หลายวันต่อมา
เมืองหลวงซ่ง ภายในท้องพระโรง
ฮ่องเต้ซ่งประทับบนบัลลังก์ั สวมมงกุฎบนพระเศียร พระพักตร์ มีจุดกระสีน้ำตาลแสดงถึงพระชนม์มายุที่มากแล้ว แต่ดวงเนตรกลับยังเปี่ยมด้วยพลัง เนตรคู่นั้นทอดมองเหล่าข้าราชบริพารเบื้องล่าง
ขณะนี้ เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ ตั้งแถวขนานสองฝั่งท้องพระโรง เวลานี้ตำแหน่งตรงกลางมีคนสองคนยืนอยู่
หนึ่งคือเกาเซียนจือ ซึ่งมีสีหน้าเ็า เขายื่นถวายฎีกาด้วยท่าทีนอบน้อม
อีกคนหนึ่ง คือพระราชนัดดา ซ่งเจิ้งซี ซึ่งห้อตะบึงม้าฝ่าฝูงชนกลางเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้ แต่มาครานี้ กลับเหงื่อแตกพลั่ก ขณะที่จ้องมองเกาเซียนจือ
“ฝ่าา กระหม่อมได้ตรวจสอบจนกระจ่างแล้ว ตามที่พึ่งทูลรายงานต่อฝ่าาและขุนนางทุกท่านไป คนในบ้านทหารจำนวนสิบห้าครอบครัวได้หายไป
แม้ว่าหลักฐานจะไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็ฝีมือพระราชนัดดา แต่มีหลักฐานว่าคนของพระราชนัดดา เป็ผู้สังหารครอบครัวและคนในหมู่บ้านของนายกองหลินชงจริง
เพื่อรักษาขวัญและกำลังใจทหาร กระหม่อมขอฝ่าาทรงให้ความเป็ธรรม ลงโทษพระราชนัดดาตามกฎด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” เกาเซียนจือกล่าวเสียงดังชัดเจน
ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งท้องพระโรง ทุกคนต่างมองเกาเซียนจือเป็ตาเดียว การแสดงออกของแต่ละคนนั้นต่างกันออกไป บ้างชื่นชม บ้างไม่พอใจ
ซ่งเจิ้งซีพลันโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที “เกาเซียนจือ เ้าช่างกล้านัก ถึงกับกราบทูลขอให้ปะาข้า? ถือดีอย่างไร? เป็เพียงคนต่ำต้อยผู้หนึ่งแท้ๆ ทำเช่นนี้คิดจะเล่นงานข้าหรือ ข้าแค่ทำไปเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น!”
“พระราชนัดดา ตอนนี้มาเถียงข้างๆ คูๆ จะมีประโยชน์อันใดพ่ะย่ะค่ะ? ตอนนี้ขวัญกำลังใจของทหารซ่งแปดแสนนาย ขึ้นอยู่กับชีวิตของพระองค์ ผู้กระทำผิดย่อมต้องรับโทษ! "
"เ้า… เ้าอยากตายหรือ!?” ซ่งเจิ้งซีกำลังจะลงมือต่อเกาเซียนจือ
“หยุด!” ฮ่องเต้ะโสั่งเสียงเย็น
ซ่งเจิ้งซีพลันหยุดชะงัก และหันกลับไปมองฮ่องเต้
“พระอัยกา[1] เกาเซียนจือ้าสังหารกระหม่อม กระหม่อมทราบดีว่าพระองค์ทรงตั้งพระทัยจะลงโทษสถานหนักเพื่อกองทัพ แต่นั่นมันเป็เื่นานมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ หลังจากพระอัยกาประกาศราชโองการออกมา กระหม่อมก็ไม่เคยออกจากวังเลยพ่ะย่ะค่ะ!” ซ่งเจิ้งซีรีบทักท้วงอย่างร้อนใจ
ขณะนั้น มีขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งกล่าวขึ้นว่า "ฝ่าา พระราชนัดดายังเยาว์วัย ทรงมิรู้ความ ถูกผู้ใต้อาณัติชักจูงจึงหลงผิด แต่นี่เป็การกระทำผิดครั้งแรก ข้ารับใช้ทั้งหมดสมควรถูกลงโทษและปะาต่อหน้าประชาชนพ่ะย่ะค่ะ สำหรับพระราชนัดดา ให้ถอดฐานันดร และตัดสินจำคุก เพื่อไม่ให้เป็เยี่ยงอย่าง”
