กูเฟยเยี่ยนตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่ในจิ้งหวางฝู่ด้วยความคาดหวัง
เดิมทีเฉิงอี้เฟย้าส่งคนเข้าไปในพระราชวังเพื่อไปนัดหมายองค์ชายแปด แต่เมื่อคิดดูอีกทีแล้วเขาก็เดินทางเข้าไปด้วยตนเอง
เขากับองค์ชายแปดเป็เพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเื่ หลังจากที่เขาได้รู้จักกูเฟยเยี่ยนแล้วก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับองค์ชายแปดเลย กูเฟยเยี่ยนที่เป็เพียงแพทย์หญิงตัวน้อยจะสามารถได้พบกับองค์ชายแปดได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นคือไปเอาความชื่นชอบมาจากไหนกัน?
เขามั่นใจเต็มร้อยว่ากูเฟยเยี่ยนปั้นเื่ราวมาเพื่อหยุดเขาไว้
ก่อนที่จะปั้นเื่ขึ้นมานังหนูคนนี้ไม่สืบข่าวก่อนหรือ นางไม่ทราบว่าเขาสนิทกับองค์ชายแปดหรือ?
ถ้าเป็ทหารที่เฉิงอี้เฟย้าก็ไม่มีทางที่จะไม่สามารถรับมือได้ หญิงสาวคนแรกที่เขา้า แน่นอนว่าจะต้องรับมือจนกว่านางจะยินยอมสมัครใจอย่างแท้จริง
นี่เป็ครั้งแรกที่เฉิงอี้เฟยอยู่นอกสนามรบแล้วยังรู้สึกถึงความฮึกเหิมและหุนหันพลันแล่น
เขาไปที่พระราชวังด้วยตนเองถึงได้ทราบว่าองค์ชายแปดถูกฝ่าาเรียกตัวเข้าไปเล่นหมากรุกแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่เฝ้ารอ
นอกจากจิ้งหวางกับรัชทายาทที่เป็ทายาทสายตรงของฝ่าาแล้ว บุตรชายที่เทียนอู่ฮ่องเต้ให้ความโปรดปรานจริงๆ ก็คือองค์ชายใหญ่กับองค์ชายแปด การที่องค์ชายใหญ่ได้รับความโปรดปรานล้วนอาศัยความช่วยเหลือจากอวิ้นกุ้ยเฟยที่เป็มารดา แต่องค์ชายแปดแตกต่างออกไป
มารดาขององค์ชายแปดมีฐานะต่ำต้อยเช่นเดียวกันกับอวิ้นกุ้ยเฟย อีกทั้งยังเสียชีวิตไปนานแล้วจึงไม่ได้รับความโปรดปรานจากเทียนอู่ฮ่องเต้ สำหรับการที่องค์ชายแปดได้รับความโปรดปรานนั้นภายในพระราชวังมีการพูดคุยกันอยู่สองประการ
ประการแรกคือองค์ชายแปดมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับจิ้งหวางที่เป็องค์ชายเก้า โดยที่เขาเกิดก่อนจิ้งหวางเพียงสองเดือนเท่านั้น ในตอนที่จิ้งหวางถูกพาออกจากราชวงศ์จวิน ฮ่องเต้กับหวงโฮ่ว [1] ปรารถนาถึงบุตรชายอย่างถึงที่สุดจึงโยกย้ายความรักที่มีต่อจิ้งหวางทั้งหมดไปที่องค์ชายแปด
อีกประการหนึ่งคือองค์ชายแปดนั้นแตกต่างจากเหล่าองค์ชายที่แย่งชิงอำนาจในราชสำนักและแย่งชิงความโปรดปรานภายในพระราชวัง เขาชื่นชอบยุทธภพ หลีกหนีราชสำนัก จิตใจปรารถนาสูงส่ง นิสัยทะนงตน จนได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้
