แน่นอนว่าเซียวหลิงอวิ๋นก็รู้จักชื่อเสียงของหมัดซ้อนคลื่นดังกล่าวจากในความทรงจำของอดีตเ้าของร่างนี้เช่นเดียวกัน!
หลังจากพบว่าสิ่งที่จ้าวซานเต๋อกำลังปล่อยออกมา เป็ไปได้มากว่าจะเป็หมัดซ้อนคลื่นอันโด่งดังอันเก่าแก่ของตระกูลจ้าวแล้ว แต่เซียวหลิงอวิ๋นไม่คิดจะจัดการกับวิชานี้ด้วยวิธีการที่บอกต่อกันมา!
อีกทั้งตัวเขาเองก็อยากที่จะเห็นทักษะลับของวิชาหมัดอันโด่งดังนี้ด้วย!
ดังนั้นเซียวหลิงอวิ๋นจึงเลือกที่จะถอยออกมาก่อน! ไม่คิดที่จะตั้งรับวิชาหมัดของจ้าวซานเต๋อโดยตรง!
เมื่อจ้าวซานเต๋อเห็นเซียวหลิงอวิ๋นล่าถอยออกไปและไม่ได้บุกเข้ามาโจมตีทันทีเพื่อหยุดเขา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีเป็อย่างมาก!
เ้าขยะแซ่เซียว คงไม่รู้สินะว่าวิชาหมัดของตระกูลข้านั้นทรงพลังเพียงใด วิชาหมัดซ้อนคลื่นของตระกูลจ้าวเราคือการซ้อนพลังหมัดเอาไว้หลายๆ ทบ โดยก่อนที่พลังหมัดครั้งก่อนจะหายไป พลังหมัดที่ตามมาทีหลังจะถูกปล่อยออกมาซ้อนทับ เปรียบเหมือนกับคลื่นทะเลที่เป็ระลอกซ้อนกัน หรือไม่ก็หินที่กลิ้งลงจากูเา ที่ยิ่งเคลื่อนที่ออกไปไกลเท่าไร ความเร็วก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น พลังที่ทับซ้อนกันก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย! กว่าเ้าจะรู้ตัวและคิดจะต้านรับ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว!
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ปล่อยหมัดติดต่อกันไปหลายครั้ง จ้าวซานเต๋อก็พบว่าหมัดของตนััไม่ถูกแม้แต่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายเลย นับประสาอะไรกับการโจมตีอีกฝ่าย!
บ้าน่า! เ้าขยะเซียวหลิงอวิ๋นมันคล่องแคล่วว่องไวขนาดนี้ั้แ่เมื่อไรกัน ลื่นไหลอย่างกับปลาหลีชิวแหน่ะ!
พลังของหมัดซ้อนคลื่นนั้นยอดเยี่ยมมากก็จริง หากฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุดแล้ว ก็จะสามารถเสริมความแข็งแกร่งของหมัดซ้อนคลื่นให้เพิ่มไปถึงสามสิบหกชั้นได้ ทรงพลังมากจนสามารถใช้ต่อสู้กับผู้ใช้พลังิญญาระดับหนึ่งถึงสองที่เปิดเส้นชีพจริญญาแล้วได้เลย ยิ่งนักยุทธ์ระดับเก้าด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้าด้วยทั้งนั้น!
แต่จ้าวซานเต๋อเองอยู่แค่ขั้นสูงสุดของนักยุทธ์ระดับสี่เท่านั้น ยังเหลืออีกก้าวหนึ่งก่อนจะเป็นักยุทธ์ระดับห้า!
ปัจจัยดังกล่าวทำให้หมัดซ้อนคลื่นชุดนี้ของเขาซ้อนทับกันได้สูงสุดเพียงหกคลื่นเท่านั้น!
ภายในชั่วพริบตา คลื่นหมัดทั้งหกที่ซ้อนทับกันโดยสมบูรณ์ก็ถูกปล่อยออกไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่เป็อะไรเลย ซึ่งหมายความว่าพลังมหาศาลอันเกิดจากการซ้อนทับกันนี้ล้วนกระทบแต่ความว่างเปล่า!
หกคลื่นคือขีดจำกัดของจ้าวซานเต๋อแล้ว ทำให้เขาไม่มีพลังเหลือพอที่จะหยุดยั้งพลังนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะควบคุมพลังนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก!