ซ่งเจิ้งซีจ้องมองคนผู้นั้น พลางขมวดคิ้ว แต่ทราบดี ว่าการทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องเขา จึงมิได้ปฏิเสธ
“กระหม่อมเห็นควรพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมเห็นควรเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”
ในระยะเวลาสั้นๆ ก็มีขุนนางหลายคนทูลขอความเมตตาให้กับพระราชนัดดา
นี่ดูเหมือนจะเป็ทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
บนบัลลังก์ั ฮ่องเต้มองซ่งเจิ้งซี ั์ตามีแววเอื้อเอ็นดู พระองค์ไม่สามารถหักใจสั่งปะาชีวิตพระราชนัดดา จึงทรงพยักหน้าเบาๆ คล้ายเห็นด้วยกับวิธีลงโทษที่เหล่าขุนนางเสนอ หากรักษาชีวิตพระราชนัดดาเอาไว้ได้ บทลงโทษอื่นใดล้วนมิใช่ปัญหา
สีหน้าของเกาเซียนจือพลันเปลี่ยนไป เขากล่าวอีกครั้งว่า “ฝ่าา กระหม่อมขอทูลเป็ครั้งสุดท้าย ว่าคู่ต่อสู้คนปัจจุบันของเราคือกู่ไห่ ในอดีตที่แคว้นเฉินสามารถโจมตีแคว้นทั้งเจ็ด และทำลายสองแคว้นมหาอำนาจได้นั้น มิใช่เพราะความสามารถของเฉินไท่จี๋ แต่เป็กู่ไห่ที่จัดการทุกอย่างจากเงามืด กระหม่อมทุ่มสุดความสามารถเพื่อแผ่นดินซ่ง แต่ผลลัพธ์ต่อจากนี้จะเป็เช่นไร มีเพียง์เท่านั้นที่รู้”
สิ้นประโยค ฮ่องเต้หรี่เนตรลง สีหน้าของขุนนางาุโทั้งสองฝ่ายต่างเปลี่ยนไปทันที
ขุนนางาุโท่านหนึ่ง พลันกล่าวขึ้นว่า “ฝ่าา แผ่นดินมีกฎหมาย ในขณะเดียวกันกองทัพก็มีกฎทหาร วันนี้พระองค์ทรงละเว้นเพื่อพระราชนัดดา แล้ววันหน้าผู้ใดจะปกป้องแคว้นซ่งเพื่อเราพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมขอให้ทรงตัดสินปะาชีวิตพระราชนัดดา! ยิ่งเร็วยิ่งดี! ไม่เพียงแต่เป็การรักษากฎหมายแผ่นดิน แต่ยังเป็การเพิ่มขวัญกำลังให้กองทัพอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ราชครูผาง! เ้า!” พระราชนัดดาจ้องราชครูผางด้วยความโกรธ
ขุนนางาุโอีกท่านก็เปลี่ยนสีหน้าไปเช่นกัน กล่าวขึ้นมาว่า “ฝ่าา การปะาชีวิตพระราชนัดดา ทั้งหมดล้วนมาจากความผิดที่เขาก่อขึ้นมาเองทั้งสิ้น หากไม่ทรงปะา อาจทำให้ราชสำนักสงบลงได้ แต่ก็จะทำให้แผ่นดินสั่นคลอนได้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ
หายนะในอดีตของแคว้นซ่ง มิควรเกิดขึ้นอีก เพื่อแผ่นดินซ่งของเรา กระหม่อมขอวิงวอนให้ฝ่าาลงโทษพระราชนัดดาตามกฎหมาย เพื่อคงไว้ซึ่งเกียรติ์ของแผ่นดินพ่ะย่ะค่ะ!”
“อัครมหาเสนาบดีหลิว! เ้า!” พระราชนัดดาร้องออกมาด้วยความใ
เมื่อราชครูผางและอัครมหาเสนาบดีหลิวกล่าวเช่นนี้ ขุนนางกลุ่มที่พึ่งเอ่ยปกป้องพระราชนัดดา พลันปิดปากเงียบทันที
ปัง!
