ภายในใจเย่ชิงหานเองก็ทอดถอนใจอยู่ไม่ต่างกัน ถ้าไม่สู้ต่อแล้วจะทำอะไรได้? เขาไม่มีหนทางอื่นให้เลือกแล้ว นอกจากกัดฟันดันทุรังเดินต่อไปบนถนนสายพลังกฎเกณฑ์แห่งพื้นที่นี้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำอย่างไร
“เฮ้อ...” ลู่ซีถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง กำลังเตรียมที่จะพูดอะไรออกมาเพื่อปลอบใจเขาสักสองสามประโยค ทันใดนั้นเขาหันมองไปทางด้านซ้ายด้วยความแปลกใจดวงตาปรากฏแสงแห่งความแปลกประหลาดใจออกมาให้เห็น
เย่ชิงหานมองเห็นใบหน้าแพะที่เ็าของลู่ซีปรากฏอารมณ์ขึ้นมาจึงรีบหันมองตามไปอย่างแปลกประหลาดใจเช่นเดียวกัน เพียงแต่สิ่งที่เขามองเห็นก็มีแค่เพียงกำแพงสีทองของห้องโถงใหญ่เพียงเท่านั้น
หึ่ง...
ในเวลานี้เองอากาศพลันปรากฏการกระเพื่อมขึ้นครั้งหนึ่ง ต่อมาเสียงดังกังวานน่าฟังดังก้องเข้ามาในหูของเย่ชิงหาน
ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกราวกับว่าดวงตาได้มองเห็นสิ่งที่แปลกประหลาดบางอย่าง...กลางท้องฟ้าเบื้องบนพลันปรากฏแสงรุ้งเจ็ดสีที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มก้อนเมฆขึ้นมา จากนั้นกลุ่มก้อนเมฆเจ็ดสีนี้พลันะเิแตกออกส่องสว่างไปทั่วผืนปฐี จากนั้นแสงอสุนีบาตสีม่วงสายหนึ่งผ่าลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ผ่าลงไปยังผืนแผ่นดินแห่งใดแห่งหนึ่งในทวีปัเพลิงแล้วก็เลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย...
“นี่...นี่มันคืออะไร?”
เย่ชิงหานลืมความเ็ปไปในทันที อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง เอ่ยปากถามลู่ซีขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ปรากฏการณ์ที่ได้เห็นช่างยิ่งใหญ่ทรงพลังจนน่าตกตะลึง แล้วทำไมมันถึงมาปรากฏขึ้นในหัวของเขาได้?
ลู่ซียิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมกับมองดูเย่ชิงหานแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องแปลกใจ ปรากฏการณ์นี้คือ...ทวีปัเพลิงของเ้ามีผู้ที่เหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตเทพ์ได้ สิ่งที่เห็นคือพลังฟ้าดินทำการมอบความสามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาและผลึกเทวะให้แก่เขา สิ่งที่เ้าััได้ก็คือปรากฏการณ์ที่ผู้ที่กำลังเริ่มทำการฝึกฝนพลังกฎเกณฑ์และผู้ที่ศึกษาจนรู้แล้วจะมองเห็นได้ในตอนนี้ อืม...มีคนกลายเป็เทพอีกแล้ว...”
“มีคนกลายเป็เทพ...” เย่ชิงหานเลียริมฝีปากไปมา คิดถึงกลุ่มก้อนเมฆเจ็ดสีเมื่อสักครู่ คิดถึงแสงอสุนีบาตสีม่วง ภายในใจคล้ายกับคิดอะไรขึ้นมาได้รีบนั่งขัดสมาธิขึ้นโดยไม่สนต่อความเ็ปของร่างกายจากนั้นหลับตาเข้าสมาธิไปโดยทันที
.................................
เวลาในตอนนี้ของทวีปัเพลิงเป็เวลาเที่ยงคืนดึกสงัด ประชาชนคนธรรมดาล้วนทำการหลับพักผ่อนกันั้แ่หัวค่ำ มีเพียงเหยี่ยวราตรีทั้งหลายจำนวนไม่มากที่อยู่ตามร้านเหล้าและหอนางโลมที่ยังสุขสำราญครื้นเครงกันอยู่...
เมื่อตอนที่กลุ่มรุ้งก้อนเมฆเจ็ดสีส่องสว่างขึ้นนั้นมีคนเพียงบางกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่รู้ แต่แสงอสุนีบาตที่ผ่าลงมานั้นกลับทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนตื่นขึ้นมาจากการหลับฝัน
กลุ่มก้อนเมฆเปล่งประกายสาดส่องไปทั่วทั้งทวีปัเพลิง ท้องฟ้าเบื้องบนปรากฏแสงรุ้งเจ็ดสีขึ้นผู้คนที่ถูกทำให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันลุกขึ้นมาจากเตียงมองเห็นแสงรุ้งเจ็ดสีที่ยังหลงเหลือให้เห็นได้ลางๆ ต่างตื่นตระหนกกันขึ้นมา จากนั้นต่างพากันคุกเข่าลงหันหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของนครแห่งเทพ ปรากฏการณ์ฟ้าดินที่เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้นอกจากนิมิตแห่งเทพแล้วไม่มีสิ่งใดที่พอจะเป็คำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
ผู้มีพลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบจำนวนนับไม่ถ้วน รวมไปถึงผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิและผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดเมื่อมองเห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่น่าตื่นตระหนกใที่เกิดขึ้นต่างเริ่มรวมตัวพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราว ปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ทรงอานุภาพน่าเกรงขามเช่นนี้หรือว่าจะเป็นิมิตของสมบัติล้ำค่าระดับสูงปรากฏออกมา?
