“อ้าว พี่ต้าหลาง…” หลินฟู่อินไม่ทันแม้แต่จะเอ่ยปากให้หยุด แล้วจึงได้เห็นภาพย่าฮวายื่นแขนไปพยายามกันท่าหลินต้าหลางด้วยใบหน้าหวาดกลัว “อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ไอ้คนถ่อย!”
หลินฟู่อินมองอย่างมึนงง หลินต้าหลางเองก็ดูแปลกประหลาด เหตุใดเขาจึงมีสีหน้าราวกับหมาป่าที่มีเนื้อมาวางอยู่ตรงหน้าเช่นนั้นกัน
ย่าฮวาเองก็ด้วย ทำไมถึงเรียกเขาว่าคนถ่อยกัน?
ในหมู่บ้านหูลู่ การเรียกว่าคนถ่อยมีความหมายว่าคนโง่ด้วย
แล้วหลินต้าหลางไปทำอะไรเข้ากันจึงได้ถูกย่าฮวาเรียกเช่นนั้น?
หลินฟู่อินงงงวย
แต่พลันนั้นหลินต้าหลางก็หันมาะโใส่หลินฟู่อิน “ยืนโง่อะไรอยู่? เหตุใดยังไม่อธิบายให้ยายเฒ่านี่อีกว่าข้าไม่ใช่คนถ่อย! ข้าเป็บัณฑิตที่มีเพียงสองคนในหมู่บ้านนี้เลยนะ!”
หลินฟู่อินเห็นเขามากร่างในบ้านนางแล้วจึงอดด่าไม่ได้ “หากเป็บัณฑิต ก็ทำตัวให้สมกับเป็บัณฑิตด้วยสิ!”
ย่าฮวาที่กำลังโกรธอยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทีของหลินต้าหลางเช่นนี้แล้วก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีก แล้วดุด่าออกมา “ตะคอกใส่ผู้เป็น้องของตนเช่นนี้ แต่กลับเรียกตัวเองว่าบัณฑิต น่าขันนัก!”
หลินฟู่อินรีบดึงย่าฮวาเข้าบ้าน “ย่าฮวา ท่านเข้ามาดื่มชาให้ชุ่มคอก่อนเถอะเ้าค่ะ” แล้วจึงหันไปมองหลินต้าหลาง “พี่ต้าหลาง นี่ท่านเป็บ้าอะไรของท่าน?”
หลินต้าหลางแค่นจมูกโดยไม่ตอบอะไร
แต่ขายังก้าวตามย่าฮวาไม่หยุด เพราะกลัวว่านางจะหนี
หลินฟู่อินยิ่งมึนงงขึ้นไปอีก
ย่าฮวาเองก็รำคาญ และไม่สบายใจที่เขาตามนางไม่หยุดเช่นนี้
นางคิดว่าหลินฟู่อินเป็คนมีเมตตา เมื่อเห็นว่าฮูหยินอยากส่งข้อความ นางจึงเสนอตัวเดินทางมายังหมู่บ้านหูลู่แห่งนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจออะไรแบบนี้เข้า
หลินฟู่อินนิ่วหน้า นางกลัวว่าหลินต้าหลางจะเข้าใจสถานะของย่าฮวาผิด เพราะหลินซานหลางยังต้องขอยืมมือตระกูลวังในการเข้าไปเรียนในเมืองอยู่ นางจึงไม่อยากให้หลินต้าหลางสร้างความไม่พอใจให้ย่าฮวาไปมากกว่านี้
เพราะหากไปกระตุกหางเสือเข้าแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
และหากเื่ไปถึงหูเ้าบ้าน แล้วถูกเข้าใจผิดว่าจงใจจัดฉากเช่นนี้ขึ้นมาละก็คงแย่แน่ๆ
หลินฟู่อินจึงคิดจะบอกหลินต้าหลางเื่ตัวจริงของย่าฮวาไปตรงๆ
“พี่ต้าหลาง ท่านคงอ่านหนังสือมากไป ไปทำหัวให้โล่งเสียหน่อยดีหรือไม่?” หลินฟู่อินขยิบตาให้เขา แล้วกล่าวต่อทันทีโดยไม่รอให้ปฏิเสธ “ท่านนี้คือย่าฮวา เป็คนรับใช้คนสนิทของเ้าบ้านวัง และเพราะข้าไปทำคลอดให้นายหญิงของบ้านวังมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ดังนั้นท่านจะมาเสียมารยาทกับนางไม่ได้ หากสมองมึนงงอยู่ก็กลับไปนอนที่บ้านใหญ่เสีย”
ท่าทางของหลินฟู่อินทำให้ย่าฮวาตะลึงไป แต่หลินต้าหลางนั้นตะลึงยิ่งกว่า
สมองของหลินต้าหลางแทบะเิ นี่เขาเข้าใจผิดว่าสาวใช้ของตระกูลวังเป็คนทำการค้าอย่างนั้นหรือ?