ซ่งเจิ้งซีคุกเข่าลงทันที “พระอัยกา ช่วยหลานด้วยพ่ะย่ะค่ะ ความผิดนี้ไม่ควรถึงกับปะาชีวิต มันมิใช่ความผิดของกระหม่อม กระหม่อมไม่ผิด เกาเซียนจือผู้นี้แทนที่จะนำทัพอยู่แนวหน้า กลับมายังเมืองหลวง เพื่อแทรกแซงเื่การเมือง พระอัยกา…”
ฮ่องเต้ซ่งซึ่งประทับบนบัลลังก์ั จ้องมองพระราชนัดดา และกำหมัดแน่น ความเอื้อเอ็นดูเมื่อแรกค่อยๆ หายไป มีไม่กี่คนที่ตระหนักถึงความน่ากลัวของกู่ไห่
ฮ่องเต้ซ่งระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ปีนั้นแคว้นซ่งเกือบล่มสลาย แต่เพราะราชวงศ์ซ่งไปขอร้องให้สำนักยุทธ์ช่วย จึงสามารถหยุดยั้งาครานั้นลงได้ มิเช่นนั้น คงไม่อาจรอดมาได้ และแผ่นดินไม่พ้นต้องล่มสลาย
ตัวพระองค์มีพระราชนัดดาหลายสิบคน แต่แผ่นดินซ่งนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว
“ปะา!” ฮ่องเต้ซ่งะโสั่งอย่างเ็า
“พระอัยกา พระอัยกา!...”
ไม่ว่าพระราชนัดดาจะร้องะโเพียงใด แต่ทหารหลวงก็ยังคงลากตัวเขาออกไปอย่างไร้ความปรานี
...
เมืองหลวงซ่งเฉิง ทางเข้าตลาดซึ่งใหญ่ที่สุด
เวลานี้ทางเข้าถูกรายล้อมไปด้วยประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วน พระราชนัดดากำลังจะถูกปะาชีวิต ในอดีตเื่นี้ไม่มีทางเป็ไปได้ แต่ตอนนี้มันกำลังจะเกิดขึ้น!
“แม่ทัพเกา! ดูนั่น… นั่นคือแม่ทัพเกา!”
"ขอบคุณแม่ทัพเกา! ซ่งเจิ้งซีนั่น ไม่รู้ว่าทำร้ายผู้หญิงดีๆ ไปกี่คนต่อกี่คนแล้ว สมควรตาย สมควรตายยิ่ง!!”
“ดูสิ มาแล้ว เป็ซ่งเจิ้งซีจริงๆ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสุนัขรับใช้ของเขาด้วย ฮ่าๆๆ! ยอดเยี่ยมมาก!"
ไม่นาน ทางเข้าตลาดก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่ร้องะโอย่างมีความสุข ในขณะที่ปรบมือไปด้วย
หัวหน้าผู้พิพากษานั่งอยู่ทางทิศเหนือ ด้านหน้าเขาคือชานไม้ยกสูงขนาดใหญ่ ซึ่งมีเพชฌฆาตสามสิบคนยืนรอทำการปะาอยู่
ทางทิศใต้ของลานปะามีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่ ด้านหน้าของประชาชนเ่าั้คือเกาเซียนจือ หลินชงและทหารกลุ่มหนึ่ง
ทางด้านตะวันออก มีผู้คุมกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่เฝ้าพระราชนัดดา ซ่งเจิ้นซีและกลุ่มผู้ติดตามเอาไว้
พวกเขาทั้งหมดผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางหวาดกลัวเหลือจะกล่าว
“อย่าฆ่าข้า พระอัยกา พระอัยกา อย่าฆ่าข้า!” ซ่งเจิ้งซีร้องไห้และะโอย่างเสียขวัญ แต่เนื่องจากรอบด้านนั้นเสียงดังมาก เสียงร้องของเขาจึงไม่อาจดังไปไกลนัก
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ! ท่านอยู่ไหน? ลูกชายของท่านกำลังจะถูกปะาชีวิตแล้ว ท่านพ่อ ท่านพ่อ!” ซ่งเจิ้งซีร้องไห้พร้อมทั้งะโด้วยความกลัว