ไม่ว่าข่าวลือจะเป็จริงหรือไม่ แต่ความรักที่เทียนอู่ฮ่องเต้มีต่อองค์ชายแปดเป็ความจริงแท้แน่นอน
เฉิงอี้เฟยรอจนเกือบจะหลับแล้ว ในที่สุดองค์ชายแปดจวินฮั่นหยิ่นก็ได้ออกมา
จวินฮั่นหยิ่นไม่ได้สวมใส่อาภรณ์พระราชวัง แต่สวมใส่อาภรณ์จิ้นจวงสีดำ มัดผมขึ้น รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา และมีมาดที่เ็าจนทำให้ผู้คนรู้สึกว่าสามารถมองจากระยะไกลได้แต่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ นอกจากนี้คือเรียวคิ้วของเขายังมีความคล้ายคลึงกันกับจิ้งหวางจวินจิ่วเฉินอีกด้วย
อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วเขาไม่ค่อยหัวเราะนัก แต่เมื่อเห็นเฉิงอี้เฟยเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “เ้ามาได้อย่างไร? คืนนี้เปิ่นหวงจื่อวางแผนจะไปหาเ้าอยู่พอดี”
เฉิงอี้เฟยดีใจเช่นกัน เขาโค้งเคารพพลางเอ่ยออกมาว่า “องค์ชายแปด ข้ามาเชิญท่านไปดื่มสุรา มีสาวงามคอยอยู่เป็เพื่อน ให้เกียรติได้หรือไม่? ”
ในขณะนี้เอง หญิงรับใช้ก็ได้ยกถาดรองน้ำเข้ามา จวินฮั่นหยิ่นล้างมือพลางเอ่ยถาม “วันนี้แม่ทัพเฉิงไปเอาอารมณ์สุนทรีย์มาจากไหนกัน? สาวงามคนนั้นก็คือผู้ที่มาจากจิ้งหวางฝู่ใช่หรือไม่? ”
เฉิงอี้เฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเท้าพรวดพราดไปด้านหน้า องค์ชายพลันเอ่ยถามด้วยความจริงจัง “ท่านทราบแล้วหรือ? ”
จวินฮั่นหยิ่นมีนิสัยรักความสะอาดอย่างหนัก ไม่ว่าจะไปที่ใด เมื่อกลับมาก็ต้องล้างมือก่อน แม้ว่าสถานที่นั้นจะเป็ของเทียนอู่ฮ่องเต้ก็ตาม
เขาก้มหน้าลง ล้างมือทีละนิ้วๆ จากนั้นจึงเช็ดให้สะอาดอย่างไม่รีบร้อน “เื่ที่แม่ทัพเฉิงออกประกาศแสดงความรักได้แพร่กระจายไปทั่วเทียนเหยียนแล้วนี่? เ้านี่นะไม่กลัวว่าทหารในมือของเ้าจะหัวเราะเยาะเอาหรือ? ”
เฉิงอี้เฟยเกือบจะคิดว่าองค์ชายแปดกับกูเฟยเยี่ยนเคยติดต่อกันก่อนหน้านี้แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้หัวใจที่ห้อยต่องแต่งของเขาก็สงบลง เขากล้าแย่งชิงผู้หญิงกับองค์ชายแปด ทว่าไม่คาดหวังให้เป็เช่นนี้
เขาหัวเราะออกมาแล้วตอบกลับไป “ความรักระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวจะมีอะไรให้น่าหัวเราะกัน? เป็นางจริงๆ องค์ชายแปดให้เกียรติหรือไม่? ”