แน่นอนว่าเหล่ายอดฝีมือของเมืองัและห้าตระกูลใหญ่แม้จะตื่นเต้นดีใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยกับปรากฏการณ์ที่ได้เห็นแต่อย่างใด ในบันทึกประจำตระกูลของพวกเขาบอกไว้อย่างชัดเจนว่าปรากฏการณ์แสงรุ้งแห่งเทพและอสุนีบาตสีม่วงที่ผ่าลงมานี้เป็นิมิตหมายบอกให้รู้ว่ามีผู้ได้กลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพแล้ว
แน่นอนว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพของทวีปัเพลิงรู้ว่าใครที่กลายเป็เทพ
เย่รั่วสุ่ยลืมตาขึ้นมุมปากปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา จากนั้นลุกยืนขึ้นร่างกายขยับวูบขึ้นคราหนึ่งแล้วก็เลือนหายไป
ปรมาจารย์บรรพบุรุษของตระกูลเสว่เดินออกมาจากถ้ำที่อยู่นอกเมืองเพียวเสว่
เทพาทั้งสามคนของเมืองัเดินออกมาจากห้องลับที่ใช้เก็บตัวฝึกฝน
จ้าวเกาะเร้นลับมือที่ถือคันเบ็ดสั่นกระตุกขึ้นคราหนึ่ง จากนั้นจึงเก็บคันเบ็ดขึ้นร่างกายขยับวูบขึ้นคราหนึ่งแล้วเลือนหายไป
หุบเขาเล็กๆ เงียบสงบภายในูเาเทพปีศาจถูกเสียงพูดกระซิบกระซาบและเสียงถอนหายใจทำลายความเงียบลง
คนเถื่อนรูปร่างใหญ่ั์หลายคนภายในเขตหวงห้ามเทพคนเถื่อนต่างหยุดการฝึกฝนลงแล้วสาดสายตามองไปยังทิศตะวันออก
หอจ้าวเทวะ “ถู” วางหนังสือในมือลง สายตามองผ่านหน้าต่างออกไปยังท้องฟ้าห่างไกล ดวงตาเต็มไปด้วยแววของความสนุกสนาน จากนั้นสั่งกำชับถูเสินเว่ยให้ไปปลอบขวัญประชาชนของนครแห่งเทพให้สงบลงแล้วตนเองทำการอ่านหนังสือต่อ สำหรับเขาแล้วทวีปัเพลิงจะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพเกิดขึ้นมากี่คนนั้นไม่ได้รู้สึกเป็กังวลเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าเื่ราวยิ่งเริ่มจะสนุกขึ้นมาทุกทีแล้ว
.................................
เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบวันนี้เริ่มไม่สงบอีกต่อไป แสงอสุนีบาตสีม่วงสายนั้นได้ผ่าลงมายังหอสราญรมย์ที่อยู่ทางด้านสวนที่พักทางด้านทิศเหนือทำให้ทุกคนทั่วทั้งเกาะและทั่วทั้งเมืองเซียวหุนต่างสะดุ้งใกันขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายที่อยู่ในเมืองเซียวหุนต่างหน้าเปลี่ยนสีไปตามๆ กัน ผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลเยว่ต่างรีบเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบโดยทันที ส่วนผู้ฝึกยุทธ์อื่นๆ ก็ติดตามมาอยู่ด้านหลังอยากที่จะเข้าไปภายในเกาะเพื่อจะดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เพียงแต่ว่าด้านนอกเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบถูกยอดฝีมือของตระกูลเยว่ทำการปิดล้อมเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว ผู้ที่เป็หัวหน้าก็คือผู้าุโสูงสุดของตระกูลเยว่ เยว่จี นางไม่ได้ให้คำอธิบายอะไรมากพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยคออกมา “ฟ้าผ่าฝนใกล้จะตกแล้วขอให้ทุกท่านกลับไปนอนพักผ่อนเถอะ ส่วนลูกหลานตระกูลเยว่ทั้งหมดกลับไปยังตำแหน่งที่อยู่ของตนเอง!”
ลูกหลานนับร้อยของตระกูลเยว่และผู้ฝึกยุทธ์คนทั่วไปล้วนงุนงงสงสัยว่าเกิดเื่อะไรขึ้น แต่ในเมื่อผู้าุโสูงสุดทั้งสามของตระกูลเยว่ล้วนปรากฏตัวออกมากันทุกคนถึงเพียงนี้ พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามอะไรมากไปกว่านี้ ในขณะเดียวกันลูกหลานของตระกูลเยว่ทั้งหมดต่างเริ่มเตรียมตัวกันขึ้นเพื่อรอต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ที่จะมาเยือน
เหล่าผู้าุโสูงสุดทั้งหลายไม่พูดอะไรลูกหลานของตระกูลย่อมไม่กล้าที่จะสอบถาม เพียงแต่ยอดฝีมือบางคนคาดเดาอะไรขึ้นมาได้บ้าง ใบหน้าของพวกนางเริ่มปรากฏความปลื้มปีติยินดีออกมา จนกระทั่งไม่กี่วินาทีต่อมาเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมากลางอากาศยิ่งทำให้พวกนางรู้สึกปลื้มปีติยินดีอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม
“หัวหน้าตระกูลเยว่ วีรสตรีผู้มีพร์ล้ำเลิศ ฝึกฝนจนบรรลุมรรคาแห่ง์ ช่างน่ายินดี ช่างน่าเฉลิมฉลองยิ่งนัก!”
เงาร่างสีดำสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่อากาศ้าลานกว้างของสวนที่พักทางด้านทิศเหนือ ทำเอาลูกหลานของตระกูลเยว่ตกตะลึงงันกันไปทั้งหมด แต่ผู้าุโสูงสุดทั้งหมดของตระกูลเยว่ที่ลอยอยู่้าของลานกว้างกลับรีบคุกเข่าทำการคำนับลงในทันที
“ขอบคุณผู้าุโตระกูลเย่เป็อย่างมากที่ท่านมาเยี่ยมเยียน ขอให้ท่านผู้าุโทำการพักผ่อนก่อน รอให้ท่านหัวหน้าตระกูลของพวกข้าน้อยฝึกฝนเสร็จจะรีบออกมาต้อนรับด้วยตนเอง!”
“คำนับท่านผู้าุโตระกูลเย่!”
ลูกหลานตระกูลเยว่คนอื่นๆ เมื่อเห็นผู้าุโสูงสุดทั้งหมดต่างก็คุกเข่าลงจึงรีบคุกเข่าลงทำการคำนับเช่นเดียวกัน
“ไม่เป็ไร เพื่อนเก่าอีกหลายคนกำลังมา จะได้ถือโอกาสพบปะพูดคุยรอพอดี!” ผู้ที่มาก็คือเย่รั่วสุ่ย เขาอมยิ้มแล้วพูดออกมา คิ้วขาวยาวทั้งสองข้างโค้งงอขึ้น จากนั้นเดินไปนั่งยังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้
หึ่งๆๆ...
อากาศเริ่มกระเพื่อมขึ้นอีกครั้ง เงาร่างสี่สายพลันปรากฏขึ้นมากลางอากาศ ผู้เฒ่าในชุดสีเทาสามคนและหลงผี่ฟูจ้าวเขตปกครอง ผู้เฒ่าทั้งสามใบหน้าธรรมดาทั่วไปแต่ดวงตานั้นทอประกายแสงสว่างแสบตาจนน่าใ ทั้งสามยิ้มแย้มออกมาบนใบหน้าตลอดเวลา มองเห็นเย่รั่วสุ่ยนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้สนใจต่อคนของตระกูลเยว่แต่เดินตรงเข้าไปหาเย่รั่วสุ่ย แล้วหนึ่งในนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เ้าหนูเย่ มาไวไม่เบานี่”
“เหอะๆ เร็วกว่าท่านพี่ทั้งสามเล็กน้อย เชิญนั่งๆ!” คิ้วยาวของเย่รั่วสุ่ยกระตุกขึ้นรีบลุกขึ้นประสานมือไปยังทั้งสาม จากนั้นหันไปพูดขึ้นกับผู้าุโสูงสุดของตระกูลเยว่ “นางหนูน้อยตระกูลเยว่ บอกให้ทุกคนสลายตัวไปเถอะ เหลือพวกเ้าทั้งสามอยู่ก็พอ พี่ใหญ่ทั้งสามท่านนี้ไม่ค่อยชอบคนเยอะ!”
ผู้าุโสูงสุดของตระกูลเยว่รีบทำการสลายผู้คนออกไปจากนั้นรีบเดินกลับเข้ามาทำการคำนับ “คำนับท่านผู้าุโทั้งสาม คำนับท่านจ้าวเขตปกครองหลง!” พวกเขาแม้จะไม่เคยเห็นทั้งสามท่านมาก่อนแต่เมื่อมาพร้อมกันกับหลงผี่ฟูและเย่รั่วสุ่ยทำการเรียกขานเช่นนี้จึงเดาได้ไม่ยากว่าทั้งสามท่านน่าจะเป็ท่านเทพาของเขตปกครองเทพาไม่ผิดอย่างแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้