“พระราชนัดดา ทำเช่นไรดี เราจะทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ? ฮือๆๆๆ! กระหม่อมยังไม่อยากตาย!” กลุ่มข้ารับใช้ของซ่งเจิ้งซีร่ำไห้พร้ะโกนดังลั่น
“พวกเ้าฆ่าข้าไม่ได้ ข้าคือพระราชนัดดาขององค์ฮ่องเต้ บิดาของข้าคือองค์รัชทายาท และข้าคือองค์รัชทายาทในอนาคต ฮือๆๆๆ!” ซ่งเจิ้งซีะโเสียงดังด้วยความหวาดกลัว
“ทำให้พวกนั้นหุบปากเสีย!” หัวหน้าผู้พิพากษาสั่งอย่างเ็า
"ขอรับ!" กลุ่มเ้าหน้าที่ศาลตอบ
หลังจากนั้น ซ่งเจิ้งซีและข้ารับใช้ก็ถูกปิดปากทันที
“อู้ๆๆๆ!” ทั้งกลุ่มไม่อาจพูดอะไร ได้แต่ส่งเสียงร้องอู้อี้
ไม่นาน แต่ละคนก็ถูกถุงผ้าสีดำครอบลงบนศีรษะ
“อู้ๆๆๆ!” ในถุงผ้าสีดำ ทั้งกลุ่มไม่อาจพูดอะไรได้ ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ไม่ได้ศัพท์
“นำพวกเขาไปยังแท่นปะา!” หัวหน้าผู้พิพากษาสั่งเสียงดัง
"ขอรับ!"
เหล่าเ้าหน้าที่พากลุ่มนักโทษที่มีถุงผ้าสีดำคลุมศีรษะ เดินเรียงแถวไปทางทิศเหนือของแท่นปะา แถวนักโทษค่อนข้างยาว ฝูงชนต่างจ้องมองแถวนักโทษ เวลานี้มีนักโทษบางคนถูกแท่นปะาบดบังไว้ แต่นักโทษส่วนใหญ่นั้น ทุกคนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
นักโทษทั้งสามสิบคน ค่อยๆ เดินขึ้นไปบนแท่นปะา
พลั่ก!
นักโทษแต่ละคนถูกผู้คุมที่อยู่ทางด้านหลัง เตะที่ข้อพับ ทำให้ต้องคุกเข่าลง
ดวงตาของหลินชงจ้องมองร่างของซ่งเซิงซี ด้วยดวงตาแดงก่ำ ทั้งยังกำหมัดแน่น
หัวหน้าผู้พิพากษามองไปบนฟ้า
“เที่ยงสามเค่อ[2] แล้ว เริ่มปะาได้!” หัวหน้าผู้พิพากษาโยนแผ่นคำสั่ง ซึ่งสลักคำว่าปะาชีวิตออกไป
ฟู่!
เหล่าเพชฌฆาตทุกคน ต่างพ่นเหล้าลงบนใบมีดปะาของตน
ขวับ!
ใบมีดแต่ละใบส่งเสียงหวีดหวิว ตามด้วยศีรษะสามสิบหัว ขาดกระเด็นหลุดจากร่าง
ฟู่!
เืสดๆ พุ่งออกจากคอที่ถูกตัด สูงกว่าสามฉื่อ[3] กระเซ็นโดนแท่นปะา
“โอ้!” ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วน ตกอยู่ในความโกลาหล
ปะาไปแล้ว? นั่นคือพระราชนัดดา เป็ถึงพระราชนัดดาเชียวนะ
“เสี่ยวเตี๋ย หนี้แค้นของเ้าได้รับการชำระแล้ว ข้าขอโทษเ้าจริงๆ!” จู่ๆหลินชงพลันไร้เรี่ยวแรง ทรุดฮวบลงกับพื้น ทั้งสะอื้นไห้อย่างไร้เสียง
“ใต้เท้า!” ทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามาช่วยพยุง
เกาเซียนจือมองทหารและพูดว่า “พวกเ้ารู้ชัดแล้วหรือยัง เข้าใจแล้วหรือไม่ นอกจากครอบครัวหลินชงที่ถูกซ่งเจิ้งซีทำลาย ครอบครัวที่หายไปของพวกเ้า ล้วนเป็อุบายของกู่ไห่! ไม่นานมานี้เราได้ไปตรวจสอบที่ประทับขององค์รัชทายาทมาแล้ว แต่ไม่เจอเบาะแสของครอบครัวพวกเ้า ตอนนี้เชื่อข้าหรือยัง?”