เท่ากับการทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขานี้ล้วนเปล่าประโยชน์ กลับกลายเป็เกิดความรู้สึกหายใจติดขัดและไม่สบายใจแก่จ้าวซานเต๋อ จนตัวเขาแทบจะอาเจียนเป็เื!
ขณะที่ทางด้านของเซียวหลิงอวิ๋นซึ่งกำลังก้าวหลบอย่างรวดเร็ว ่จังหวะหลบหลีกเขาก็เพ่งมองหมัดของอีกฝ่ายไปด้วย! พบว่าวิชาหมัดนี้มีลูกเล่นแฝงอยู่บ้าง!
ทุกหมัดที่ถูกปล่อยออกมาจะมีเสียงแหวกผ่านอากาศดังขึ้นแ่ๆ และทวีความดังชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเงาหมัดที่ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น พลังก็รุนแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน! ให้ความรู้สึกราวกับคลื่นทะเลที่เป็ระลอกซ้อนกันหลายลูก ส่งผลให้คลื่นระลอกก่อนหน้ารุนแรงกว่าเก่า! ทักษะลับของหมัดซ้อนคลื่นนี้ คือการเพิ่มความรุนแรงจากการประสานพลัง ก่อให้เกิดพลังที่สุดยอดนี้ขึ้นมา!
ในขณะที่เซียวหลิงอวิ๋นกำลังมองดูด้วยความชอบใจอยู่ ทันใดนั้นเองเงาหมัดที่เป็ดั่งคลื่นตรงหน้าเขาก็ะเิออกราวกับฟองสบู่แตก!
เซียวหลิงอวิ๋นสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาของจ้าวซานเต๋อที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็สีตับหมูไปแล้ว เขาก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทันที!
กระนั้นเขาก็ยังจงใจเอ่ยประชดประชัน “อ้าว หยุดทำไมเล่า ข้ากำลังคิดอยู่พอดีว่าข้าควรจะรับหมัดนี้ดีหรือไม่? หากพลังของหมัดมากกว่านี้สักสามถึงห้าส่วน!”
“พรวด!” เมื่อจ้าวซานเต๋อได้ยินเช่นนี้ เขาก็โกรธมากจนกระอักเืพุ่งออกมาเต็มปาก!
“ไม่จริงน่ะ จ้าวซานเต๋อ วิชาหมัดตระกูลจ้าวของเ้าจำเป็ต้องพ่นเืออกมาเสียก่อนจึงจะใช้ได้อย่างนั้นหรือ!”
คำกล่าวของเซียวหลิงอวิ๋นทำให้จ้าวซานเต๋อถึงกับกระอักเืออกมาอีกหนทันที!
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อฝูงชนที่ยืนดูอยู่ได้ยินคำพูดของเซียวหลิงอวิ๋น และมองเห็นสถานการณ์ของจ้าวซานเต๋อแล้ว เสียงหัวเราะพลันะเิออกมาจากบริเวณโดยรอบทันที!
“เซียวหลิงอวิ๋น ตายเสียเถอะ!” เขากระอักเืออกมาสองคำโต พ่นเอาลมหายใจที่ติดขัดอยู่ภายในอกและช่องท้องของตนออกมา เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากผู้คนรอบตัว จ้าวซานเต๋อทั้งอับอายและโกรธจัด ในขณะเช็ดเืที่มุมปากก็แค่นเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ พุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ดุดัน ชกเซียวหลิงอวิ๋นเข้าที่หน้าอก!
คราวนี้จ้าวซานเต๋อไม่ได้ใช้วิชาหมัดซ้อนคลื่นแล้ว! แต่ใช้วิชาหมัดพื้นฐานที่ศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักิญญาเมฆาฝึกฝน เป็ท่าที่นิยมใช้เมื่อ้าโจมตีอย่างรุนแรง... นั่นคือวิชา [หมัดพยัคฆ์เมฆา] ท่าโจมตีซึ่งหน้า... [ค้อนพยัคฆ์เมฆา]!
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเซียวหลิงอวิ๋น!
เขาเลือกไม่หลบเลี่ยง!
ลดเอวลงต่ำ และต่อยหมัดขวาออกไป!
กระบวนท่าที่ปล่อยออกมานั้นเป็อย่างเดียวกัน... [ค้อนพยัคฆ์เมฆา]
เปรี้ยง! ทั้งสองหมัดที่เหมือนกันทุกประการของค้อนพยัคฆ์เมฆา เข้าปะทะกันโดยไร้ซึ่งลูกเล่นใดๆ!