น่าขายหน้านัก!
ใบหน้าเขาแดงก่ำ แล้วจึงรีบออกจากบ้านไปโดยไม่กล่าวอะไรกับทั้งหลินฟู่อินและย่าฮวา
แล้วย่าฮวาจึงกล่าวขึ้นมา “เป็พ่อหนุ่มที่รักการอ่านเสียจริงนะ… แต่ว่านะ แม่นางหลิน คนที่มีธุระกับแม่นางนั้นมิใช่ข้า แต่เป็ฮูหยินต่างหาก นางให้ข้ามาเพื่อรายงานว่าการเตรียมการให้พี่สามของเ้าเข้าไปเรียนในโรงเรียนในเมืองได้เสร็จสิ้นแล้ว เริ่มได้ั้แ่วันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนเลย เพราะหากช้ากว่านี้จะเป็การขาดเรียนมากเกินไป จนเป็ผลให้เรียนตามทันได้ยาก!”
หลินฟู่อินยิ้มออกมาทันที แล้วจึงผสานมือคำนับ “ขอบคุณในความช่วยเหลือเ้าค่ะ!”
หลินต้าหลางที่กำลังก้าวเดินอยู่หยุดเท้าทันที ั์ตาแดงก่ำ แล้วจึงหันมาถามหลินฟู่อิน “ฟู่อิน ข้าได้ยินเ้าถูกหรือไม่? ซานหลางอยากไปเรียนที่โรงเรียนในเมืองอย่างนั้นหรือ”
“ใช่” ย่าฮวาตอบแทนหลินฟู่อิน แล้วจึงมองหลินต้าหลางอย่างดูแคลนอีกครั้ง “แล้วเ้าเป็พี่น้องคนใดกัน?”
“ข้าเป็พี่ใหญ่ของนาง หลินซานหลางเป็น้องสามของข้า เป็ญาติสามของนาง!” หลินต้าหลางกัดฟันกล่าว ในใจเต็มไปด้วยความริษยาและชิงชัง
หลินซานหลางไม่เคยแม้แต่จะไปเรียนในโรงเรียนโทรมๆ ที่ใช้ร่วมกันหลายๆ หมู่บ้านนั่นเลยแท้ๆ ทั้งยังอายุสิบสี่แล้ว แต่กลับจะได้ไปเรียนโรงเรียนในเมืองอย่างนั้นหรือ?
แล้วคนใช้ของตระกูลวังก็ลงทุนนั่งรถม้าคันหรูถ่อมาถึงนี่เพียงเพื่อบอกเื่นี้เช่นนั้นหรือ?
ความอิจฉาในใจหลินต้าหลางผุดขึ้นมาไม่หยุดราวกับวัชพืช
เขายังไม่เคยได้รับโอกาสเช่นนั้นเลย แต่เหตุใดหลินซานหลางที่อายุสิบสี่เข้าไปแล้วกลับได้โอกาสนั้นไปกัน?
เป็ฝีมือของหลินฟู่อินแน่ๆ นางช่วยชีวิตหลานชายคนสำคัญของตระกูลวังไว้ แล้วคงเรียกร้องสิ่งนี้เป็การแลกเปลี่ยน!
แต่เหตุใดถึงไม่มอบโอกาสนั้นให้เขากัน? เหตุใดถึงไม่เป็เขา?
