เมิ่งเจียนเจียเป็เด็กสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน ไหนเลยจะไปซื้อยาปลุกกำหนัดจากคนแซ่หยางเพื่อใช้กับซวี่เฉินฟางได้ ก่อนหน้านี้นางเย่ไปหาเขา นางเย่สมควรจะได้ยาชนิดนั้นไปแล้ว ส่วนเมิ่งเจียนเจียไปซื้อยาใดในภายหลัง นางก็ไม่รู้แล้ว
เมิ่งซวี่ซวีเบิกตากว้างอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
คืนนั้นนอกจากนางรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางคันหนหนึ่งแล้ว นางก็ไม่มีความทรงจำหรือการรับรู้ใดอีกเลย คิดว่าเป็เพราะตนมึนเมา ที่แท้... นางถูกเมิ่งเจียนเจียวางยาอย่างนั้นหรือ?
เมิ่งซวี่ซวีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเมิ่งอู่ ต่อให้ต่อสู้กันต่อ ก็จะถูกความแข็งแกร่งของเมิ่งอู่บดขยี้
แต่ถึงยามนี้นางคิดจะหลบหนีจากสนามรบ เมิ่งอู่ก็ไม่จำเป็ต้องปล่อยมือให้โดยง่าย
เมิ่งอู่กล่าวเบาๆ “เ้าทำเสื้อผ้าของอาเหิงบ้านข้าเปื้อน ไปขอโทษเขาเสีย”
ไหนเลยเมิ่งซวี่ซวีจะยอมอ่อนข้อ แต่เมื่อเห็นพวกสาวชาวบ้านกำลังเดินมาทางนี้ นางเกรงว่าผู้อื่นจะเห็นสภาพน่าอับอายของนาง จึงจำใจกล่าวขอโทษ ก่อนวิ่งโซซัดโซเซกลับเรือนอย่างไม่คิดชีวิต
หลังเมิ่งซวี่ซวีกลับถึงเรือน เห็นเมิ่งเจียนเจียอีกครั้ง นางก็นึกถึงคำพูดของเมิ่งอู่ แล้วรู้สึกเกลียดชังจับใจ
เมิ่งเจียนเจียเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน “ซวี่ซวี เ้ากลับมาแล้วหรือ ได้พบคุณชายเฉินฟางแล้วกระมัง?” นางเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นใบหน้าฟกช้ำของเมิ่งซวี่ซวีแดงช้ำขึ้นอีก ก็อดทำหน้ากังวลไม่ได้ “ซวี่ซวี ใบหน้าของเ้าเป็อันใด?”
เมิ่งซวี่ซวีปิดใบหน้าของตนเอง ความโกรธเกรี้ยวลุกโชนขึ้นพักหนึ่ง จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นตบหน้าเมิ่งเจียนเจียสุดกำลังอย่างแรง เพื่อระบายความโกรธแค้นที่ได้รับจากเมิ่งอู่
“โอ๊ย!” เมิ่งเจียนเจียกรีดร้องอย่างน่าเวทนา ถึงกับล้มลงกับพื้น นางกุมหน้าตนเองไว้พลางมองเมิ่งซวี่ซวีด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ก่อนถามว่า “ซวี่ซวี เ้าทำอันใด?”
“ทำอันใดรึ?” เมิ่งซวี่ซวีตรงเข้าไปกระชากผมของเมิ่งเจียนเจีย ก่อนเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “เ้าทำอันใดไว้ เ้าเองก็รู้ดีแก่ใจกระมัง! เป็เ้าที่วางยาข้าใช่หรือไม่ ปากเ้าบอกว่าจะยกคุณชายเฉินฟางให้ข้า แต่คืนนั้นเ้ากลับแอบไปยั่วยวนเขา! ถุย ต่ำตมจริงๆ!”
