ห้องอักษร จวนอัครเสนาบดี
เซี่ยยวิ่นชินยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด หันหน้าไปทางทิศเหนือของเมือง
ในกองซากศพ อนุตู้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เืสีแดงสดอาบย้อมใบหน้าจนการมองเห็นพร่าเลือน นางมองไม่ชัด ทว่านางพอรับรู้ได้คร่าวๆ ว่าที่นี่คือสุสานโกลาหล
ท่ามกลางซากศพ นางในยามนี้ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย
นาง้าจะมีชีวิตรอด นาง้ามีชีวิตรอด
ทว่าแค่ขยับร่างกายเล็กน้อย นางก็เ็ปไปทั้งตัว อนุตู้กัดฟัน นึกถึงสิ่งที่นายท่านแอบพูดกับนางในห้องโถงเมื่อครู่นี้ ยวี่ชาน หากนางหนีไปได้ นางจะตรงไปที่ยวี่ชานและจะได้อยู่ด้วยกันกับลี่เอ๋อร์ที่นั่น
ด้วยความเชื่อมั่นในใจ อนุตู้พยายามอดทนต่อความเ็ป นางฝืนยืนหยัด แต่ความพยายามหลายครั้ง ก็จบลงด้วยความล้มเหลว
แม้นดวงตาของอนุตู้จะเปื้อนเืจนวิสัยทัศน์พร่าเลือน ทว่านางก็ยังจำคนผู้นั้นได้
อนุตู้เปล่งวาจาอย่างลำบากใจ ในใจนางเกิดความหวังขึ้นทันใด สถานการณ์เช่นนี้ นาง้าให้คนมาช่วยอย่างยิ่ง หากได้รับความช่วยเหลือ นางจะสามารถหนีไปที่ยวี่ชานได้เร็วขึ้น ใช่แล้ว เพียงแค่ไปถึงยวี่ชานเท่านั้น บางทีนายท่านอาจจะจัดการทุกอย่างให้ด้วย
“เร็วเข้า รีบพยุงข้าขึ้น? เ้านำรถมาด้วยใช่หรือไม่?” อนุตู้ถามไม่หยุด ทว่าคนที่นั่งยองอยู่ข้างหน้านาง กลับไม่ขยับ
“คำสั่งหรือ?” ผู้มาเยือนคืออิสตรี เสียงที่เปล่งออกมานั้นฟังดูอายุไม่น้อย น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความเหยียดหยามดูิ่ “สตรีแซ่ตู้ เ้ายังคิดว่าตัวเองเป็อนุตู้จากจวนอัครเสนาบดีอยู่หรือ?”
“แล้วเ้า...” อนุตู้ดวงตาลุกวาว หากมิใช่คำสั่งของนายท่าน เช่นนั้นนางก็ไม่ได้มาเพื่อช่วยตนไปยวี่ชานหรือ?
“อยากรู้หรือว่าบ่าวมาทำไม?” ผู้มาเยือนยกยิ้มหัวเราะแ่เบา ไม่รู้ว่ากริชสั้นอยู่ในมือนางั้แ่เมื่อใด ริมฝีปากของสตรีที่ถือกริชกระซิบพึมพำ “โชคดีที่บ่าวมา มิเช่นนั้น...คงมิคาดคิดว่า นายท่านจะยังมีความรักให้เ้า แต่อย่างไรเสียก็มิอาจปล่อยให้เ้ารอดไปได้”
มิอาจปล่อยให้รอดงั้นหรือ?
หัวใจของอนุตู้สั่นสะท้าน ทันทีที่นางตระหนักได้ถึงอันตราย กริชในมือของผู้มาเยือนก็ง้างแทงลงไปด้านหลังนาง ‘ฉึก’ เสียงของกริชที่แทงเข้าห่อเสื่อฟางทะลุแผ่นหลังด้านซ้าย ตรงตำแหน่งหัวใจของอนุตู้
“อา...” อนุตู้กรีดร้องลั่น ดวงตาที่เปื้อนเืของนางจ้องมองสองฝ่าเท้าตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความคิดที่คาดไม่ถึงเจือกับความไม่เต็มใจ “ทำ...ทำไม?”
นางเป็สาวใช้ของตน หลายปีมานี้ สองเ้านายและสาวใช้อย่างพวกนางเข้าขากันดี เหตุใดในเวลานี้ นางถึงอยากฆ่าตน?