กลุ่มทหารพยักหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ท่านแม่ทัพ เราเชื่อท่าน!”
“ท่านแม่ทัพ เป็กู่ไห่ นอกจากครอบครัวของใต้เท้าหลิน ทั้งหมดล้วนเป็ฝีมือกู่ไห่ทั้งสิ้น”
“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยจะไปแนวหน้า และต่อสู้อย่างสุดความสามารถแน่นอนขอรับ!”
กลุ่มทหารเอ่ยคำสัญญาทันที
"ดี! ่บ่ายไปพักผ่อนเสีย ตอนเย็นเราจะเร่งเดินทางกลับทันที เพื่อบอกความจริงกับเหล่าพี่น้อง ให้ทราบว่าทั้งหมดเป็แผนที่กู่ไห่วางเอาไว้! เพื่อตอบแทนองค์ฮ่องเต้ เราจำเป็ต้องทุ่มพลังทั้งหมดพิชิตด่านหู่เหลาให้ได้” เกาเซียนจือกล่าวอย่างมั่นใจ
"ขอรับ!” ทุกคนตอบรับทันที
“ขอบคุณขอรับท่านแม่ทัพ!” หลินชงกล่าวซ้ำๆ พลางโขกศีรษะลงกับพื้นไม่หยุด เพื่อขอบคุณเกาเซียนจือ
“หลินชง เ้าไปพักผ่อนเสีย แล้วตามข้ากลับไปที่ค่าย!!” แม่ทัพกล่าวเสียงเข้ม
“ขอรับ ท่านแม่ทัพช่วยให้ข้าได้ล้างแค้น ชีวิตนี้ของข้าเป็ของท่านแม่ทัพ หากข้าต้องตาย ก็จะตายในสนามรบ!” ดวงตาของหลินชงแดงก่ำ ขณะกล่าว
เกาเซียนจือพยักหน้า
ครั้งนี้เพื่อหลินชง เขาจึงได้สังหารพระราชนัดดา หลินชงจำเป็ต้องกลับไป เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจทหาร ให้กำลังพลทุกนายทราบว่ากองทัพนั้นเปรียบได้ดั่งขุนเขา ไม่ว่าผู้ใดก็อย่าได้บังอาจมาทำร้ายครอบครัวพวกเขา
แม่ทัพเชื่อว่าการปะาพระราชนัดดา เป็วิธีที่ดีที่สุดในการจูงใจทหาร อย่างน้อยทหารทุกคนก็จะมั่นใจว่า แม้แต่เชื้อพระวงศ์ยังถูกลงโทษได้ เช่นนั้นผู้ใดเล่าจะกล้ามาทำร้ายครอบครัวพวกเขาอีก? ถึงเวลา แม้กู่ไห่จะสร้างเื่โกหกขึ้นมามากมายเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
เกาเซียนจือเวลานี้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เพราะเชื่อมั่นว่ากลับไปครานี้ ใจของเหล่าทหารจะต้องรวมกันเป็หนึ่งเดียว การปะาชีวิตพระราชนัดดา จะทำให้ขวัญกำลังใจและความสามัคคีของกองทัพเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถทำลายด่านหู่เหลาได้ในครั้งเดียว
สิ่งที่เขา้าตอนนี้คือต้องเร็ว เร็ว และเร็ว!
ใน่เย็นเกาเซียนจือนำกลุ่มทหาร มุ่งหน้าไปยังด่านหู่เหลาทันที
….
แท่นปะาที่ทางเข้าตลาดเงียบมากในตอนกลางคืน ทั้งที่ตอนกลางวันยังคึกคักแท้ๆ แต่พอตกค่ำกลับวังเวงยิ่งนัก
ที่นี่มีคนตายจำนวนมาก ผู้ใดเล่าจะกล้ามาเดินในตอนกลางคืน?
