องค์หญิงชาวนาตัวน้อยผู้เป็นที่รัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ขณะที่จางเจิ้นอันก้าวฝ่าม่านฝนออกไป อันซิ่วเอ๋อร์ก็รีบลุกตามไปส่งที่หน้าประตู จางเจิ้นอันโบกมือไล่ให้นางกลับเข้าบ้านไป พลางกำชับว่า “ข้างนอกฝนตกหนัก เ๽้าเข้าไปเถิด ข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็กลับ”

        อันซิ่วเอ๋อร์พยักหน้ารับ แต่สุดท้ายก็จำต้องถอยกลับเข้าไปในบ้านแต่โดยดี

        นางยืนมองจนกระทั่งร่างของจางเจิ้นอันเลือนหายไปในสายฝนและความมืดมิด

        อันซิ่วเอ๋อร์ทิ้งตัวลงบนที่นอนฟาง แม้จะมีผ้าห่มผืนบางปูทับไว้ แต่ความหยาบสากของฟางก็ยังคงระคายผิว ทว่านางคุ้นชินกับความรู้สึกนี้เสียแล้ว

        เมื่อผ้าห่มที่มีอยู่ถูกนำไปใช้ปูรองนอน ในบ้านจึงไม่มีผ้าห่มผืนอื่นให้นางใช้คลายหนาว นางทำได้เพียงขดกายบนที่นอนฟาง รู้สึกถึงลมหนาวที่พัดแทรกเข้ามาเป็๲ระลอก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้

        นางจึงลุกขึ้นจากที่นอน เดินวนไปเวียนมาอย่างไร้จุดหมายในห้องครัวที่ทั้งคับแคบและมืดสลัว แม้จะจุดเทียนไขแล้ว แสงสว่างก็ยังคงริบหรี่ อันซิ่วเอ๋อร์อยู่เพียงลำพังในห้องนี้ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

        ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตัดสินใจเดินไปยังตู้เก็บของ คุ้ยหาแป้งสาลีออกมา เตรียมจะทำขนมเปี๊ยะชิ้นเล็กๆ ไว้สำหรับมื้อเช้า

        นางเริ่มนวดแป้ง ใส่ผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วอาศัยไฟที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในเตาหลังจากทำบะหมี่เมื่อตอนค่ำ เริ่มต้มน้ำ นางไม่ได้รีบร้อน เพียงค่อยๆ เติมฟืนไปพลาง นำเสื้อผ้าและรองเท้าที่เปียกชื้นมาอังไฟให้แห้งไปพลาง รอจนเสื้อผ้าเริ่มแห้งหมาดๆ น้ำในหม้อก็เริ่มเดือดปุดๆ

        ทว่าอันซิ่วเอ๋อร์ยังไม่ลงมือนวดแป้งต่อ นางกลับนำขี้เถ้ามากลบไฟในเตาให้เหลือเพียงถ่านแดงๆ วางก้อนแป้งที่นวดไว้ข้างๆ จากนั้นจึงสวมหมวกสาน คว้ากระป๋องเหล็กเก่าๆ ใบหนึ่ง จุดเทียนไข แล้วนำกระป๋องครอบเทียนไว้เพื่อกันลม ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าออกไปนอกบ้าน

        นางนึกเป็๞ห่วงจางเจิ้นอันที่ออกไปนานแล้ว จึงอยากจะออกไปยืนรอเขาที่หน้าประตู สายฝนด้านนอกยังคงกระหน่ำหนัก ลมพัดแรงจนเปลวเทียนในมือนางสั่นไหวเกือบจะดับ นางต้องใช้กระป๋องเหล็กคอยบังลมไว้อย่างระมัดระวัง ในที่สุดก็พอจะต้านทานแรงลมไว้ได้ จึงถือเทียนเดินไปยังหน้าประตูอย่างทุลักทุเล

        นางยืนรออยู่หน้าประตูชั่วครู่ แต่ก็ยังไร้วี่แววของจางเจิ้นอัน ความกระวนกระวายเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ น้ำตาเทียนร้อนๆ หยดลงบนหลังมือซ้ายที่ถือเทียนอยู่ แสบร้อนจนนางเกือบจะเผลอร้องออกมา ทว่ามือขวายังคงประคองกระป๋องเหล็กไว้แน่น ไม่สามารถปล่อยมือมาปัดน้ำตาเทียนออกไปได้ ทำได้เพียงทนรอให้น้ำตาเทียนค่อยๆ เย็นลง จนจับตัวเป็๲ก้อนแข็งติดอยู่บนผิว

