่นั้นมองฉันด้วยความละโมบ พร้อมทั้งสายตาที่เต็มไปด้วยความกระหาย หลังจากนั้นก็ต่อยเข้าที่หน้าฉันอย่างรุนแรง
ตัวฉันถูกมันต่อยจนติดกำแพง แล้วฉันก็ทรุดลงนั่งกับพื้น ฉันมองผีร้ายที่เข้ามาใกล้อย่างช้าๆ มีดที่อยู่ในมือมันได้เข้ามาใกล้มากแล้ว ระยะห่างช่างใกล้เช่นนี้ โดยเฉพาะฉันยังได้กลิ่นคาวเืที่น่าสะอิดสะเอียนมาจากมีดที่อยู่ในมือมัน
ฉันฉีกยิ้มด้วยความขมขื่น คิดไม่ถึงว่าการที่ดิ้นรนมาตั้งนานขนาดนี้ ก็ยังคงต้องตายอยู่ที่นี่ ฉันมันอ่อนแอเกินไปจริงๆ เคยเข้าใจว่าแค่ความฉลาดก็สามารถปัดเป่าทุกสิ่งได้
ตอนนี้ฉันรู้สึกถึงความไร้ประโยชน์ของตนเองแล้ว มองผีร้ายที่ห่างไม่ถึงสองสามเิเ ฉันหัวเราะอย่างขมขื่นพลางพูดว่า “ลงมือสิ แกชนะแล้ว”
ผีร้ายไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วสะบัดแขนไปมาอย่างดุดัน มีดนั้นได้ฟันเข้ามาที่แขนของฉันตรงๆ ในระหว่างที่แขนของฉันมีทั้งเืทั้งเนื้อสับสนปนเปกัน และได้ปรากฏรอยแผลขนาดใหญ่รอยหนึ่ง
“โอ๊ย!” ฉันร้องด้วยความเ็ป และยัง้าที่จะยืนขึ้น ทันใดนั้นแขนอีกข้างหนึ่งของฉัน ก็ถูกผีร้ายฟันเป็รอยแผลขนาดใหญ่อีกรอย
ฉันทำได้แค่ฟังเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของผีร้าย มีดสีเืได้ฟันเข้าที่ร่างกายฉันไปมาอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ฟันลึกจนจะเห็นกระดูก แต่กลับไม่พอที่จะทำให้ถึงชีวิตได้ ซึ่งฟันลงมา 10 กว่าครั้งแล้ว ฉันรู้แค่ว่าเ็ปรวดร้าวไปทั่วทั้งตัวเหลือเกิน ทั้งตัวมีแต่รอยแผล รวมทั้งเืได้เริ่มไหลพุ่งออกมา ฉันร้องออกมาอย่างอนาถ ซึ่งรู้สึกว่าร่างกายนั้นเ็ปดั่งถูกไฟที่ร้อนแรงแผดเผา……ทันใดนั้นก็มีอาการสะลืมสะลือ
แต่ทว่า ณ เวลานี้ ฉันเห็นแค่ผีร้ายที่สะบัดมีดฟันไปมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของฉันมีแต่รอยแผล ดั่งกับว่ามันได้บ้าไปแล้ว มีดสีเืที่อยู่ในมือสะบัดขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง ร่างกายฉันมีแต่เืเต็มไปหมด
่เริ่มต้น ฉันถูกฟันจนร้องไห้อย่างน่าเวทนา ร่างกายก็ดิ้นรนอย่างไม่หยุด หลังจากที่ฟันไป 10 กว่าครั้งแล้ว เสียงร้องที่น่าอนาถของฉันก็ไม่มีแล้ว ดังนั้น ในทางเดินสีดำนี้ เป็ประสบการณ์ที่น่ากลัวจนยากที่จะลืมตลอดชีวิตของฉัน……ต่อเนื่อง…
ตอนที่เ็ป เวลา มักจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า……
ฉันได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในคุกล้างบาปของอาซูร่า คล้ายกับว่าพญายมได้กระซิบชื่อของฉันตรงข้างๆ หูฉัน
ฉันเป็ลมล้มไปแล้ว……รู้สึกถึงเืของตนเอง ที่กำลังไหลออกมาจากภายในร่างกาย ชีวิตฉัน กำลังจะค่อยๆ สิ้นสุดลงแล้ว
ฉันรู้สึกว่ากำลังเริ่มสับสน……
แต่ทว่าฉันกลับไม่พบว่า ณ เวลานี้ ในกระเป๋าเสื้อฉัน มีเข็มทิศไท่กงที่อยู่ติดตัวตลอดเวลา ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็สีของเื ต่อมา อักษรโบราณสีเืแถวหนึ่งก็เริ่มลอยขึ้นมา
ความหมายของอักษรประโยคนี้คือ ไม่เจอกันตั้งนาน นายสบายดีไหม?