“กร๊อบ!” หลังจากนั้นพลันตามด้วยเสียงกระดูกแตก!
ร่างของจ้าวซานเต๋อถอยกรูดออกไปถึงสามก้าวใหญ่ๆ!
เขาใช้มือซ้ายประคองมือขวาที่กำลังสั่นเทา “อ๊าก!” และในขณะเดียวกันเสียงร้องอย่างไม่อาจระงับได้ก็ดังออกจากปากของจ้าวซานเต๋อ เขาจ้องมองไปที่เซียวหลิงอวิ๋น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่ออย่างชัดเจน “จะ...เ้า เหตุใดถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้!”
ไช่ิที่ลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างๆ อย่างยากลำบากก็มีท่าทีไม่เชื่อเช่นกัน! เขารับรู้ถึงความแข็งแกร่งของจ้าวซานเต๋อเป็อย่างดี ในแง่ของพลังต่อสู้แล้ว จ้าวซานเต๋อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้งเขาและอีกฝ่ายเลย แต่ในเวลานี้กระดูกมือของจ้าวซานเต๋อกลับแตกออกเป็เสี่ยงๆ ด้วยพลังหมัดของอีกฝ่าย!
จะ... เ้าหมอนั่นยังใช่ไอ้ขี้แพ้ที่ใช้เวลาทะลวงสู่ระดับสามตั้งสองปีจริงหรือ?
ระ...หรือว่าเ้าหมอนี่จะไม่ได้เป็เพียงนักยุทธ์ระดับสามแล้ว การล้มเ้าหมีั์ได้ในวันนั้นคงไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็เพราะเ้าหมอนี่แข็งแกร่งจริงๆ เมื่อนึกได้เช่นนี้ ไช่ิก็มองไปที่ฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง และแล้วดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นก็ฉายแววน่าสะพรึงกลัวออกมา!
“ฮ่าฮ่า ไปกันเถอะ!” ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านนอกของหมู่ผู้ชมหัวเราะออกมา เขาหันหลังกลับแล้วเดินจากไปก่อน!
“สายตาพี่อี้นี่สุดยอดจริงๆ!” อาฉวนรีบเดินตามไป แล้วยกนิ้วโป้งให้พลางเผยสีหน้าชื่นชม!
ไม่กี่นาทีต่อมา
“เอาล่ะ วิชาหมัดและฝ่ามือนี้มีมูลค่าถึงยี่สิบเหรียญทองต่อหน พวกเ้าสองคนยังติดหนี้ข้าอีกห้าสิบห้าเหรียญทองนะ จำเอาไว้ด้วยว่าพวกเ้าจะต้องเสาะหามาจ่ายภายในหนึ่งเดือน หากเกินกำหนด พวกเ้าจะต้องจ่ายเพิ่มเป็ดอกเบี้ยหนึ่งเหรียญทองต่อวัน! ฮ่าฮ่า ต้องขอขอบคุณพวกเ้าทั้งสองสำหรับการแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชากับเหรียญทองเหล่านี้ด้วย!” เซียวหลิงอวิ๋นหัวเราะลั่น ยึดตำราวิชาของทั้งคู่ และทิ้งหนังสือกู้ยืมเงินที่ประทับด้วยลายนิ้วมือเืของทั้งคู่เอาไว้ ก่อนจะเดินจากไป!
อย่าคิดว่าเขาเพียงไม่เล่นงานเ้าโง่ทั้งสองคนจนถึงแก่ชีวิตหรือพิการในสถานที่ที่คนพลุกพล่าน ต่อให้อยู่ในที่เปลี่ยวไร้ผู้คน เซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่อยากจะฆ่าทั้งคู่ให้ตายอยู่ดี เขา้าเก็บดอกเบี้ยอย่างช้าๆ สักสามชั่วอายุคน เพื่อให้ตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงคำที่เรียกว่า ‘มีชีวิตอยู่เลวร้ายยิ่งกว่าตาย’ เขา้าทำให้ว่านฮวน จ้าวิเจี้ยน และพรรคพวกของจ้าวซานเต๋อได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำว่า “ตายเสียดีกว่าอยู่!”
ในขณะที่ใบหน้าของไช่ิกับจ้าวซานเต๋อดำคล้ำกลายเป็ขี้เถ้า!
ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ค่อยๆ แยกย้ายกันออกไป!
ที่นั่งริมหน้าต่างในห้องส่วนตัวบนชั้นสองของภัตตาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณหกสิบเมตร!
ณ ที่นั้นมีคนนั่งอยู่สองคน!
ตรงที่นั่งทางด้านซ้าย เป็ชายชราร่างสูงที่มีเคราอันงดงาม ใบหน้าแดงก่ำ
ส่วนคนทางขวาคือบุรุษที่มีร่างกายกำยำ ทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาที่หยาบกร้านนัก!
เวลานี้ ชายชราร่างสูงยิ้มให้กับชายร่างกำยำที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งพลางกล่าว “ถิงเทียน เ้าเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่มาจากสำนักของเ้า! หลังจากที่ดูพวกเขาต่อสู้กันทั้งสองรอบแล้ว เ้าคิดเห็นว่าอย่างไร!”
“เด็กหนุ่มสองคนที่เรียกอีกฝ่ายว่าขยะนั้นต่างหากที่เป็ขยะของจริง หากไร้ซึ่งโชคชะตาแล้ว ชั่วชีวิตนี้คงจะหมดหนทางได้ก้าวสู่การเป็ผู้ใช้พลังิญญา ทว่าเ้าเด็กหนุ่มแซ่เซียวนั่น แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะยังไม่สูงนัก แต่ดูฉลาดเฉลียวมากและมีพร์ไม่เลวเลย มีความหวังว่าเขาจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็ผู้ใช้พลังิญญาได้!” ชายร่างกำยำตอบด้วยความเคารพหลังจากได้ยินคำถาม!
“เท่านั้นเองหรือถิงเทียน ข้าว่าเ้าควรจะตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักหลิงซือของเรา! เพราะเหตุใดเราถึงได้มอบหมายให้เ้าไปแฝงตัวอยู่ที่สำนักแห่งนี้ เ้าไม่รู้ซึ้งถึงความพยายามของพวกเราบ้างเลยหรือไร?” ชายชราลืมตาขึ้นเล็กน้อย จ้องมองไปยังชายร่างกำยำอย่างไม่กลัวเกรง ประกายแสงคุกคามส่องวาบออกมาจากส่วนลึกในดวงตาของเขา!
“ศิษย์เข้าใจดี แต่ท่านอาจารย์ลุง...” ภายใต้สายตาน่าหวั่นเกรงของชายชรา ชายร่างกำยำท่าทางห้าวหาญคนนี้ยังอดไม่ได้ที่จะห่อตัวให้เล็กลง! เอ่ยอย่างตะกุกตะกัก!
“เ้าจะเข้าใจอะไร? เ้าอยู่ที่สำนักนี้มาสามปีแล้วใช่หรือไม่ หากเ้าเข้าใจจริง ใน่สามปีมานี้เ้าก็น่าจะพบผู้มีความสามารถที่มีศักยภาพอย่างแท้จริง และทาบทามมาเข้าสำนักหลิงซือของพวกเราหลายคนแล้ว! เดิมทีพวกเราคิดว่าระดับของเหล่าศิษย์ในสำนักิญญาเมฆาของเ้าอยู่ในระดับกลางๆ เสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่สายตาของเ้าเสียมากกว่า!” เสียงของชายชราเย็นเยียบลงทุกขณะ
ไม่น่าแปลกใจเลย กว่าเ้านี่จะกลายเป็ปรมาจารย์ิญญาได้ต้องใช้ยาิญญาระดับสามถึงห้าทั้งหมดที่ท่านอาจารย์สะสมมาเป็เวลาสิบปีจนหมด! ปริมาณดังกล่าวนั้นมากพอๆ กับยาิญญาที่คนอื่นใช้ถึงสามเท่า!
ด้วยพร์ที่ดีและโชคช่วย มันสามารถสร้างปรมาจารย์ิญญาได้ถึงสามคนด้วยยาิญญาเ่าั้!
เมื่อพิจารณาจากระดับการมองผู้คนของเ้านี่แล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะยังติดอยู่ที่ระดับปรมาจารย์ิญญาขั้นต้นเป็เวลากว่าสิบปี ไม่สามารถพัฒนาได้สักที! นั่นเพราะััิญญายังอยู่แค่ในระดับนี้น่ะสิ! ชายชราได้แต่คิดอย่างขมขื่นในใจ!