ดวงตาของจวินฮั่นหยิ่นทอประกายความซับซ้อนราวกับลังเล เฉิงอี้เฟยจึงหัวเราะออกมา ”นังหนูนั่นบอกว่าชอบท่าน หากท่านไม่ไปนางก็จะไม่พบข้า ไปเถอะ ถือเสียว่าช่วยข้าสักครั้งหนึ่ง”
จวินฮั่นหยิ่นเงยหน้าขึ้นมาด้วยความรู้สึกงงงวย เฉิงอี้เฟยจึงรีบอธิบายสถานการณ์แล้วโอบไหล่ขององค์ชายแปดพร้อมกับร้องขอด้วยความนอบน้อมและจริงใจมาก “ข้าชอบนางจริงๆ ถือเสียว่าช่วยข้าสักครั้งเถอะนะ! สหาย ข้าจริงจัง”
จวินฮั่นหยิ่นมองเฉิงอี้เฟยครู่หนึ่ง ก่อนจะนำมือของเขาออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงตบไปที่ไหล่เบาๆ โดยไม่พูดอะไรออกมา
เฉิงอี้เฟยทราบว่าองค์ชายแปดไม่ชอบรับประทานอาหารกับคนแปลกหน้า โดยเฉพาะผู้หญิง เขากำลังจะขอร้องต่อไป แต่ใครจะไปทราบว่าจวินฮั่นหยิ่นจะตอบตกลง “ได้ คืนนี้เปิ่นหวงจื่อว่างพอดี แค่ครั้งนี้นะ ห้ามมีครั้งต่อไปอีก”
เฉิงอี้เฟยดีอกดีใจเหลือเกิน “ขอบคุณมาก! ไปกันเถอะ ทางด้านของหอฝูหม่านนั้นได้จัดเตรียมการเอาไว้แล้ว! ”
จวินฮั่นหยิ่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “รีบไปทำไมกัน? ข้ายังมีงานอีกนิดหน่อย เ้าพานางไปก่อนแล้วข้าจะตามไปทีหลัง”
เฉิงอี้เฟยดีใจแล้วออกไปด้วยความฮึกเหิม
แต่ทันทีที่แผ่นหลังของเขาหายไปจากหน้าประตู รอยยิ้มของจวินฮั่นหยิ่นก็ค่อยๆ สลายหายไป สิ่งที่แทรกแทนเข้ามาคือใบหน้าเ็าและดูถูกเหยียดหยาม เขาปัดไหล่ของตนเองอย่างเห็นได้ชัดว่ารังเกียจการกระทำโอบไหล่ของเฉิงอี้เฟยเมื่อสักครู่นี้
หลังจากที่เขาปัดไหล่เรียบร้อยแล้วก็มองไปที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของตนเองด้วยความรังเกียจมาก ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่นี้เพิ่งจะล้างสะอาดไป แต่เขาก็ได้ล้างมืออย่างช้าๆ อีกครั้ง
หงอวี้ที่เป็นางข้าหลวงได้ยกถาดใส่น้ำมาแล้วกระซิบแ่เบา “นายท่านเพคะ นู๋ปี้คิดว่าแพทย์หญิงกูอาจจะไม่ได้ปั้นเื่ราว บางทีนางอาจจะเคารพเลื่อมใสพระองค์ นี่คือโอกาส! เื่ราวในห้องทรงพระอักษรเมื่อคืนวานนี้เหมยกงกงปิดปากเงียบมาก นู๋ปี้สืบข่าวอย่างไรก็สืบไม่พบ”
เมื่อจวินฮั่นหยิ่นได้ยินมาถึงตรงนี้จึงขัดจังหวะออกมาด้วยความเ็า “พอได้แล้ว ไม่จำเป็ต้องถามอีก หากทำให้ฟู่หวงเกิดความระแวงขึ้นมา ความพยายามตลอดหลายปีมานี้ของเปิ่นหวงจื่อก็จะสูญเปล่า! ”
เขาจะเป็ผู้ที่หลีกหนีราชสำนักและชื่นชอบยุทธภพได้อย่างไร?
เขาเป็ที่โปรดปรานของหวงโฮ่วั้แ่ยังเยาว์วัยและเป็ที่รักใคร่ของฟู่หวงมาแล้วอย่างไรล่ะ? เขาเป็แค่ตัวสำรองเท่านั้น!
หลังจากที่รัชทายาทถือกำเนิดขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยได้รับก็หายไปหมด! ภายในพระราชวังมีคนหัวเราะเยาะเขากันมากมาย เมื่อจวินจิ่วเฉินกลับมาคนในพระราชวังก็หัวเราะเยาะเขาอีก
เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าในปีที่เขามีอายุครบสิบสี่ฟู่หวงได้บอกกับเขาด้วยตนเองว่า เขาโตแล้ว องค์ชายเก้าก็โตแล้วเช่นกัน ใบหน้าของเขาไม่เหมือนองค์ชายเก้ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
วัยเด็กมีความคล้ายกัน โตมาไม่แน่อาจจะไม่คล้ายกัน วัยเด็กได้รับความโปรดปราน โตมาไม่แน่ก็อาจจะไม่ได้รับความโปรดปราน ทฤษฎีข้อนี้เขาเข้าใจก่อนอายุสิบสี่ปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงแสดงมาโดยตลอดเพื่อปกปิดฟู่หวงและปกปิดทุกคน
แม้ว่าเขาจะออกจากเมืองจิ้นหยางมาได้สามเดือนแล้ว ทว่าเขาล้วนรับรู้ทุกเื่ราวภายในเมืองและทุกเื่ราวภายในพระราชวังดั่งหลับตาเห็น เื่ที่จิ้งหวางให้ความสำคัญต่อกูเฟยเยี่ยนนั้นเขาก็ให้ความสนใจเช่นกัน
เมื่อคืนนี้กูเฟยเยี่ยนถูกเรียกตัวให้เข้าไปในห้องทรงพระอักษรในพระราชวังอยู่นานกว่าสองชั่วยาม ซูไท่อีก็ไปด้วยเช่นกัน เื่นี้เขาก็ให้ความสนใจ! เขาอยากจะพบกูเฟยเยี่ยนมาตั้งนานแล้ว เฉิงอี้เฟยมาถูกเวลาเสียจริง…
หลังจากที่เฉิงอี้เฟยออกมาจากพระราชวังเขาก็ไปหากูเฟยเยี่ยนทันที
การหมั้นหมายของกูเฟยเยี่ยนถูกยกเลิกแล้ว ในตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหม่านจึงไม่กีดขวางเฉิงอี้เฟยเลย ทันทีที่ได้ยินว่าเฉิงอี้เฟยนัดกูเฟยเยี่ยนไปทานข้าว เขาก็พากูเฟยเยี่ยนมาส่งถึงหน้าประตูด้วยตนเอง
“ท่านแม่ทัพเฉิง คนผู้นี้มอบให้ท่านแล้วนะ”
แม้ว่าเซี่ยเสี่ยวหม่านจะยิ้มอย่างคลุมเครือ แต่ก็ยังโน้มตัวเข้ามากระซิบใกล้ๆ เพื่อเตือนสติด้วยความจริงจัง “ท่านแม่ทัพเฉิง ก่อนที่ท่านจะแต่งงานกับนาง นางยังถือว่าเป็คนของพวกเราจิ้งหวางฝู่ กฎเกณฑ์ที่ควรปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติ มารยาทที่ควรทำตามก็ต้องทำตาม ก่อนถึงยามซวี [2] จำเป็ต้องส่งกลับมาอย่างปลอดภัย เหอะๆ หากว่ามีข้อผิดพลาดใดๆ แล้วเตี้ยนเซี่ยกล่าวโทษลงมาพวกเราล้วนแบกรับไม่ไหว”
“ถูกต้อง หม่านกงกงวางใจได้! ”
เฉิงอี้เฟยโค้งคำนับแล้วหันกลับไปส่งรอยยิ้มให้กูเฟยเยี่ยนด้วยความดีใจ
เฉิงอี้เฟยคิดแค่ว่านางแกล้งทำ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เซี่ยเสี่ยวหม่านไม่เข้าใจในสถานการณ์ เขารู้สึกว่ามีความผิดปกติแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก สักพักรถม้าก็วิ่งไปทางหอฝูหม่าน…
——————
เชิงอรรถ
[1] หวงโฮ่ว หมายถึง ราชินี
[2] ยามซวี หมายถึง ่เวลาพลบค่ำหลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าหรือระยะเวลาเริ่มต้นกลางคืนระหว่าง 19.00-21.00 น.