        นางเพ่งมองฝ่าความมืดไปรอบๆ แต่แสงเทียนอันน้อยนิดส่องไปได้ไม่ไกลนัก สายฝนสาดซัดเฉียงเข้ามาปะทะร่างกาย เสียงฝนดังเซ็งแซ่ก้องอยู่ในหูจนแทบไม่ได้ยินเสียงอื่นใด อันซิ่วเอ๋อร์ยืนรออยู่เช่นนั้นอีกครู่ใหญ่ พลันร่างเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหัน

        จางเจิ้นอันมองเห็นอันซิ่วเอ๋อร์ยืนถือเทียนอยู่หน้าประตูแต่ไกล ท่ามกลางสายฝนพร่างพรม แสงเทียนริบหรี่ส่องสว่าง ก่อเกิดเป็๲ม่านแสงเรืองรองรอบกาย นางสวมหมวกสานใบใหญ่จนแทบบดบังใบหน้า เผยให้เห็นเพียงปลายคางเรียวเล็ก ร่างทั้งร่างดูบอบบางราวกับดอกไม้ ที่กำลังต้องลมฝน ช่างเป็๲ภาพสาวงามบอบบางที่ยืนหยัดท้าลมฝนอย่างน่าทะนุถนอม

        เมื่อเห็นนางยืนตัวสั่นด้วยความหนาว เขาก็ไม่คิดสิ่งใดอีก รีบสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านาง

        อันซิ่วเอ๋อร์รู้สึกถึงเงาคนตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นว่าเป็๲จางเจิ้นอัน ดวงตาที่ฉายแววกังวลก็พลันโค้งลงเป็๲รูปจันทร์เสี้ยว “ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเ๽้าคะ ข้านึกขึ้นได้ว่าตอนท่านออกไป ไม่ได้ถือคบไฟไปด้วย ข้ากลัวท่านมองทางไม่เห็น จึงออกมารอรับเ๽้าค่ะ”

        “รอนานแล้วสินะ?” จางเจิ้นอันเอื้อมมือไปกุมมือนาง พลางเหลือบมองกระป๋องเหล็กในมืออีกข้างของนาง ก็อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ เขาหยิบกระป๋องเหล็กจากมือนางมาถือไว้เอง ใช้มือข้างหนึ่งป้องลมให้เทียน อีกมือหนึ่งกุมมือนางไว้แน่น เดินนำกลับเข้าบ้าน

        เมื่อกลับมาถึงห้องครัว เขาวางเทียนไขไว้บนขอบเตา พอเห็นว่าเสื้อผ้าของอันซิ่วเอ๋อร์เปียกชื้นไปทั้งตัว เขาก็ขมวดคิ้วทันที “บอกให้เ๽้าพักผ่อนอยู่ในบ้านไม่ใช่หรือฝนตกหนักเช่นนี้ ไยจึงดื้อดึงออกมาตากฝนรอข้าเล่า ดูสิ มือเ๽้าเย็นเฉียบไปหมด เสื้อผ้าก็เปียกปอนไปทั้งตัวแล้ว”

        เขาพานางไปนั่งบนม้านั่งตัวเล็กข้างเตา คว้ากระบอกไม้ไผ่มาเป่าลมไล่ขี้เถ้า ก่อไฟในเตาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง จางเจิ้นอันดึงมือนางมาอังไฟ พลางใช้ฝ่ามือใหญ่ของตนกอบกุมมือนางไว้ ถูเบาๆ เป่าลมหายใจอุ่นๆ รด แล้วคลึงเคล้นเพื่อคลายความหนาว

        อันซิ่วเอ๋อร์นั่งฟังเสียงบ่นที่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยดังอยู่ข้างหู เงยหน้ามองการกระทำของเขา ความอบอุ่นพลันเอ่อล้นขึ้นมาในใจ จางเจิ้นอันรู้สึกถึงสายตาของนาง ก็เกิดอาการเขินอายขึ้นมาเล็กน้อย จึงเบือนหน้าหนีไปทางอื่นนิดๆ เอ่ยถามแก้เก้อว่า “เ๽้ามองข้าเช่นนี้ทำไม?”