หลังจากได้ยินคำพูดอันเย็นะเืของชายชราแล้ว เหงื่อเย็นพลันผุดขึ้นเต็มใบหน้าของชายร่างกำยำ ไหล่ที่เคยผึ่งผายบัดนี้ยิ่งหดต่ำลงไปอีก
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว สิ่งที่ท่านอาจารย์ลุงสั่งสอนข้านั้นถูกต้องแล้ว!”
“เ้าเด็กหนุ่มแซ่เซียวนี้มีพร์ดี! ท่าทีของเขาก็ดูเหมาะกับอุปนิสัยของข้า เ้าต้องตั้งใจฝึกฝนเขาเป็อย่างดี เฝ้าดูเขาไปอีกสักระยะ ข้าจะกลับแล้ว!” ทันทีที่เอ่ยจบ ร่างของชายชราก็หายวับไปทันที!
“ขอรับ ท่านอาจารย์ลุง!” แม้ว่าชายชราจะจากไปแล้ว แต่ชายร่างกำยำก็ยังคงโค้งคำนับไปยังตำแหน่งเดิมที่ชายชรานั่งอยู่ตรงหน้า ขานรับด้วยความเคารพ!
...
ครั้นเปิดฝาขวดยาวิเศษออกพร้อมกับเสียงดัง ‘จ๋อม’ ของเหลวสีแดงใสและโปร่งแสงราวกับหินโมราสีเื หยดลงไปในถังไม้ขนาดใหญ่ที่มีน้ำอยู่ครึ่งถัง ทันใดนั้นน้ำครึ่งถังที่ใสราวกับแก้วก็หายไป แทนที่ด้วยสีแดงสดทันที ชั่วขณะต่อมาก็ปรากฏคลื่นความร้อนพวยพุ่งออกมาจากถังน้ำ!
เซียวหลิงอวิ๋นรีบถอดเสื้อผ้าออก สวมเพียงกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว จากนั้นทั้งตัวของเขาก็ค่อยๆ จมลงในถังไม้ขนาดใหญ่นี้!
ฟู่!
ความร้อนมหาศาลที่คุ้นเคยพุ่งเข้ามาในหัวทันที แทบจะทันทีที่ร่างกายของเซียวหลิงอวิ๋นนั่งลงไปในของเหลวแห่งจิติญญานี้ ร่างกายของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้าน!
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ ตัวเขาคุ้นเคยกับมันดี เซียวหลิงอวิ๋นเหม่อลอยไปอยู่ชั่วขณะ ราวกับว่าเขากลับไปสู่่เวลาที่เขาต้องอดทนต่อของเหลวจิติญญาชนิดเดียวกันนี้เมื่อหกหมื่นปีก่อน!
แต่ในขณะนั้นเองเขาก็รวบรวมสมาธิและสงบสติอารมณ์ แล้วเริ่มฝึกจิตตาม [เคล็ดวิชามหาเทพโกลาหล] โดยเริ่มฝึกตนทั้งที่ร่างของตนยังอยู่ในของเหลวอันร้อนระอุนี้ หากเป็นักยุทธ์คนอื่นแล้วอาจจะไม่สามารถทนต่อของเหลวร้อนระอุนี้ได้แม้เพียงสิบอึดใจ หากแต่สำหรับเขาแล้ว มันเหมือนกับการอาบน้ำอุ่นเท่านั้น!
พลังการรักษาที่ท่วมท้นนี้จะดูดซับพลังิญญาฟ้าดินอันมหาศาลที่อยู่ในชั้นบรรยากาศให้หลั่งไหลเข้ามาสู่ร่างกาย
หน้าอกของเซียวหลิงอวิ๋นพองขึ้นและยุบลงเล็กน้อยในระหว่างที่เขากำลังหายใจ เขาหายใจเข้าสามครั้ง หายใจออกหนึ่งครั้งอย่างเป็จังหวะ และทุกครั้งที่หายใจเข้าก็จะมีไอสีเืซึ่งเกิดจากการระเหยของน้ำสีแดงเื ถูกดูดเข้าไปในปากและจมูกราวกับปราณดาบสีแดง กลายเป็พลังงานไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
ในขณะที่พลังปราณหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ใบหน้าของเซียวหลิงอวิ๋นซึ่งยังดูอ่อนเยาว์ก็ค่อยๆ ชุ่มชื้นขึ้นราวกับหยกเือย่างช้าๆ