ในน้ำเสียงนั้น นางไม่แม้แต่ปิดบังความรังเกียจของตนเอง ครั้นเอ่ยจบ นางใช้แรงทั้งหมดในคราเดียว ดึงกริชออกจากร่างกายของอนุตู้ อนุตู้ถูกแรงนั้นพาไป ร่างกายเอนตัวและล้มลงกับพื้นในทันที ขณะที่ล้มลงกับพื้น บุคคลนั้นไม่มีแม้แต่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว เหลือเพียงดวงตาเบิกกว้างจ้องมองฝ่าเท้าตรงหน้า ในสภาพตายตาไม่หลับ
ผู้มาเยือนปรายตามองอนุตู้ที่ไร้ซึ่งลมหายใจด้วยสายตาเ็า นางดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากใต้เสื้อ บริเวณหน้าอก บรรจงเช็ดเืบนกริช พลางจ้องมองผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเื พลันขมวดคิ้วอย่างรังเกียจและโยนมันทิ้งไป ไม่แม้แต่เหลือบมองอนุตู้ ก้าวเท้ายาวออกไปจากสุสานโกลาหล
ในค่ำคืนอันมืดมิด ใครบางคนเกิดความหวัง และความหวังนั้นกลับพังทลายลงชั่วพริบตา ไม่มีผู้ใดรู้ว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่สุสานโกลาหลแห่งนี้
รุ่งเช้า ท้องฟ้าสว่างสดใส
เมื่อคืนเหนียนยวี่นอนหลับได้ไม่ค่อยดีนัก
บางอย่างที่แปลกประหลาดในเื่นี้ วนเวียนอยู่ในใจของเหนียนยวี่ตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร นางก็มิอาจไขว่คว้าสิ่งที่้ามาได้
“ฮ่าๆ ช่างถึงอกถึงใจเสียจริง คุณหนูยวี่ คุณหนูคงไม่รู้ว่าอนุตู้ที่มักจะเย่อหยิ่งผู้นั้น มิใช่ว่าปกติก็อาศัยที่ตนเองให้กำเนิดบุตรชายคนโตให้จวนอัครเสนาบดีหรืออย่างไร? แต่ก็ช่างโหดร้ายเสียจริงนะเ้าคะ คาดมิถึงเลยว่าจะคิดทำร้ายองค์หญิงใหญ่และทารกในครรภ์มาหลายครั้งหลายครา การลงโทษปะานาง ยังเบาไปเสียด้วยซ้ำนะเ้าคะ” ยามที่ชิวตี๋ปรนนิบัติแต่งกายให้เหนียนยวี่ยามเช้า นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากฉอเลาะ “นางคิดเื่นั้นอยู่ตลอด มิใช่ว่าวางแผนเพื่อบุตรชายตัวเอง สุดท้ายมิใช่ว่าสูญเปล่าหรอกหรือ คำสั่งของนายท่านเมื่อคืน ให้ส่งตัวคุณชายใหญ่ไปที่บ้านเกิดเมืองยวี่ชาน และหลังจากนี้ ห้ามให้มาเหยียบเมืองชุ่นเทียนอีกและไม่ใช่คนของจวนอัครเสนาบดีอีกต่อไป หึ อนุตู้ผู้นั้น คงตายอย่างไม่สงบแน่เ้าค่ะ”
“บ้านเกิดที่ยวี่ชาน?” เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว บ้านเกิดของอัครเสนาบดีเซี่ยอยู่ที่ยวี่ชานหรือ? นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้ยินเื่นี้
ยวี่ชาน...
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว ยวี่ชานอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเจวี๋ย
“เ้าค่ะ เขาถูกส่งตัวไปเมื่อคืน ส่วนอนุตู้ได้ยินว่าถูกห่อด้วยเสื่อฟางขาดๆ และเอาไปโยนทิ้งในสุสานโกลาหลที่อยู่ทางเหนือของเมืองเ้าค่ะ” ขณะที่ชิวตี๋กล่าว ดวงตาของเหนียนยวี่หรี่เล็กลงทันใด
สุสานโกลาหลที่อยู่ทางเหนือของเมืองหรือ?
เอาไปโยนทิ้งคืนนั้นเลยงั้นหรือ?