“ข้าไม่รู้ว่าเ้าพูดเื่ใด... ”
สองพี่น้องยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่กลางลานเรือน เมิ่งซวี่ซวีลงมือไม่ยั้ง ส่วนเมิ่งเจียนเจียก็ได้แต่ร้องไห้โวยวาย
ต่อมานางเย่ได้ยินเสียงจึงรีบออกมาห้ามปราม ถึงแยกทั้งสองสาวออกจากกันได้
เมิ่งเจียนเจียร้องไห้โฮน้ำตาหลั่งรินประหนึ่งหยาดฝน เอ่ยเสียงเศร้า “ซวี่ซวี ข้าเป็พี่สาวของเ้า เหตุไฉนเ้าถึงเชื่อคำพูดของเมิ่งอู่ แต่ไม่เชื่อข้า? คืนนั้นเ้าเมาสุราจนหลับไป ข้าเองก็เมาเหมือนกัน… เป็เมิ่งอู่ที่จงใจยุแยงตะแคงรั่วระหว่างพวกเรา ตลอดมาข้าเคยแย่งชิงอันใดกับเ้าบ้าง... ”
กล่าวจบ นางก็ร้องไห้เจียนจะขาดใจ
นางไม่เคยแย่งชิงอันใดจากเมิ่งซวี่ซวีอย่างโจ่งแจ้งก็จริง แต่หากมีสิ่งของดีๆ มักจะตกเป็ของนางก่อนเสมอ จากนั้นนางก็ค่อยแบ่งปันให้เมิ่งซวี่ซวีเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแสดงความรักใคร่ระหว่างพี่น้อง เมิ่งซวี่ซวีก็ดีใจอยู่นาน
เพียงแต่เมิ่งซวี่ซวีไม่ทันสังเกต พอเมิ่งเจียนเจียกล่าวเช่นนี้ นางถึงได้สติกลับคืนมาบ้าง
ใช่แล้ว เป็ไปได้ว่านี่เป็แผนยุแยงของเมิ่งอู่!
แต่การตบหน้าเมิ่งเจียนเจียเมื่อครู่ กลับทำให้นางรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
เมิ่งซวี่ซวีกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “หากข้ารู้ว่าเป็เ้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยเ้าไปเด็ดขาด!”
นางเย่ได้ยินอย่างนี้ ไม่ต้องตรองก็รู้ว่าเป็ฝีมือของเมิ่งอู่ มิเช่นนั้นสองพี่น้องน่าจะร่วมมือกันกำจัดศัตรูภายนอก ไฉนถึงทะเลาะกันเองเล่า?
สุดท้ายนางเย่จึงอบรมสั่งสอนเมิ่งซวี่ซวี และวิเคราะห์เหตุผลบางอย่างให้นางฟัง จนทำให้เมิ่งซวี่ซวีเปลี่ยนเป้าหมายไปโกรธเมิ่งอู่อย่างไม่เต็มใจ
แต่ภายในใจของเมิ่งซวี่ซวียังคงฉงนอยู่ตลอด
วันหนึ่งนางจึงไปหาหมอหยาง เอ่ยถามว่าเมิ่งเจียนเจียเคยมาซื้อยาหรือไม่ เคยซื้อยาใดไป
หมอหยางกล่าว “ยาอันใด ก็แค่ยาที่ใช้รักษาาแให้ท่านย่าของเ้าอย่างไรเล่า?”
แม้หมอหยางผู้นี้มีจรรยาบรรณแพทย์น้อยนิด แต่กลับเชี่ยวชาญเื่เล่ห์เพทุบาย หากผู้ใด้ายาชนิดใด ก็สามารถซื้อหาได้จากที่นี่ ยาที่ใช้รักษาโรคนั้นแทบไม่มีผล แต่ยาที่ใช้ทำร้ายคนทุกกลอุบายกลับมีครบถ้วน แต่เพื่อไม่ให้เื่ราวบานปลายมาถึงตัวเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ในภายหลัง เขาจึงไม่ยอมเปิดเผยแก่ผู้ใดง่ายๆ
ครั้นเมิ่งซวี่ซวีได้ยินอย่างนี้ นางจึงปล่อยวางความสงสัยในใจ แล้วย้ายความเกลียดชังทั้งหมดกลับไปที่เมิ่งอู่อีกครั้ง แท้จริงแล้วเป็เมิ่งอู่ที่จงใจยุแยง!