หลินต้าหลางมองหลินฟู่อินด้วยสายตาที่แทบจะฆ่าคนได้ จนย่าฮวารู้สึกกลัวขึ้นมา
“ไอ้หยา แม่นางหลิน ญาติคนโตของเ้าช่างหลงใหลในการเรียนนัก มากจนน่าผวาเลยทีเดียว!” ย่าฮวาเริ่มนั่งไม่ติดจนต้องลุกขึ้นมามองหลินฟู่อินแล้วกล่าว “แม่นางหลิน ฮูหยินบอกมาด้วยว่ายาที่แม่นางจัดให้ได้ผลดีมาก มันไม่เหนียวไม่คันอีกต่อไปแล้ว เช่นนี้แล้วยังจำเป็ต้องทายาต่อหรือไม่?”
หลินฟู่อินเข้าใจดีว่านางกลัวหลินต้าหลางจนอยากรีบกลับแล้ว หลินฟู่อินจึงตอบหลังจากหยุดคิดไปครู่หนึ่ง “จากนี้ให้ใช้ยาหนึ่งชุดเพื่อทาสองครั้ง เมื่อครบเจ็ดชุดแล้วค่อยดูอาการอีกครั้ง”
ย่าฮวาพยักหน้า แล้วกล่าวลาหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินออกไปส่งนางด้วยตัวเอง แต่ย่าฮวาก็กระซิบให้นางฟังเบาๆ “แม่นางหลิน ข้าไม่ได้อยากว่าพี่ของเ้านัก แต่เขาเป็บัณฑิตจริงๆ หรือ ตอนที่ข้ามาถึงน่ะข้าเห็นเขากำลังแอบลอบมองประตูบ้านเ้าอยู่ พอข้าทักไปกลับถูกเข้าใจว่าเป็คนเก็บถั่ว แล้วบอกข้าว่าที่บ้านเขามีถั่วมากมาย เ้าว่านี่มันไม่น่าขำไปหน่อยหรือ?”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว หลินฟู่อินจึงเบิกตาขึ้นมา
หลินต้าหลางนั้นมิได้โง่ เขาเพียงเข้าใจอะไรผิดไปเท่านั้น
เขาคิดไปว่าย่าฮวาเป็แม่ค้าที่มาซื้อถั่วตากแห้ง จึงพยายามจะขัดขวางนางด้วยการเสนอขายแทน!
ใจกล้านัก เพราะบ้านเก่าเก็บถั่วได้ จึงคิดจับมือหลอกให้ตกลงก่อนแล้วค่อยไปหาของมาขายหรือ?
หัวดีไม่ใช่เล่น แต่ดันเข้าใจผิดไปนี่นะ!
เพราะย่าฮวามิได้มาเพื่อรับถั่ว จนโดนด่าแถมไปด้วยว่าเป็คนเขลา
เมื่อหลินฟู่อินไปถึงรถม้าแล้ว นางจึงส่งถุงเงินให้คนขับรถเงียบๆ “การมาที่นี่แต่เช้าคงเป็เื่ลำบากไม่น้อย ย่าฮวาและลุงคนขับ รับนี่ไปซื้อชาระหว่างทางเถอะเ้าค่ะ”
ย่าฮวาถือดูแล้วก็ได้รู้ว่าในนี้คงมีเงินอยู่หลายสิบอีแปะแน่ คนขับได้อย่างมากห้าอีแปะ แต่ที่เหลือเป็ของนาง! นางยิ้มไม่หุบแล้วกล่าว “ขอบคุณแม่นางหลิน แม่นางหลินมาเยี่ยมที่เรือนบ่อยๆ ก็ได้นะ เพราะข้าได้ยินฮูหยินและย่าใหญ่กล่าวถึงท่านตลอดเลย!”
หลินฟู่อินยิ้มแล้วพยักหน้า และยืนส่งย่าฮวาไปจนลับตา เมื่อนางหันกลับมาจึงเห็นหลินต้าหลางยืนหงอยอยู่ด้านหลังนาง
“หลินฟู่อิน เ้านี่ช่างมีพร์เสียจริง ถึงสามารถโน้มน้าวให้เ้าบ้านวังรับซานหลางเข้าไปเรียนในเมืองได้เช่นนี้! ที่นั่นแม้แต่คนมีเงินก็ใช่ว่าจะเข้าได้ง่ายๆ แท้ๆ!”
ที่เขากล่าวนั้นไม่ผิด เพราะปกติหากไม่มีเงินมากมายจริงๆ ก็คงเข้าไปเรียนไม่ได้ ต่อให้เขาขายบ้านหลินทุกหลังก็ยังใช่ว่าจะพอเลย