“เสี่ยคะ… หัวหน้าช่างคนใหม่เสี่ยรับมาจากไหนคะ”
นัยนาหมายถึงเจมส์
“อ๋อ… ไอ้เจมส์ ไอ้นี่ฝีมือดี”
เสี่ยชาลีเล่าให้ฟังว่าเจมส์เคยเป็หัวหน้าช่างอยู่ในศูนย์ซ่อมของรถยนต์ญี่ปุ่นแบรนด์ดัง อายุสามสิบต้นๆ แต่ผ่านงานมาอย่างโชกโชน
“เธอถามทำไม”
แวบหนึ่ง เสี่ยชาลีเหลือบมองภรรยาผู้ยังสาวยังสวย ไม่ใช่เื่แปลกถ้าจะเกิดอารมณ์หึงหวง เมื่อหล่อนถามถึงชายอื่น
“เปล่าค่ะ… ก็เห็นว่ามีคนงานหน้าตาไม่คุ้น ก็ต้องถามเป็ธรรมดา”
นัยนาตอบ ขณะพากันขับรถออกมาจากปั๊มน้ำมัน เพื่อเดินทางกลับบ้านในหัวหินเหมือนเช่นทุกวัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน
กลางดึกของคืนเดียวกันนั้น
เที่ยงคืนกว่า อากาศภายนอกเริ่มหนาวเย็น ยิ่งดึกยิ่งหนาว ภายใต้แสงจันทร์ข้างขึ้นของคืนเดือนหงาย
“หนูเนย… ยังไม่นอนอีกหรือ”
เสี่ยชาลีที่นอนทอดร่างเหี่ยวๆ อยู่บนเตียง ร้องถามภรรยาที่ยังยืนตากน้ำค้าง รับลมเย็นอยู่ริมระเบียงหลังห้องนอน
“เนยยังไม่ง่วงค่ะป๋า… ”
นัยนาบอกกับสามี หล่อนอยู่ในชุดนอนสายเดี๋ยวสีชมพูหวานพลิ้วบาง มีสายเล็กๆ เกาะไหล่ ชายชุดนอนประดับไว้ด้วยลูกไม้สีขาวกรุยกรายเกือบคลุมถึงพื้น
ครู่ใหญ่ๆ ต่อมา
เสียงกรนสั่นบอกให้รู้ว่าสามีชราของหล่อนหลับแล้ว นัยนาทิ้งกายลงนอนเคียงค้างร่างเหี่ยวๆ ของสามีอายุรุ่นราวคราวพ่อ
นัยนานอนกระสับกระส่ายอยู่พักใหญ่ๆ อารมณ์ทางเพศที่ผุดขึ้นมารบกวนจิตใจเป็ระยะๆ ทำให้หล่อนรู้สึกทรมานจนอยากแอบไปช่วยตัวเองในห้องน้ำ
“คุณเนย… มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?”
เจมส์ร้องเรียก เมื่อเห็นนัยนาขับรถเข้ามาที่อู่ซ่อมรถ
“รถเสีย… นายซ่อมให้ทีได้ไหม”
นัยนาจ้องมองร่างสูงใหญ่ในชุดหมีช่าง เจมส์ช่างเป็ผู้ชายที่ตัวใหญ่สะดุดตา
หญิงสาวเดินเข้ามาทรุดร่างลงนั่งบนโซฟาที่อยู่ด้านในอู่พร้อมกับตวัดขาเรียวยาวขึ้นไขว่ห้าง
“โอ้ว… ”
ดวงตาของเจมส์เบิกโพลงมองภาพวับแวมเมื่อครู่ สิ่งที่เห็นทำให้เขารู้ว่านัยนาโนบรา
“ถ้าจะให้ผมซ่อมรถ ช่วยเปิดกระโปรงให้ผมที”
ทั้งสองนิ่งมองตากันอย่างท้าทาย ก่อนที่นัยนาจะเลิกชายกระโปรงขึ้นมาวางบนหน้าขา พร้อมกับถ่างขาอ้าซ่าอย่างจงใจอวดความเป็สาวให้นายช่างจ้องมองอย่างตื่นเต้น
“เป็ไง… ห้องเครื่องฉัน… ดูแล้วต้องใช้เวลาซ่อมนานไหม”
นัยนาถาม ส่งสายตาท้าทาย
“แล้วอาการเป็ยังไงครับ… ”