···
เมื่อเร็วๆ นี้อันธพาลในหมู่บ้านซุ่ยออกเดินเพ่นพ่านบ่อยขึ้น
ภายในหัวของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยเื่ราวการพบพานหญิงงามโดยบังเอิญ เื่ราวของสายลม บุปผา เหมันต์ จันทรา [1] แต่เมื่อความคิดเ่าั้ปรากฏบนใบหน้า… ก็กลายเป็สีหน้าลามกหยาบโลน
อันธพาลพวกนี้เป็พวกเอ้อระเหยลอยชาย ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านซุ่ยทุกวัน พวกเขามักเดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่ง จึงไม่เข้าใจสภาพของหมู่บ้านซุ่ยอย่างถ่องแท้
เื่ราวเช่นเด็กสาวในหมู่บ้านต่างหลงใหลเฉินฟาง และเฉินฟางเป็ญาติผู้พี่ห่างๆ ของเมิ่งอู่ เื่แบบนี้พวกเขาไม่สนใจและยิ่งรังเกียจที่จะสืบค้น
ผู้ใดจะไปสนใจเื่ของบุรุษเป็พิเศษกันเล่า หากจะสืบก็ต้องสืบเื่ของสตรีสิ
พวกเขารู้เพียงว่า ที่เรือนของเมิ่งอู่มีคนงามเลิศล้ำหนึ่งคนมาพำนักอยู่ด้วย
พวกเขาได้รับอนุญาตจากพี่ใหญ่แล้วจึงมั่นใจยิ่งยวด ในเมื่อเป็ญาติผู้พี่ของหัวหน้าใหญ่ ย่อมมิอาจทำเื่หยาบคายและมุทะลุ ได้แต่แสร้งทำเป็พบกันโดยบังเอิญ มิอาจใช้กำลังบังคับ มิเช่นนั้นหากต้องไปขอคนจากเรือนของหัวหน้าใหญ่จริงๆ นับว่าเป็การเสียมารยาทมาก!
แต่แล้ววันนี้เหล่าอันธพาลกลุ่มนี้ก็สมปรารถนาในที่สุด ทำที “พบกันโดยบังเอิญ” ขณะซวี่เฉินฟางออกมาเดินเล่น…
พวกเขาขวางทางไว้ และเมื่อซวี่เฉินฟางจะเดินเลี่ยง พวกอันธพาลก็รีบกั้นทางเอาไว้เร็วรี่พลางกลืนน้ำลายลงคอ มองซวี่เฉินฟางแล้วส่งยิ้มที่คิดว่าเป็มิตรให้
แต่รอยยิ้มนั้นลามกจาบจ้วงเกินไป ซวี่เฉินฟางหาได้มองเห็นความเป็มิตรไม่
ซวี่เฉินฟางจับแขนของตนเอง เอ่ยอย่างสบายใจว่า “ครั้งก่อนได้ยินพวกเ้าเรียกญาติผู้น้องอาอู่ว่าหัวหน้าใหญ่อย่างนั้นหรือ?”
พวกอันธพาลพยักหน้า หัวหน้าอันธพาลกล่าวอย่างกระปรี้กระเปร่า “พี่สาวใหญ่ผู้นี้เป็ญาติผู้พี่หญิงห่างๆ ของหัวหน้าใหญ่หรือ?”
ซวี่เฉินฟาง “ญาติผู้พี่หญิง… ญาติห่างๆ?”