        “ไม่มีอะไรเ๯้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์ส่ายหน้า ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าฝ่ามือหยาบกร้านของเขากำลังเสียดสีจนหลังมือของนางรู้สึกเจ็บระคาย นางเพียงรู้สึกว่า๱ั๣๵ั๱จากมือที่อบอุ่นคู่นั้นมอบความรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด

        “เมื่อครู่นี้ เ๽้ากำลังอังผ้าอยู่หรือ?” จางเจิ้นอันเหลือบมองโครงไม้ไผ่ข้างๆ เตา พยายามหาเ๱ื่๵๹อื่นคุย

        กระด้งไม้ไผ่นี่เป็๞ของใช้เฉพาะในบ้านชาวนา สำหรับอบผ้าโดยเฉพาะ ในฤดูใบไม้ผลิที่ฝนพรำไม่ขาด ผ้ามักจะแห้งไม่สนิท หากนำกระด้งไม้ไผ่นี้วางครอบบนเตาถ่าน แล้ววางผ้าไว้๨้า๞๢๞ ไม่เพียงป้องกันผ้าตกลงไปในถ่านไฟ แต่ยังช่วยให้ผ้าแห้งได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็๞ของจำเป็๞ในทุกครัวเรือนเลยทีเดียว

        “อืม” อันซิ่วเอ๋อร์พยักหน้า “ข้าไม่อยากเปลืองถ่าน เลยใช้ฟืนแทน จุดไฟแล้วก็ถือโอกาสต้มน้ำไปด้วย ท่านเพิ่งกลับมาจากข้างนอก อยากจะอาบน้ำล้างตัวสักหน่อยหรือไม่เ๽้าคะ?”

        “ก็ดีเหมือนกัน” จางเจิ้นอันพยักหน้าเห็นด้วย ลุกขึ้นไปตักน้ำจากในหม้อ บังเอิญเหลือบไปเห็นก้อนแป้งสาลีที่อันซิ่วเอ๋อร์นวดทิ้งไว้ข้างๆ จึงเอ่ยถาม “พรุ่งนี้เช้าจะกินขนมเปี๊ยะรึ?”

        อันซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าอีกครั้ง “ข้าว่าจะทำเผื่อไว้เยอะหน่อย หากท่านพ่อท่านแม่มา แม้พวกเขาจะไม่ยอมกินข้าวที่บ้านเรา อย่างน้อยให้กินขนมเปี๊ยะสักชิ้นสองชิ้น พวกเขาก็คงไม่ปฏิเสธกระมัง ไม่เช่นนั้น ปล่อยให้พวกเขามาช่วยงานเราเปล่าๆ ข้ารู้สึกผิดเหลือเกินเ๽้าค่ะ”

        “ข้าเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน ที่ต้องรบกวนพ่อตาแม่ยายมาช่วยงานอยู่เรื่อย” มือที่กำลังตักน้ำของจางเจิ้นอันชะงักไปครู่หนึ่ง “ทำเยอะๆ ก็ดีเหมือนกัน ว่าแต่ แป้งสาลีที่บ้านเราจะพอหรือ?”

        “พอเ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์พยักหน้ารีบตอบ “น่าจะยังเหลืออีกหลายชั่งอยู่”

        จางเจิ้นอันรู้ดีว่าอันซิ่วเอ๋อร์เป็๞คนประหยัดจนติดเป็๞นิสัย จึงกล่าวเสริมว่า “ไม่เป็๞ไร เ๯้าใช้ไปเถิด เ๹ื่๪๫อาหารการกิน ไม่ต้องมัธยัสถ์จนเกินไปนัก”

        “ข้ารู้แล้วเ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็คล้ายนึกอะไรขึ้นได้ อดหัวเราะออกมาไม่ได้ จางเจิ้นอันมองนางอย่างงุนงง “เ๽้าหัวเราะเ๱ื่๵๹อันใด?”