อย่างไรก็ตาม เวลานี้กลับมีคนมาแล้ว
นั่นคือหัวหน้าผู้พิพากษาใน่กลางวันนั่นเอง มีชายชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง ชายผู้นี้ก็คือคนที่ทำให้เกาเซียนจือปวดเศียรเวียนเกล้า กู่ไห่ นั่นเอง
ข้างๆ พวกเขามีรถม้าคันหนึ่ง
"ท่านนี้คือ..." หัวหน้าผู้พิพากษาเอ่ยถาม
“ข้าเป็คนขององค์รัชทายาท การรู้มากเกินไปมิใช่เื่ดี!” กู่ไห่กล่าว
“ขอรับ ขอรับ! ไม่ถาม ข้าไม่ถามแล้ว หลังจากเห็นจดหมายที่ท่านให้ดูฉบับนั้น ข้าก็เชื่อแล้ว ท้ายที่สุด พระราชนัดดาก็เป็ดั่งแก้วตาดวงใจของฮ่องเต้และองค์รัชทายาท จะตัดสินใจปะาชีวิตได้อย่างไร หลังจากผ่านไปเพียงวันเดียว?” หัวหน้าผู้พิพากษาหัวเราะออกมาขณะกล่าว
“เื่ในวันนี้ ให้ลูกน้องเ้าปิดปากให้สนิท หากผู้ใดกล้าแพร่งพรายออกไปจะต้องรับโทษในข้อหาฏ!” กู่ไห่กล่าวอย่างจริงจัง
หัวหน้าผู้พิพากษาตัวสั่น รีบพยักหน้าสุดชีวิต “เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็คนที่ไว้ใจได้ ท่านวางใจเถอะ!”
ตอนนี้ กู่ไห่เคาะเบาๆ บนแท่นปะา
ทันใดนั้น ประตูเล็กๆ ทางทิศเหนือของแท่นปะาก็เปิดออก
“อู้ๆๆๆ” มีเสียงร้องอู้อี้ดังออกมาจากด้านในประตู
ด้านในกลับมีคนผู้หนึ่ง เขานำตัวหนึ่งในนักโทษเมื่อตอนกลางวันออกมา
“ใต้เท้า ข้าได้จัดการตามคำสั่งของท่านแล้ว ตอนที่พระราชนัดดาเข้ามา เราก็สับเปลี่ยนกับนักโทษอีกคน คนที่ถูกตัดหัวคือนักโทษผู้นั้น พระราชนัดดายังทรงปลอดภัยดีขอรับ!” ชายคนนั้นกล่าว พลางยิ้ม
เมื่อกู่ไห่ก้มหน้า ก็สังเกตเห็นว่าเป้ากางเกงของซ่งเจิ้งซีมีรอยปัสสาวะเปื้อนอยู่ ซึ่งบ่งบอกถึงความกลัวของเขา
“อือ!”
ชายคนนั้นถอดถุงผ้าสีดำออกจากศีรษะของซ่งเจิ้งซี
“อือๆๆ!” ซ่งเจิ้งซีจ้องมองกู่ไห่ด้วยความใ
หลังจากผ้าที่ยัดปากอยู่ถูกนำออกไป ซ่งเจิ้งซีก็ถามด้วยความใทันทีว่า “ข้ายังไม่ตายหรือ? ข้ายังมีชีวิตอยู่? ข้ายังไม่ตายจริงหรือ?”
กู่ไห่ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “ใต้เท้าเกาจะกล้าปะาพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ พระองค์คือว่าที่ฮ่องเต้ในอนาคต นี่เป็เพียงอุบายตบตาคน รอจนแคว้นเฉินพ่ายแพ้ ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
"หา? ใต้เท้าเกาช่วยข้าเอาไว้หรือ? ใต้เท้าเกาคนใด?” ซ่งเจิ้งซีถามด้วยความสับสน
“แม่ทัพเกาเซียนจือพ่ะย่ะค่ะ!” กู่ไห่ยิ้มพร้อมตอบคำ
-------------------------------------
[1] พระอัยกา เป็คำาาศัพท์ ใช้เรียกปู่หรือตา
[2] สามเค่อ เค่อเป็การนับนาที หนึ่งเค่อเท่ากับสิบห้านาที ดังนั้นสามเค่อก็เท่ากับสี่สิบห้านาที
[3] สามฉื่อ ฉื่อเป็การวัดระยะของจีน สามฉื่อเท่ากับหนึ่งเมตร โดยประมาณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้