หัวหน้าอันธพาลรีบกวักมือและกระแอมกระไอ เหล่าอันธพาลรีบตั้งแถว แล้วเริ่มส่ายศีรษะท่องบทกวีให้ซวี่เฉินฟางฟัง "นกจีจิวขันหาคู่ อยู่เกาะแก่งกลางธารา นงคราญกิริยางาม สุภาพบุรุษหมายปองเ้า [2]"
พวกเขาอุตส่าห์ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการเรียนรู้ คิดว่าหญิงงามที่มาจากในเมืองผู้นี้ต้องมีสติปัญญา มีคุณธรรม และมีความสง่างามอยู่บ้าง
แต่ซวี่เฉินฟางกลับยืนนิ่งเงียบท่ามกลางสายลม
พวกอันธพาลคิดว่าเป็เพราะเสียงของพวกเขาไม่ดังพอและแสดงความจริงใจไม่มากพอ จึงรวมกลุ่มกันใหม่และฮึดสู้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทุกคนท่องบทกวีให้ซวี่เฉินฟางฟังซ้ำอย่างสุดความสามารถ แต่ที่พวกเขาท่องออกมานั้นกลับฟังแล้วทั้งน่าเกลียดและยุ่งเหยิงเละเทะ
แม้ทุกข์ทนฟังไม่ไหว แต่ผู้ที่มีสายตาเฉียบคมมองแวบเดียวก็รู้ว่า เหล่าเนื้อร้ายในหมู่บ้านกลุ่มนี้กำลังเกี้ยวซวี่เฉินฟาง
พวกอันธพาลท่องบทกวีจนหน้าแดงหูแดง หลังซวี่เฉินฟางเงียบไป จู่ๆ เขาก็ยกมุมปากขึ้นะเิเสียงหัวเราะ
เมื่อเขาหัวเราะ เหล่าอันธพาลก็รู้สึกราวกับเห็นมาลีบานสะพรั่งเต็มูเา สดใสงดงามสุดคณนา พวกเขาลุ่มหลงไปกับความงามของซวี่เฉินฟาง จนไม่ได้สังเกตเลยว่าน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลของอีกฝ่ายที่เจือความอ่อนโยนนั้น ไม่เหมือนเสียงของสตรี แต่ถึงอย่างไรเสียงนี้ก็ไพเราะยิ่งนัก!
ซวี่เฉินฟางยิ้มตาหยีก่อนเอ่ย “พวกเ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“พี่สาวใหญ่ช่างงดงาม!”
“พี่สาวไปเที่ยวเล่นกับพวกเราเถิด!”
“พวกเราจะอ่อนโยนมากแน่นอน!”
ซวี่เฉินฟางเลิกคิ้ว ก้มหน้ามองตนเองก่อนเอ่ย “ข้าดูคล้ายผู้ที่แยกแยะไม่ออกระหว่างชายกับหญิงขนาดนั้นหรือ?”
พวกอันธพาลกล่าว “แม้หน้าอกของพี่สาวจะเล็กไปสักหน่อย แต่บีบนวดแล้วก็จะใหญ่ขึ้น!”
“แม้เอวของพี่สาวจะหนาไปสักหน่อย แต่บีบนวดแล้วก็จะบางลง!”
“เพ้ย! พูดอันใดออกมา!” หัวหน้าอันธพาลตบหัวลูกน้องที่วิจารณ์ว่าเอวของซวี่เฉินฟางหนา “เอวของพี่สาวจะหนาได้อย่างไร เอวของพี่สาวเพียงแค่บางเฉียบจนเห็นไม่ชัดต่างหาก!”
“แม้พี่สาวจะตัวสูงไปสักหน่อย แต่สตรีที่มีรูปร่างสูงโปร่งนั้นมีเสน่ห์ทีเดียว!”
โดยรวมแล้วเหล่าอันธพาลในหมู่บ้านพยายามชักชวนซวี่เฉินฟางอย่างกระตือรือร้น ซวี่เฉินฟางถอนหายใจอย่างลำบากใจ ลูบพัดคลี่ก่อนเอ่ย “หากข้าไม่ยอมไปด้วยก็จะใจร้ายเกินไป เอาเถิด ข้าจะไปเล่นสนุกกับพวกเ้า”
พวกอันธพาลตื่นเต้นดีใจ คาดไม่ถึงว่าพี่สาวใหญ่จะตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้! สมแล้วที่เป็คนเมือง เปิดกว้างยิ่งนัก เช่นนั้นสิ่งที่พี่ใหญ่กล่าวคงเป็ความจริง นางต้องชอบลูกเล่นแปลกใหม่เป็แน่!
พวกอันธพาลล้อมหน้าล้อมหลังซวี่เฉินฟางอย่างตื่นเต้นยินดีมากจนมิอาจสงบสติอารมณ์ได้ พาเขาตรงดิ่งไปยังป่าเล็กๆ ที่ไร้ผู้คน
ครานี้พอเข้าป่า พวกเขาจะต้องทุ่มเททำทุกวิถีทางเพื่อให้พี่สาวใหญ่พึงพอใจ!