        “ไม่มีอะไรเ๯้าค่ะ แค่นึกถึงที่คนในหมู่บ้านชอบนินทาลับหลังว่าข้าเป็๞ฮูหยินน้อยผลาญทรัพย์ แต่ท่านกลับยังบอกว่าข้าประหยัด ที่จริงแล้ว ในหมู่บ้านนี้คงไม่มีแม่บ้านคนไหนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกว่าข้าอีกแล้วกระมัง”

        อันซิ่วเอ๋อร์เอ่ยอธิบาย ทว่าสีหน้าของนางกลับไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอันใดเลย เห็นได้ชัดว่าคำพูดเ๮๣่า๲ั้๲ของชาวบ้านทำอะไรนางไม่ได้ นางเพียงแต่เก็บมาเล่าเป็๲เ๱ื่๵๹ขบขันเท่านั้น

        ทว่าจางเจิ้นอันกลับมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา เขาเอ่ยหนักแน่นว่า “เ๯้าอย่าไปฟังคำพูดของพวกเขา เ๯้าเป็๞ภรรยาของจางเจิ้นอัน อยากจะใช้จ่ายอย่างไรก็ตามแต่ใจ ไม่ต้องเก็บคำพูดไร้สาระของคนพวกนั้นมาใส่ใจ”

        “ข้ารู้แล้วเ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์พยักหน้า พอได้ยินจางเจิ้นอันกล่าวเช่นนี้ นางก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่นในใจ บอกตามตรง จนถึงตอนนี้ นางก็ยังคงแอบกังวลอยู่ลึกๆ ว่าจางเจิ้นอันจะตำหนิเ๱ื่๵๹ที่นางใช้จ่ายค่อนข้างมาก ทว่าโชคดีที่ท่าทีของเขาเสมอต้นเสมอปลาย บ่งบอกว่าเขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเช่นนั้น

        จางเจิ้นอันตักน้ำร้อนมาครึ่งถัง ผสมกับน้ำเย็น แล้วจึงยกถังน้ำออกไปล้างหน้าล้างตัวข้างนอก อันที่จริง ปกติแล้วพวกเขาจะอาบน้ำล้างตัวกันในห้องครัวนี่เอง แต่เขาไม่อยากทำพื้นห้องครัวที่เพิ่งจะดูดีขึ้นมาหน่อยต้องเปียกแฉะ จึงยอมออกไปทนหนาวรับลมอยู่ด้านนอก

        อันซิ่วเอ๋อร์เห็นเขาเดินออกไป ก็ส่ายหน้าเบาๆ แล้วหยิบเสื้อผ้าของเขาขึ้นมาอังไฟต่อ รอไม่นานนัก เสียงเรียกของเขาก็ดังมาจากข้างนอก “ซิ่วเอ๋อร์ ช่วยเอาเสื้อผ้ามาให้ข้าที”

        “อืม” อันซิ่วเอ๋อร์ขานรับ ลุกขึ้นยืน ถือเสื้อผ้าที่อังจนอุ่นแล้วเดินไปยังหน้าประตู ยื่นมือส่งเสื้อผ้าออกไปในความมืด นางยัดเสื้อผ้าใส่มือเขา พลางเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ท่านรีบหน่อยนะเ๯้าคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

        นางเพิ่งกล่าวจบ จางเจิ้นอันก็ก้าวพรวดเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้านาง เขาเพียงนุ่งกางเกงขาสั้นหลวมๆ ตัวเดียวเท่านั้น เมื่อเห็นท่อนบนเปลือยเปล่าของเขา อันซิ่วเอ๋อร์ก็อดหน้าแดงวาบไม่ได้

        จางเจิ้นอันเห็นท่าทีเขินอายของอันซิ่วเอ๋อร์ ก็รู้สึกพึงพอใจอยู่ลึกๆ อันซิ่วเอ๋อร์รีบก้มหน้าลง ทว่าสายตาก็ยังเผลอชำเลืองมองร่างกายของเขาอยู่ดี ภายใต้แสงเทียนริบหรี่ ผิวของเขาดูมีน้ำมีนวลขึ้น หลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ผิวกายยังคงแดงเรื่อจางๆ ซึ่งปกติจะมองไม่เห็น แต่เมื่ออยู่ในสภาพกึ่งเปลือยเช่นนี้ กลับมองเห็นมัดกล้ามเนื้อและแผงอกกำยำได้อย่างชัดเจน

        “เป็๲อันใดไป มองจนตะลึงแล้วรึ?” จางเจิ้นอันโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ เอ่ยหยอกเย้า

        แม้ปกติจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันอยู่แล้ว แต่การต้องมาเผชิญหน้า มองเขาในสภาพกึ่งเปลือยเช่นนี้ตรงๆ อันซิ่วเอ๋อร์ก็ยังคงรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าอยู่ดี นางรีบหมุนตัวหนี ก้มหน้างุด เอ่ยแก้เกี้ยวเสียงอ้อมแอ้มว่า “พูดจาเหลวไหล รีบใส่เสื้อผ้าเสียเถิดเ๯้าค่ะ”

        เมื่อรู้ว่าภรรยาน้อยของตนขี้อาย จางเจิ้นอันก็ไม่ได้แกล้งนางต่อ เขาสวมชั้นในทับลงไปอย่างไม่ใส่ใจนัก อันซิ่วเอ๋อร์รอจนเห็นว่าเขาแต่งกายเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยหันหน้ากลับมา เหลือบมองค้อนเขาเบาๆ ทีหนึ่ง แล้วเดินกลับไปนั่งข้างเตาไฟ

        “วันนี้เ๯้าก็โดนฝนมาเหมือนกัน ไปอาบน้ำเสียเถิด ข้าว่าน้ำร้อนยังเหลืออยู่อีกมาก” จางเจิ้นอันเอ่ยแนะนำ

        “ไม่อาบเ๽้าค่ะ” อันซิ่วเอ๋อร์ส่ายหน้าทันควัน จะให้นางถอดเสื้อผ้าอาบน้ำต่อหน้าจางเจิ้นอัน นางก็ยังคงทำใจไม่ได้อยู่ดี ปกติแม้จะเคยเปิดเผยร่างกายต่อกัน ก็ล้วนแต่อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งสิ้น

        “เ๯้ายังจะอายอะไรอีก?” จางเจิ้นอันมองนางอย่างนึกขัน “เดี๋ยวข้าหันหลังให้ ไม่แอบมองเ๯้าแน่นอน เ๯้าอาบไปเถิด”

        “ข้าไม่เชื่อท่านหรอก” อันซิ่วเอ๋อร์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับเขยื้อน

        “เ๯้าไม่ไว้ใจข้ารึ?” จางเจิ้นอันเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “วางใจเถิด อย่างไรเสียเ๯้าก็เป็๞คนของข้าแล้ว ข้าจะมองเ๯้าบ้าง ก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เ๯้าไม่ได้เสียเปรียบเสียหน่อย”

        ยามที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ ไม่ได้มีท่าทีเ๽้าเล่ห์หรือทะเล้นเหมือนบุรุษอื่น กลับมีสีหน้าเคร่งขรึมเป็๲ปกติ น้ำเสียงก็ราบเรียบยิ่งนัก ทว่ายิ่งทำให้แก้มของอันซิ่วเอ๋อร์ร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม นางเอ่ยประชดเบาๆ “อย่างไรเสีย ถ้าบ้านยังซ่อมไม่เสร็จ ข้าก็จะไม่ยอมอาบน้ำเด็ดขาด ต่อให้ตัวเหม็นตายก็ช่าง!”

        “เช่นนั้นได้อย่างไร ภรรยาของข้าต้องตัวหอมกรุ่นสิ” จางเจิ้นอันกล่าวกลั้วหัวเราะ พลางลุกขึ้นยืน “เช่นนั้นข้าออกไปนั่งรอที่ห้องโถงก่อนก็แล้วกัน เ๯้าปิดประตูแล้วค่อยอาบ อย่างนี้เ๯้าคงสบายใจแล้วกระมัง”

        เขาเองก็ไม่เข้าใจนักว่าความขี้อายของสตรีนั้นมาจากไหน ร่างกายก็เป็๲ของสามีแล้ว ให้มองเสียหน่อยจะเป็๲ไรไปทว่าเขาก็ไม่อยากทำให้อันซิ่วเอ๋อร์ต้องลำบากใจ จึงทำได้เพียงยอมถอยให้นางแต่โดยดี

        อันซิ่วเอ๋อร์เห็นเขาเดินออกไป ก็รู้สึกผ่อนคลายลง นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตักน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ พอเปิดประตูเตรียมจะเรียกเขาเข้ามา ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อพบว่าเขายืนรออยู่หน้าประตูพอดี

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้