ไม่นานนักภายในป่าเล็กๆ ก็มีเสียงร้องต่างๆ กันไป เช่น “อื้อ อ้า โอ๊ะ” ของเหล่าอันธพาล ทำเอาวิหคที่บินอยู่เหนือป่ายามเย็นใจนบินหนีไปเป็ฝูง
พอพลบค่ำ เหล่าอันธพาลก็เสร็จกิจ พวกเขาเดินเรียงแถวออกมาจากป่าเล็กๆ อย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย ซวี่เฉินฟางเดินปิดท้ายแถวอย่างเอื่อยเฉื่อย ชุดแดงของเขาคล้ายแต่งแต้มโลกที่ว่างเปล่าหลังตะวันลับฟ้าให้น่าตื่นตาตื่นใจ
เวลานั้นเองเมิ่งอู่กำลังยกอ่างใส่น้ำล้างผักออกมาเท เมื่อเห็นขบวนนี้เดินมาที่เรือนของนางคล้ายต้อนฝูงเป็ดกลับเข้าเล้า นางก็อดสะดุ้งใไม่ได้
ใบหน้าพวกอันธพาลฟกช้ำดำเขียว เงื่องหงอยคอตก ซวี่เฉินฟางที่เดินตามหลังราวกับคนต้อนฝูงเป็ด เขาถือไม้เรียวยาวไว้ในมือ เดินตามทาง ลูบหญ้าข้างทางเบาๆ กล่าวได้ว่าสบายอารมณ์เหลือหลาย
เมิ่งอู่ได้แต่มองเหล่าอันธพาลถูกต้อนเข้าไปในลานเรือน
อินเหิงกำลังให้อาหารไก่อยู่ข้างใน ชุดขาวของเขาโดดเด่นเป็พิเศษท่ามกลางแสงสายัณห์ เมื่อพวกอันธพาลเข้ามา เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด
ซวี่เฉินฟางก้าวขายาวข้ามธรณีประตู
เมิ่งอู่เทน้ำเสร็จแล้ว จึงยกอ่างเปล่ากลับมา เอ่ยถามพวกอันธพาล “เกิดเื่ใดขึ้น?”
ซวี่เฉินฟางทิ้งตัวลงนอนบนเก้าอี้เอนดั่งคนไร้กระดูก เขาไขว้ขาแล้วแกว่งไปมาอย่างสบายอกสบายใจ หรี่ตามองอินเหิงก่อนเอ่ย “เื่นี้ต้องถามหวังสิง”
เมิ่งอู่หันไปมองอินเหิง
ซวี่เฉินฟางกล่าวต่อ “ได้ยินมาว่าข้ากลายเป็ญาติผู้พี่หญิงที่เป็ญาติห่างๆ ของอาอู่ เป็คนในเมืองที่รักสนุก เปิดกว้าง ชอบลูกเล่นแปลกใหม่จริงหรือไม่? ข้าดูเหมือนสตรีขนาดนั้นเลยหรือ?”
เหล่าอันธพาลส่ายหน้าพร้อมกัน
อินเหิงปัดเศษธัญพืชออกจากมืออย่างตั้งอกตั้งใจ พร้อมเอ่ยเบาๆ “ได้ยินผู้ใดพูด”
ซวี่เฉินฟางชี้ปลายเท้าไปที่พวกอันธพาลกลุ่มนี้ ก่อนเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “พวกเขาเป็คนบอก แต่พวกเขาได้ยินมาจากคุณชายหวัง คุณชายหวังต้องอธิบายสักหน่อยแล้ว”
เมิ่งอู่กล่าว “เ้าเกิดมาก็มีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้อยู่แล้ว อย่าใส่ร้ายอาเหิง อาเหิงเป็คนแบบนั้นหรือ?”
เหล่าอันธพาลหันไปมองอินเหิงที่มีท่าทางอ่อนแอ
ดูคล้ายว่าจะเป็อย่างนั้นจริงๆ...
……….
[1] หมายถึง ความรักที่โรแมนติก
[2] ท่อนหนึ่งของบทกวีบทแรกในคัมภีร์กวีซือจิง หนังสือรวมบทกวีที่เก่าแก่ที่สุดของจีนั้แ่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก